เหตุระเบิดกลางกรุงหลายจุดเมื่อปี 2549 เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุมาได้แม้แต่คนเดียว เนื่องจากช่วงนั้นการติดตั้งกล้องวงจรปิดในสถานที่สาธารณะยังไม่คลอบคลุม อีกทั้งเทคโนโลยีทางด้านการข่าวความมั่นคงยังไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน
ในครั้งนั้น มีข้อสันนิษฐานจากวิธีประกอบและสารที่นำมาใช้ประกอบระเบิด มีลักษณะเหมือนกับการใช้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การวิเคราะห์ว่าน่าจะมีกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์อยู่เบื้องหลัง เพราะเพิ่งเกิดเหตุยึดอำนาจมา 3-4 เดือน กระทั่งมีบางฝ่ายวิเคราะห์ไปถึงสารบางอย่างที่เหมือนกับการตรวจพบในรถยนต์ที่จะนำไปวางระเบิดสังหารอดีตผู้นำประเทศที่หนีคดีอยู่ในขณะนี้
สำหรับเหตุระเบิดล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความชัดเจนในเรื่องของสถานที่ที่ก่อเหตุ ที่มุ่งเน้นไปที่สัญลักษณ์ทางด้านความมั่นคง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้างกองบัญชาการกองทัพไทยและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรีสมาน โดยผู้ที่ลงมือก่อเหตุ “ส่งตรง” มาจากทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเส้นทางการหลบหนีที่มุ่งออกจากประเทศไทยติดต่อประเทศมาเลเซีย
ชุดพนักงานสอบสวน เร่งสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมได้ จากการติดตามไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด นำไปสู่การสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจที่ชี้ไปที่ปมของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบฯ ที่มุ่งหวังต่อรองในกระบวนการพูดคุยสันติสุข แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ และเร่งตรวจสอบพยานหลักฐาน หาความเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุรายอื่น และผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
มีการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มการเมืองที่มีฐานเสียงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการส่งต่อในสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาพาดพิงไปถึงพรรคประชาชาติ กลุ่มวาดะห์ นำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี จนผู้ที่กล่าวหาต้องเข้าไปขอโทษ วันมูฮะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ถึงที่ทำการพรรค และกรรมการบริหารพรรค จึงมีมติให้ถอนการแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ดูเหมือนว่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะ “ใจเย็น” กว่าทุกครั้งเมื่อตอบคำถามเรื่องระเบิด “ผิดวิสัย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะไม่ทนกับปฏิบัติการลอบกัด “เขย่า” รัฐบาลแบบนี้ ซึ่งนั่นแสดงว่าในฝ่ายความมั่นคงน่าจะเห็นภาพของ “ตัวละคร” ในเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้แล้ว เพียงแต่ “รอ” อะไรบางอย่าง
ทั้งนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกยังไม่ตัดประเด็น “การเมือง” ออกไป และเฝ้าดูปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ประสานเสียง “เขย่า” เรื่องถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงปฏิบัติการด้านข่าวสารที่กระหน่ำซ้ำซัดอย่างเป็นระลอก
โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกมา “ขย่ม” พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุว่า คสช.ล้มเหลวในการดูแลความสงบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งประเด็นว่า เป็นฝีมือของคนฝ่ายรัฐบาลเพื่อหวังกลบข่าวถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
กระนั้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงการให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวยิ่งทำให้เชื่อว่า “ตัวละคร” ในเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงน่าจะรู้ “แผนผัง” สั่งการ ที่ไปถึง “ผู้บงการ”
“แต่บอกได้เลยว่า คำว่ากลุ่มเดิมๆ ที่หมายถึงก็คือ กลุ่มเดิมที่เป็น Mastermind มีความคิดที่จะก่อเหตุไม่สงบทุกรูปแบบ ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดหรือทำ Fake News นี้ ก็คือการบ่อนทำลายประเทศแบบหนึ่งเหมือนกัน” พล.อ.อภิรัชต์ระบุ
พล.อ.อภิรัชต์ยังระบุว่า Mastermind ก็คือคนที่วางแผนต่อความคิดทุกอย่าง มันเกิดจากการวางแผนคนที่ดำเนินการ ด้วยหลักกลยุทธ์และยุทธวิธี มันต้องมีการวางแผน มีคนวางแผน และมีคนที่ไปดำเนินการ เป็นผู้ปฏิบัติ และต้องมีการนำของที่จะปฏิบัติ ถือเป็นกระบวนการความคิดที่อยู่ในหลักการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคนที่คิดส่วนใหญ่ มันจะสืบได้ยาก แต่คาดเดาและใช้เวลาในการหาหลักฐาน มั่นใจว่าตำรวจสามารถปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดีและตอบสนองนายกฯ ได้ ในส่วนกองทัพบกก็ได้แต่สนับสนุนเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่เคยรวบรวมไว้
ความพยายามของ “รัฐ” ในการหาตัวผู้กระทำความผิด และผู้ที่อยู่เบื้องหลังแก๊งป่วนเมือง ปฏิบัติการใต้ดิน-บนดินครั้งนี้ คงไม่หยุดแค่การถูกฝ่ายที่ก่อเหตุ “ตัดตอน” ให้เหลือผู้ที่ลงมือกระทำเท่านั้น แต่คงลงไปให้ลึกที่สุดในเครือข่ายผู้สูญเสียผลประโยชน์ทั้งหมด
เพราะนอกจากจะกระชากหน้ากาก Mastermind ได้แล้ว ยังทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในฝีมือของรัฐบาลในการทำงานดูแลรักษาความสงบฯ ลบข้อสงสัยว่า ฝ่ายรัฐเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์เอง!!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |