แหม! นึกว่าเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 2 แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของ “พุธสัญจร” แต่สุดท้าย “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังเลือกวันกลางสัปดาห์ในการลงพื้นที่จนได้ โดยเลือกทัวร์ “ยะลา” เป็นจังหวัดแรกในรัฐบาลนี้ ซึ่งลุงตู่ก็ต้องสังเวยเลือดจนได้ เมื่อใช้มือหยิบทุเรียนจนหนามทิ่ม แต่ อดีตชายชาติทหารก็บอกว่า “ไม่เจ็บ” เพราะไกลหัวใจเยอะ ที่สำคัญยังได้หยอดมุกขณะถ่ายรูปว่า “รักนายกฯ ก็ต้องรัก ครม.ของผมด้วย ทุเรียนมีเกรดเอ เกรดบี เกรดซี สำหรับผมน่ะ เกรดเอ” ...๐

เรียกว่ามีตบมีหยอดเสมอ สมกับที่โลกออนไลน์ระบุว่า “นายกฯ เป็นคนตลก” จริงๆ แต่ดูเหมือนบางเรื่องก็ตลกไม่ออก และจะกลายเป็น “ตลกร้าย” หลอกหลอน “พล.อ.ประยุทธ์” เสียแล้ว เพราะ ดูเหมือนตั้งแต่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค อนค.เปิดประเด็นว่าด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับตำแหน่งไม่ครบตามรัฐธรรมนูญนั้น แม้ที่ผ่านมา “เนติบริกร” อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ จะพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าบ้าง หรือเงียบเฉยบ้างในการชี้แจงเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เรื่องมลายหายไป แต่ดูเหมือน “ฝ่ายค้าน” และ “ฝ่ายแค้น” ต่างมองกันว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับรัฐนาวาลุงตู่ จึงจับแบบให้มั่นคั้นให้ตายกันเลยทีเดียว ...๐

งานนี้ “ลุงตู่” ตอนต้นสัปดาห์เพิ่งประกาศให้เรื่องจบๆ ไป แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงดีก็มาบอกว่า “กำลังแก้ไขปัญหาอยู่” และล่าสุดในระหว่างทัวร์ยะลาก็บอกว่า “อยู่ระหว่างการแก้ไข ไม่มีเจตนาที่ทำให้ผิด ดูที่เจตนา เดี๋ยวจะเรียบร้อย” แต่ดูเหมือนขั้วตรงข้ามจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ โดยเห็นได้จากลูกพรรค “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ผู้จุดประเด็น รวมไปถึง พรรคฝ่ายค้านเบอร์หนึ่ง (หรือเปล่า) อย่าง “พรรคเพื่อไทย” ที่เกาะติดเรื่องนี้อย่างขะมักเขม้น ดูได้จาก “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ให้ลูกพรรคถามกระทู้สดนายกฯ แบบต้องให้เจ้าตัวเป็นผู้ตอบ เลยทีเดียว ...๐

หันกลับมาเรื่องใหญ่อย่าง “ระเบิดป่วนเมืองกรุง” กันบ้าง ซึ่งต้องตำหนิติติงอย่างมากกับการให้ข่าวของรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่การให้ข่าวกลับไม่เป็นระบบและรวมศูนย์ ทั้งที่ มีตัวอย่างเรื่องใหญ่มาแล้วอย่างปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงของ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่เมื่อปี 2561 เป็นตัวอย่าง ที่ “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ผู้ว่าฯ พะเยา และกำลังถูกโยกย้ายไปเป็น “ผู้ว่าฯ ลำปาง” ทำเป็นตัวอย่าง เพราะจะเห็นว่า ข้อมูลพื้นฐานตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงล่าสุดคือการจับกุมผู้ต้องสงสัยนั้น เรียกว่าสื่อทั้งทีวี หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ต่างรายงานกันแบบไม่รู้จะเชื่อใครดี ไล่มาตั้งแต่จำนวนครั้งระเบิด พื้นที่ และผู้ต้องสงสัย ซึ่งเรื่องอย่างนี้ควรมีเอกภาพ จึงขอฝากให้ฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ได้รับมอบหมายให้แถลงและชี้แจงเรื่องดังกล่าว ต้องทำการบ้านด้วย ...๐

หันมาเรื่อง ทอล์กออฟเดอะทาวน์และเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล กันบ้าง นั่นคือ ศึก 2 นางพญาระหว่าง “พรรณิการ์ วานิช” ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค อนค. กับ “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่กรณี “อีช่อ” แล้ว แต่ก็มาพีกจนถึงขั้นแจ้งความซึ่งกันและกันแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะให้กระบวนการยุติธรรมในการจัดการเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะลงเอยอย่างไร หรือ สุดท้ายทั้งคู่ก็ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มกะลาหัวเหมือนใครต่อใครที่มักปากกล้าขาสั่น ...๐

หันมาเรื่องเศรษฐกิจกันบ้าง เมื่อ “คณะกรรมการนโยบายการเงิน” หรือ กนง. มีมติ 5:2 ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี 4 เดือน โดยให้เหตุผลเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยโต งานนี้ชาวบ้านเขาบอกว่าในเมื่อลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ก็ช่วย ดูเรื่องช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากด้วยก็น่าจะดีนะจ๊ะ เพราะมันห่างกันราวฟ้ากับเหวกันเลยทีเดียว เผลอๆ  อาจเป็นช่องว่างดอกเบี้ยที่ติดอันดับโลกพอๆ กับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นได้ ...๐

อยากบอกว่า สถานการณ์โลกยามนี้อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างมาก ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน สงครามเศรษฐกิจญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ และล่าสุดอาจเกิดสงครามระหว่างประเทศระหว่าง “อินเดีย-ปากีสถาน” แต่ดูเหมือน พี่ไทยยังไม่สำนึกสำเหนียก ยังคงหาเรื่องวุ่นวายในประเทศกันไม่เว้นวัน งานนี้หากเกิด “วิกฤติต้มยำกุ้ง” หรือ “วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์” ขึ้นมาจะหาว่าหล่อไม่เตือนนะ หากยังมัวแต่กัดกันเองอย่างนี้ ...๐

ท.ศักดิ์