"บิ๊กตู่" สั่งเร่งขยายผลหาผู้บงการบึ้มกรุง ลั่นใครไม่เกี่ยวอย่าร้อนตัว "ผบ.ตร." ลงพื้นที่ยะลาเค้นสอบ 2 ผู้ต้องสงสัย นัดแถลงความคืบหน้าคดี 8 ส.ค.นี้ "ร้านเบเกอรี่" ย่านประตูน้ำระทึก! เจอพาวเวอร์แบงก์บอมบ์ซุกกองผ้า โชคดีประกายไฟไม่ลุกลาม "ทำเนียบฯ" วุ่นกระรอกทำหม้อแปลงระเบิด "ทวี" ชี้ปมระเบิดต้องดูหลักฐาน อย่าวิเคราะห์โยงมาสเตอร์มายด์แบบมีอคติ
ที่ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมืองฯ จ.ยะลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างลงพื้นที่ จ.ยะลา ถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ กทม.ว่า คดีมีความคืบหน้าตามลำดับ มีการจับกุม การออกหมายจับเพิ่มเติม มีการเชื่อมโยงต่างๆ ตอนนี้กำลังหาผู้อยู่เบื้องหลังหรือคนบงการ ซึ่งเรายังคงตัดประเด็นใดไม่ได้สถานการณ์ความไม่สงบไม่ปลอดภัยมีหลายอย่าง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนไม่อยากไปขัดแย้งกับใคร ใครไม่เกี่ยวข้องก็อย่าไปเดือดร้อนด้วย
"อาจจะเป็นใครก็ได้ที่คิดทำเรื่องเหล่านี้ อาจจะทำให้ไม่สงบเรียบร้อยที่จะทำให้โกรธแค้นหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่คนพวกนี้ไม่สมควรทำ เพราะบ้านเราเดินหน้าอยู่ขณะนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรทำ ไม่ว่าจะสาเหตุอะไรก็ตาม ทั้งในพื้นที่ภาคใต้และพื้นที่อื่นๆ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ถามว่า ผู้ปกครองหรือญาติของผู้ต้องสงสัยไม่เชื่อลูกหลานเกี่ยวข้อง นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเชื่อมั่นคนของตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เราถึงให้เขาเป็นผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่ผู้ต้องหา ซึ่งยอมรับว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
ถามถึงการยกระดับการพูดคุยสันติสุข พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นอีกประเด็น เพราะเรากำลังอยู่ในกระบวนการพูดคุย สาเหตุนั้นมีหลายอย่าง ประเทศไทยเราก็รู้ปัญหามันเยอะ ประเทศอื่นก็เหมือนกัน ประเทศที่เขาเจริญแล้วเขาก็มีปัญหา ซึ่งวันนี้คณะพูดคุยเขาก็ทำงานอยู่แล้ว นโยบายก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ต้องประสานกับรัฐบาลใหม่
"วันนี้ก็มีความคืบหน้า หลายอย่างก็กำลังขับเคลื่อน หลายอย่างก็ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งในการพูดคุยนั้นเป็นทางลับเปิดเผยไม่ได้ และหัวหน้าพูดคุยก็ยังเป็น พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมงานทั้งหมด ที่ยึดถือนโยบายลงไป เพราะนายกฯ ก็เป็นคนเดิม และผมก็เป็น รมว.กลาโหมด้วย เพียงแต่ต้องไปปรับแก้บางอย่างให้สอดคล้องกับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เรายกระดับความเข้มข้นการตั้งด่านในพื้นที่ชายแดนทุกด่าน เพราะเป็นช่องทางสำคัญที่ผู้เหตุใช้หลบหนี และเราสามารถจับกุมได้ ส่วนใหญ่ก็จากพื้นที่ชายแดนช่องทางธรรมชาติ และต้องพูดจาหารือกับมาเลเซียเพื่อนบ้านเราด้วย บางอย่างอาจจะติดขัดกันบ้าง ก็ค่อยๆ ปรับไป
ตร.นัดแถลงคดีบึ้มกรุง
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งร่วมคณะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ยะลา ได้แยกตัวเดินทางไปที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) อ.เมืองฯ จ.ยะลา เพื่อซักถาม 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส 2 ส.ค.62 คือนายวิลดัน มาหะ และนายลูไอ แซแง ซึ่งมีหมายจับจากเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดสืบความมั่นคง ถ.สาย 4107 ม.7 บ้านบริจ๊ะ ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 27 ก.ค.62
นอกจากนี้ นายวิลดัน มาหะ และนายลูไอ แซแง ชาว อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ยังตกเป็น 2 ผู้ต้องสงสัยจากเหตุลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้บริเวณแยกปฐมพร จ.ชุมพร ระหว่างโดยสารรถทัวร์ลงพื้นที่ภาคใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศปก.ตร.สน.จ.ยะลา มีผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดกรุงเทพฯ ถูกควบคุมตัวอยู่ทั้งหมด 4 คน นอกจากนายวิลดัน มาหะ และนายลูไอ แซแง ยังมีนายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ ชาว อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และนายมูฮำหมัดฮาซัย มะ ชาว อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งถูกควบคุมตัวได้ที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะกำลังจะหลบหนีข้ามแดนไปมาเลเซีย นำตัวมาสืบสวนขยายผลด้วย
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า วันที่ 7 ส.ค. ขอสอบถามผู้ต้องสงสัยด้วยตัวเองก่อน และจะแถลงความคืบหน้าคดีระเบิดกรุงเทพฯ ทั้งหมดในวันที่ 8 ส.ค.
มีรายงานว่า กองบังคับการสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งกำหนดการผ่านทางห้องไลน์ผู้สื่อข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการแถลงความคืบหน้าการคลี่คลายคดีเหตุระเบิดและการสืบสวนขยายผลจับกุมขบวนการลอบวางระเบิดทั่วกรุงเทพฯ หลายจุด ในวันที่ 8 ส.ค. เวลา 10.30 น.ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันเดียวกัน พล.ต.ต.เสนิต สําราญสํารวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) พร้อม พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.), พ.ต.อ.เจษฎา คุ้มศาสตรา ผกก.สน.พญาไท ร่วมกับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบภายในร้านไพโรจน์เบเกอรี่ ตั้งอยู่ริมถนนราชปรารภ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งพบมีพาวเวอร์แบงก์ต้องสงสัยวางซุกไว้กับกองผ้าในร้าน
นายวุฒิกร กุลกิจจา อายุ 28 ปี ลูกชายเจ้าของร้าน ให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังจะเก็บร้านพร้อมกับคนงาน จู่ๆ ก็พบพาวเวอร์แบงก์ก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวซุกอยู่ในกองเสื้อผ้า ที่วางอยู่ใต้โต๊ะกลางร้าน ตนจึงเดินไปถามร้านข้างๆ ว่ามีใครลืมพาวเวอร์แบงก์ไว้ในร้านหรือไม่ ทางร้านข้างๆ ก็แจ้งว่าไม่มีเช่นเดียวกับลูกน้องตน
"ก่อนหน้านี้ที่เกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่พบพาวเวอร์แบงก์เป็นส่วนประกอบระเบิด จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยทันที ซึ่งแม้ที่ร้านจะมีกล้องวงจรปิด แต่มีลูกค้าเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก จึงไม่ได้สังเกตว่าใครมีพิรุธหรือไม่" ลูกชายเจ้าของร้านไพโรจน์เบเกอรี่กล่าว
พบพาวเวอร์แบงก์บอมบ์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บหลักฐานจุดที่พบพาวเวอร์แบงก์และนำฮาร์ดดิสก์ของกล้องวงจรปิดภายในร้านไปตรวจสอบ โดยไม่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ ก่อนจะนำสุนัขตำรวจเข้าสแกนพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ร้านปุ๋ยแฟชั่น, ร้านฮ็อปในตลาดประตูน้ำ และตลาดไซด์วอล์ก ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เพื่อตรวจหาวัตถุแปลกปลอมอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พาวเวอร์แบงก์ที่เก็บกู้ได้นั้นมีลักษณะเดียวกันกับระเบิดเพลิงทั้งหมด 7 จุด แบ่งเป็นประตูน้ำ 5 จุด สยามสแควร์ 2 จุด ซึ่งมีสวิตช์หน่วงเวลา แผงวงจรและส่วนผสมของสารไวไฟที่ทำให้ติดไฟง่าย คาดว่าจะเป็นระเบิดเพลิงแสวงเครื่องที่คนร้ายนำมาวางไว้พร้อมกัน แต่เครื่องล่าสุดที่เพิ่งพบเกิดเพลิงลุกที่ตัวพาวเวอร์แบงก์เล็กน้อย ไม่ลุกลามไปจุดอื่นของร้าน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะอากาศในจุดที่คนร้ายนำมาซุกไว้ไม่เพียงพอจะทำให้เพลิงลุกลามได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 07.50 น. ได้เกิดเหตุระเบิดเสียงดังบริเวณประตู 8 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอยู่ติดกับคลองผดุงกรุงเกษม ตรงข้ามวัดโสมนัสฯ จนเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลหลายคนต่างตกใจ และเมื่อวิ่งไปดูที่จุดเกิดเหตุ พบเป็นเหตุตู้รวมไฟฟ้าเกิดชอร์ต เนื่องจากมีกระรอกเข้าไปทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และกระรอกตัวดังกล่าวก็ตายคาที่เกิดเหตุ ส่งผลให้เกิดไฟดับในหลายอาคารของทำเนียบรัฐบาล เช่น ตึกบัญชาการ ซึ่งเป็นห้องทำงานของบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำ ดูแลรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาลและพื้นที่โดยรอบ ไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวาย ห้ามมีเหตุระเบิดทั้งในทำเนียบฯ และพื้นที่โดยรอบทำเนียบฯ เด็ดขาด
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการระบุเหตุระเบิดกรุงเทพฯ เชื่อมโยงกับปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือมี Mastermind อยู่เบื้องหลังว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต้องเกิดจากพยานหลักฐานที่มีการรวบรวมแล้วได้ข้อเท็จจริงออกมา ถ้าเป็นการวิเคราะห์ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่เป็นธรรม อคติ ก็จะมีผู้เสียหาย
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า พรรคประชาชาติไม่ได้มีแต่คนมุสลิมอย่างเดียว ตนก็เป็นคนพุทธ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวาระแห่งชาติ ต้องนำความสงบสุขกลับคืนมา ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาผูกขาดอยู่กับฝ่ายความมั่นคง ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหา แม้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนไทยพุทธน้อยกว่าไทยมุสลิม ก็ต้องให้ความเท่าเทียม ไม่ใช่อยู่ที่จำนวน
"5 ปีที่ผ่านมา มีแนวคิดรวบอยู่กับฝ่ายความมั่นคง เราเรียกร้องว่าการเมืองนำการทหาร และความยุติธรรมต้องนำการเมืองการทหารด้วย เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม อย่าผูกขาด ต้องใจกว้าง วันนี้เรื่องภาคใต้ต้องไม่ใช่เรื่องการเมือง นำมิตรภาพทุกเชื้อชาติกลับมาให้ได้ บางทีปัญหาชายแดนภาคใต้บางครั้งเกิดจากความคิดของผู้แก้ปัญหามีปัญหา" พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ถามถึงกรณีการแจ้งความดำเนินผู้โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาพรรคประชาชาติเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด เลขาฯพรรคประชาชาติกล่าวว่า ส.ส.ในพื้นที่ได้แจ้งความไปเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาคนโพสต์ได้เข้ามาที่พรรค พร้อมหลักฐานว่าป่วยทางจิต หลักในทางกฎหมายผู้มีปัญหาสุขภาพจิตไม่ต้องรับโทษ เรื่องนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ จะนำเข้าที่ประชุมพิจารณาทำความเข้าใจต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |