วันก่อนธนาคารกลางของจีนปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อดอลลาร์ลงไปที่ 7 หยวนต่อเหรียญสหรัฐฯ...เป็นระดับอ่อนที่สุดใน 11 ปี
พอข่าวนี้ออกมาเท่านั้นแหละก็เกิดการคาดการณ์ทันทีว่า ปักกิ่งกำลังปล่อยอาวุธใหม่เพื่อสู้สงครามการค้ากับสหรัฐฯ...นั่นคือการปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนลงไป
ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีน สี จิ้นผิงก็โต้ด้วยการปรับเงินหยวนให้อ่อน
ใครมีอาวุธอะไรก็ปล่อยออกมาให้เต็มที่ในช่วงนี้แหละ
ในวันเดียวกันนั้นเอง จีนก็ซัดอีกหมัดด้วยการประกาศว่าจะระงับการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เอาไว้ก่อน จนกว่าการเจรจาระหว่างสองประเทศจะหาทางลงได้
ทรัมป์ต้องคิดหนัก โต้ผ่านทวิตเตอร์ก่อนว่าการที่จีนลดค่าเงินหยวนอย่างนี้เท่ากับเป็นการ "ปั่นเงิน" หรือ currency manipulator
ซึ่งตามกฎหมายสหรัฐฯ คู่ค้าใดที่จงใจปรับค่าเงินของตัวเองให้อ่อนกว่าความเป็นจริงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้านั้นจะต้องถูกลงโทษ
ทรัมป์โต้ในทวิตเตอร์ว่า "อย่างนี้เรียกว่า currency manipulation ธนาคารกลางของเราฟังอยู่หรือเปล่า?"
มะกันเคยกล่าวหาจีนว่าจงใจ "ปั่น" หรือ manipulate อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับประเทศอื่นอยู่แล้ว
ทรัมป์อาจขู่ที่จะปรับภาษีสินค้าจีนขึ้นอีกก็ได้
ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับดอลลาร์ที่ 6.92 วันนี้ อ่อนที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นโยบายของธนาคารกลางจีนคือการตั้ง "ช่วงห่าง" หรือ band ของอัตราแลกเปลี่ยนประจำวัน อนุญาตให้ตลาดปรับขึ้นลงได้ไม่เกิน 2%
ทันใดนั้น อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดในประเทศก็ปรับตัวอ่อนลงทันที โดยวันนี้หนึ่งเหรียญสหรัฐฯ ซื้อได้ 7.03 หยวน
ในตลาดต่างประเทศปรับขึ้นไปที่ 7.07 เหรียญต่อดอลลาร์ เพราะตลาดข้างนอกสามารถปรับขึ้นลงได้คล่องตัวกว่า
ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราของเงินหยวนกับดอลลาร์ไม่ได้เห็นเลข 7 มาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติการเงินหรือ "วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์"
การที่เลข 7 มาปรากฏตัวอีกครั้ง จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มข้นของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง
แถลงการณ์ของธนาคารกลางจีนบอกว่า การที่เงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญนั้นเกิดจาก "การปกป้องทางการค้าและภาษีชัดใหม่ที่มีต่อสินค้าจีน"
แปลว่าจีนกำลังจะปรับอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนให้สอดคล้องกับปัญหาที่จีนเผชิญจากสหรัฐฯ
แต่ก็มีความเสี่ยงหลายด้าน เพราะเมื่อหยวนอ่อนยวบลงก็อาจจะทำให้เกิดความกลัวว่าเงินจะไหลออกนอกประเทศจีน
และอาจจะนำไปสู่นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจของจีน
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าจีนไม่ยอมให้สหรัฐฯ ชกข้างเดียวแน่นอน และหมัดสวนกลับของจีนในสงครามการค้ารอบนี้จะมาในทุกรูปแบบ เพราะนี่คือเกมที่ไม่มีใครยอมถอย
ทรัมป์ต้องการแสดงให้ฐานเสียงของเขาเห็นว่า เขาเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยวและพร้อมจะยืนซดกับผู้นำจีนได้อย่างไม่ลดละ
สี จิ้นผิงก็ไม่ต้องการให้ตนถูกมองว่าเป็นผู้นำที่อ่อนแอ เพราะประชาชนคนจีนกำลังจ้องว่าเขาจะจัดการกับทรัมป์อย่างไร จึงจะสมศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำระดับโลกของผู้นำมังกรยักษ์ได้
มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องค้าเรื่องขาย ไม่ใช่เพียงเรื่องการต่อรองทางธุรกิจ แต่ทรัมป์ได้ทำให้สงครามการค้ากลายเป็นการเผชิญหน้าแห่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิแห่งชาติแล้ว
ผลพวงที่ตามมากระทบไทยแน่นอน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม...ทราบแล้วปรับ รู้แล้วเปลี่ยน!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |