“ประยุทธ์” แจงถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งแรก บอกทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ขอให้จบอย่าให้เรื่องบานปลาย ถ้าไม่ดีก็ไปรอเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วกัน “เสธ.อ้าย” ชี้ฝ่ายค้านอยากหาเรื่อง 7 พรรคยังรุมถล่มบอกเป็นเรื่องใหญ่ “ปิยบุตร” อ้างเพื่อสร้างบรรทัดฐาน “ทวี” อัดขัดหลักนิติธรรม ทั่นเต้นท้าแน่จริงให้ ส.ส.ใหม่ปฏิญาณตนตามใจชอบในวันที่ 7 ส.ค.เลย พปชร.เตรียมส่งรายชื่อเทกระโถนชุดใหญ่ให้ ครม.เคาะ “ธนกร” ผงาดเก้าอี้คลัง
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความกรณี พล.อ.ประยุทธ์นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ในระหว่างเข้าร่วมพิธีวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 132 ปี โดยระบุว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการในการถวายสัตย์ต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ซึ่ง ณ ตรงนั้นก็เสร็จไปแล้วว่าต้องทำอะไรในการดูแลประชาชน ข้อความต่างๆ ที่พูดไปแล้วถือว่าครอบคลุมทั้งหมด และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย ที่สำคัญที่สุดเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งพระองค์ท่านมีรับสั่งมาให้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งตรงกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจบดีกว่าอย่าให้บานปลาย หลายคนในนั้นก็เป็นทหาร ขอร้องว่าเคยเป็นพี่น้องกันมา อย่าให้การเมืองมาทำให้ประเทศชาติปั่นป่วนไปทั้งหมด ถ้าจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ให้รอเลือกตั้งคราวหน้าก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น จะกังวลไปทำไม เพราะมีเรื่องที่น่ากังวลมากกว่านี้อีกมาก การที่เป็นนายกฯ และเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีเรื่องหลายอย่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมีตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดยรัฐธรรมนูญได้เขียนแบบกว้างๆ เอาไว้ แต่ก็ไปทะเลาะกันแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปดูว่ากฎหมายลูกมีอะไรบ้าง เพราะเป็นส่วนที่จะทำให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่รัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่กรอบกว้างจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องอาศัยกฎหมายลูกที่มีหลายพันหลายหมื่นฉบับ รวมถึงกฎกระทรวง
“ขอให้ทุกคนรักประเทศไทยมาก อย่าไปนำเสนอข่าวที่ขัดแย้งเพราะจะถอยกันทั้งประเทศ ผู้บัญชาการเหล่าทัพและทหารทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีใครอยากจะอยู่ตรงนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำ จะไปย้อนกลับทำไม ไม่มีอะไรจะให้เดินหน้าสักอัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ในประเด็นกล่าวคำถวายสัตย์ว่า ยังไม่เห็นข่าว รู้ว่าจะมีแต่ไม่รู้รายละเอียด ส่วนรัฐบาลต้องเตรียมตัวอย่างไรนั้น ต้องให้รู้ก่อนว่าเขาทำอะไรค่อยเตรียมก็ได้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวเช่นกันว่า การตั้งกระทู้หรือการทวงถามของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้นสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่จะทำด้วยเหตุผลและความเหมาะสมอะไรก็ขอให้ทำด้วยความรอบคอบ เพราะเชื่อว่าทุกคนไม่มีแนวคิดหรือเจตนาที่ไม่ดี
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีความชัดเจนหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวตกลงเป็นอย่างไร นายพุทธิพงษ์ตอบว่า ขอให้ผู้ที่มีเหตุผลซึ่งสามารถชี้แจงได้เป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร ดังนั้นต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ให้ข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้น แต่การถวายสัตย์ปฏิญาณถือว่าสมบูรณ์ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญแล้วและ ครม.สามารถทำหน้าที่ได้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านยกเป็นประเด็นและเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นประเด็นทางการเมืองเท่านั้น จะไม่เป็นปัญหาบานปลายหรือกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหากผู้ใดยังติดใจต้องใช้กระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อมีคนยื่นเรื่องแล้วศาลจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่
ซัดฝ่ายค้านหาเรื่อง
ส่วน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนนั้นไม่ใช่ ไม่จริง เช่นเดียวกับทหารเมื่อไปรายงานตัวจะผิดหรือถูกก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา หากผิดก็ต้องสั่งให้พูดใหม่ แต่ท่านพระราชทานพระบรมราโชวาทก็จบแล้ว ก็ว่ากันไปเรื่อย ฝ่ายค้านก็ต้องหาเรื่อง
พล.อ.บุญเลิศยังกล่าวถึงอายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวเพราะตั้งใจอยู่แล้ว จะมาอยู่ประเดี๋ยวประด๋าวได้อย่างไร เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือพวกเดียวกัน และรัฐบาลต้องทำให้ดี ถ้าทำดีอยู่ยาว ส่วนคะแนนนายกฯ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้นได้คะแนนมากอยู่แล้ว 9.5 ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่านายกฯ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้นั้น เห็นว่าเป็นคาแรกเตอร์ เกลือก็ต้องเค็ม น้ำตาลก็ต้องหวาน ถ้าใจดีสุขุมไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นตัวของตัวเอง
ด้านความเห็นของซีกฝ่ายค้านนั้น นายชัยเกษม นิติสิริ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ ได้แสดงความเห็นหลัง พล.อ.ประยุทธ์ขอให้เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณจบได้แล้วว่า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเลยหรือจะจบเห่ทั้ง ครม. เพราะท่านยังไม่ได้ทำอะไรให้ชัดเจนเลยในสิ่งที่ท่านทำผิดไป ที่บอกว่าไม่ควรพูดถึงท่านก็ไม่ได้บอกไม่ควรพูดถึงเพราะอะไร ไม่ได้อธิบาย ต่อมาบอกให้จบ ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้กระจ่างเลย ทางจบของเรื่องนี้คือท่านต้องหาทางแก้ไขการกระทำนั้นเสีย ไม่ว่าจะทำไปโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ท่านไม่ควรปล่อยให้เกิดเป็นความกังขาของพี่น้องประชาชนแบบนี้
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรค พท.กล่าวเช่นกันว่า ถือเป็นการเลี่ยงหรือเพิกเฉยต่อสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ เพราะสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมานั้นเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักรัฐธรรมนูญชัดเจน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล่าวถือเป็นการจงใจกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสาระสำคัญจะบอกว่าจบแล้วไม่ได้ เพราะสังคมตั้งคำถามว่าหากรัฐบาลนี้ทำได้ แล้วรัฐบาลอื่นจะทำได้หรือไม่ มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพราะการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ในกรณีเดียวกัน หากรัฐบาลหรือพรรคการเมืองอื่นดำเนินการเช่นเดียวกันจะมีความผิดถึงขั้นต้องยุบคณะรัฐบาลหรือไม่
“หากปล่อยไปจะส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะข้าราชการต้องทำงานกับ ครม.ชุดนี้ จะมีความผิดตามหรือไม่ หากรัฐบาลผิดมาตั้งแต่ต้น ประหนึ่งกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดมันก็จะผิดทั้งหมด”พล.ท.ภราดรระบุ
อ้างเพื่อสร้างบรรทัดฐาน
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท.โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ว่า รัฐบาลกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องใหญ่ขนาดนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจตอบประชาชนด้วยคำพูดสั้นๆ ว่ามันจบและผ่านไปแล้ว หลักนิติธรรม หลักนิติรัฐของประเทศจะดำรงอยู่ได้อย่างไร หากผู้มีอำนาจและผู้นำรัฐบาลฝ่าฝืนและขัดขืนต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศเสียเองอย่างเนืองนิจ หรือยังคิดว่ารัฐบาลของตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่มีอำนาจอยู่เหนือ 3 อำนาจของประเทศแบบ 5 ปีที่ผ่านมา
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ซึ่งเป็นผู้จุดประเด็นเรื่องนี้ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆ พรรคช่วยกันพูดมาตลอด ท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้ที่สภาเปิดประชุมอาจต้องใช้กลไกในการซักถาม เพราะพรรค อนค.รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านเองไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย มีเพียงเจตนาให้หาวิธีแก้ไขให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ บรรทัดฐานจะได้เกิดขึ้น หากปล่อยไปมันจะกลายเป็นบรรทัดฐาน ต่อไปก็ไม่ต้องกล่าวให้ครบหรือ มันไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะถามในรูปแบบกระทู้สดหรือยื่นญัตติ นายปิยบุตรกล่าวว่า ในวันอังคารที่ 6 ส.ค.จะมีการประชุมวิปของ 7 พรรคฝ่ายค้านต้องรอหารือก่อน ส่วนจะยื่นต่อประธานสภาหรือไม่ ฝ่ายค้านอยู่ระหว่างศึกษากันอยู่ว่าจะดำเนินการต่างๆ อย่างไร แต่องค์กรที่มีอำนาจในการตีความ คือตัว ครม.อย่างน้อยที่สุดหากประเมินแล้วว่ากล่าวไม่ครบต้องหาทางแก้ไข ขอแก้ไขใหม่หรืออย่างไรก็ว่าไปให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหากยังยืดเยื้อต่อไปมองว่าท้ายสุดคงต้องให้องค์กรอิสระวินิจฉัยออกมาให้ได้ว่า สุดท้ายบรรทัดฐานและความถูกต้องควรเป็นแบบไหน
“อยากฝากถึงรัฐบาลว่าไม่มีใครรู้ถ้ามีมติ ครม.ออกมา แล้วเกิดมีผู้เสียหายไปฟ้องเพื่อถอนมติ ครม. โดยอ้างว่ามตินั้นมิชอบ เนื่องจากการที่นายกฯ นำถวายสัตย์ไม่ครบ เกิดเรื่องนี้คงวุ่นวายแน่นอน” นายปิยบุตรกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า ไม่มีกฎหมายยกเว้นนายกฯ กระทำผิดรัฐธรรมนูญแล้วให้รอเลือกตั้งคราวหน้า รวมทั้งที่บอกว่าอย่าให้เรื่องนี้บานปลาย จะดีไม่ดีอย่างไรก็ไปรอเลือกตั้งคราวหน้านั้น ถือว่าเป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับใช้อำนาจตามอำเภอใจอยู่เหนือรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เป็นการกระทำที่ขัดหลักนิติธรรม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องใหญ่ พูดไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญแล้วก็ให้จบๆ ไปตามปากนายวิษณุไม่ได้ คนในรัฐบาลต้องเลิกอ้างตามกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง การระบุซ้ำๆ ว่าครบทุกขั้นตอนแล้วไม่มีปัญหาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งที่กรณีนี้เป็นความรับผิดชอบของนายกฯ โดยตรงคนเดียว ในวันนั้นที่ต้องทราบว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติให้กล่าวคำถวายสัตย์ว่าอย่างไร และต้องอ่านให้ถูกต้องทุกตัวอักษร
แน่จริง 7 ส.ค.ปฏิญาณตามใจ
“ไม่ได้หวังเอาเป็นเอาตาย ไม่ได้คิดใช้เรื่องนี้ล้มรัฐบาล เบื้องต้นเพียงต้องการให้ยอมรับว่าผิดพลาด แล้วมีกระบวนการที่แสดงออกว่าสำนึกและเคารพความหมายความสำคัญของพิธีนี้ จากนั้นจะบริหารประเทศก็ว่าไปตามบทบาทหน้าที่ ดีกว่าที่กำลังตะแบงซึ่งถือเป็นการปู้ยี่ปู้ยำรัฐธรรมนูญ และทำลายประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมายาวนาน สถานการณ์ก็จะยิ่งบานปลาย ถ้าจะยืนยันว่าทำได้ไม่มีปัญหา ในวันที่ 7ส.ค.จะมีการประชุมสภา ซึ่งมีวาระสำคัญคือให้ ส.ส.ใหม่ 4 คนจากพรรครัฐบาลปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่ พรรคพลังประชารัฐควรให้ลูกพรรคลุกขึ้นปฏิญาณตามข้อความที่แต่ละคนเห็นว่าสมควร แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำและนายวิษณุบอกว่าได้ จะเอากันแบบนี้ไหม” นายณัฐวุฒิกล่าว
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์นำกล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน จะด้วยจงใจหรือไม่เจตนาที่ไม่กล่าวถ้อยคำในบรรทัดสุดท้าย เท่ากับเป็นการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่ตนเองเคยเป็นผู้ทำคลอดมาสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงถือได้ว่าเป็นละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากปล่อยไว้ในอนาคตนายกฯ หรือบุคคลที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็อาจจะเสริมเติมแต่งหรือใช้ถ้อยคำอื่นที่กฎหมายไม่ได้กำหนดได้ เพราะเห็นว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดบทลงโทษไว้
ส่วนที่นายวิษณุระบุในทำนองชี้นำว่าเรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว นายศรีสุวรรณกล่าวว่า คนที่ทำหน้าที่ตัดสินไม่ใช่นายวิษณุ และการที่นายวิษณุกล่าวเช่นนี้ถือว่าทำให้หลักกฎหมายของประเทศเสียหาย ออกมาพูดในลักษณะชี้นำเบี่ยงเบนประเด็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิด รับไม่ได้เพราะทุกคนต้องยึดตามกฎหมาย และนายวิษณุถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับเรื่องนี้ โดยเป็นนักกฎหมายของรัฐบาล เคยเขียนตำรากฎหมายมาก็มาก ก็ควรให้คำปรึกษาในทางที่ถูกต้องรักษาหลักกฎหมายของบ้านเมือง ไม่ใช่แปลความกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
"การกระทำดังกล่าวทั้งนายวิษณุและ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเข่าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งก็จะยื่นร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไปในต้นสัปดาห์หน้า” นายศรีสุวรรณกล่าวและว่า เรื่องนี้จึงต้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัย และหากศาลวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็จะถือว่าการบริหารงานของนายกฯ หรือ ครม.เป็นโมฆะ
ต่อมาในเวลา 14.00 น. นายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ซึ่งเคยเป็นศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมคณะได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเช่นกัน พร้อมระบุว่าหลังจากนี้จะไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด, สตช. และ ผบ.ทบ.ให้ตรวจสอบในกรณีเดียวกัน เพราะการกระทำของนายกฯ และ ครม.หมิ่นเหม่กระทบจิตใจประชาชนคนไทยที่เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำที่แสดงต่อหน้าพระพักตร์ต้องตั้งใจกระทำด้วยความเคารพและยึดความถูกต้องของกฎหมายเป็นสำคัญ ซึ่งการแสดงออกที่ต้องยึดถือความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ส่งชื่อเทกระโถนให้ ครม.เคาะ
สำหรับความคืบหน้าในการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองนั้น นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า รายชื่อทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าในส่วนของพรรคจะทยอยส่งรายชื่อให้ ครม.พิจารณาเป็นรายกระทรวง โดยในส่วนของกระทรวงการคลังยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
เมื่อถามถึงกรณีของนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.ที่มีกระแสข่าวว่าปฏิเสธไม่รับตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แต่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในส่วนของกระทรวงการคลัง นายอุตตมกล่าวว่าก็ดีนะ และได้พูดคุยเบื้องต้นแล้ว
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 6 ส.ค.นี้ ในส่วนของพรรค พปชร.จะเสนอ ครม.แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี จะเสนอที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุมประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.เมื่อวันที่ 2 ส.ค.เห็นว่า รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ด้วยนั้นไม่จำเป็นต้องลาออก เพราะเห็นว่าจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ
“เราจะพยายามมาประชุมที่สภาให้ได้ เพราะรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ทั้ง 5 คนเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องลาออก เราคิดตรงกันไม่ใช่ต่างคนต่างคิด เมื่อปฏิบัติอย่างไรต้องปฏิบัติด้วยกัน เชื่อว่ารัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ลงมติในสภาได้อยู่แล้ว ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ จะลงมติได้หรือไม่นั้นคงต้องถามนายวิษณุ” นายพุทธิพงษ์กล่าว
มีรายงานว่านายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เสนอชื่อนายอนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสรและผู้จัดการทีมชัยนาท ฮอร์นบิล น้องชายนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาทเป็นเลขานุการ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เสนชื่อนายธนสาร ธรรมสอน ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 52 เป็นที่ปรึกษา และนายภูผา ลิกค์ น้องชายนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เป็นเลขานุการ
ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พรรคได้กำหนดนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 6 ส.ค. เวลา 17.00 น. โดยวาระสำคัญคือการพิจารณาคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยหลังจากผ่านที่ประชุม กก.บห.แล้ว พรรคก็จะประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห.และ ส.ส.ของพรรคต่อในเวลา 17.30 น.เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ส่วนที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดอบรมการส่งเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการเงินและบัญชีของพรรคการเมืองให้ผู้แทนพรรคการเมือง ผู้บริหาร พนักงานของสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องใช้กฎหมายพรรคการเมืองเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการทำไพรมารีโหวต เพราะที่ผ่านมามีคำสั่ง คสช.ช่วยจึงทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ผ่านไปโดยไม่ต้องทำไพรมารีโหวตเต็มรูปแบบ แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจากนี้อีก 3 ปี 8 เดือน พรรคการเมืองต้องเร่งเตรียมพร้อม โดยเฉพาะเรื่องของสมาชิกพรรค
“การจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่ผ่านมามีสาขาพรรคการเมืองโดยรวมแค่กว่า 300 สาขา จาก 86 พรรคการเมืองที่มีสมาชิกรวมกว่า 8 แสนคน ซึ่งหาก 86 พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องมีสาขาครบ 4 ภาค หากจะส่งผู้สมัครครบทุกเขตต้องมีสมาชิก 4-15 ล้าน การหาสมาชิกและการตั้งสาขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 เดือน ดังนั้นพรรคการเมืองต่างๆ ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก” นายแสวงกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |