ระเบิดกลางกรุง 3 จุดในบ้านเรา...อันที่จริง ไม่น่าจะถึงกับหนักหน่วง รุนแรง อะไรมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบ้านอื่น เมืองอื่น ที่เวลาเกิดการบึ้มม์ม์ม์ เกิดการก่อวินาศกรรม การก่อการร้ายในแต่ละที จำนวนคนเจ็บ คนตาย อาจพุ่งพรวดๆ พราดๆ ขึ้นไปเป็นสิบๆ ร้อยๆ ตึกรามอาคารพังพินาศ เสียหาย ชนิดโลกทั้งโลกหนีไม่พ้นต้องเหลียวมามอง ด้วยความหวาดหวั่น ขวัญสยอง อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

                                                                  ---------------------------------------------------

      แต่แม้ว่าผู้คนเกือบ 30-40 ประเทศ จะไหลมารวมกันอยู่ที่กรุงเทพมหานครในช่วงระหว่างนี้แบบพอดิบ พอดี ตามวาระการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน และบรรดาประเทศคู่เจรจาทั้งหลาย แต่คงไม่ถึงกับมีผู้หนึ่ง ผู้ใด ประเทศหนึ่ง ประเทศใด ต้องตกอยู่ในอาการหวาดหวั่น ขวัญสยอง มากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับครั้งประชุมอาเซียน เมื่อหลายต่อหลายปีที่แล้ว ที่เคยเกิดฉากเหตุการณ์ ถึงขั้นบุกโรงแรม พังโรงแรม อันเป็นที่จัดประชุมของบรรดาแขกบ้าน แขกเมือง ชนิดต้องหนียะย่ายพ่ายจะแจ กันไปเป็นแถบๆ เล่นเอาประเทศไทย รัฐบาลไทย ในขณะนั้น เสียหมา เสียสุนัข กันไปไม่น้อย ดังนั้น...เมื่อเทียบกับการวางระเบิดคราวนี้ อาจต้อง เสียรังวัด ไปบ้าง แต่คงแค่ไม่กี่เมตร กี่หลา เท่านั้นเอง...

                                                                   -------------------------------------------------

      อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่น่าเก็บมาคิด มาพิจารณาใคร่ครวญกันไปตามสภาพ คือแม้ว่าการระเบิดคราวนี้ อาจไม่ถึงกับหนักหน่วง รุนแรง อะไรมากมาย แต่บรรดาผู้ที่พร้อมจะตกเป็น เครื่องมือ ของนักวางระเบิดในบ้านเรา มันออกจะมีอยู่เยอะแยะ และยั้วเยี้ย มิใช่น้อย คือผู้ที่พร้อมจะนำเอาฉากเหตุการณ์เหล่านี้ มา ขยายผล ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เป็นเรื่อง เป็นราว อันจะนำไปสู่ความสับสน ระส่ำระสาย ความขัดแย้ง แตกแยก ที่ถือเป็นจุดประสงค์ จุดมุ่งหมาย ของพวกมือระเบิดเขามาแต่แรกนั่นเอง ดังนั้น...แม้ว่าการระเบิดคราวนี้ จะกระจอกงอกง่อยยังไงก็แล้วแต่ แต่ ผลพวง ที่ตามมา หรือที่ถูกนำไป ขยายผล มันเลยออกจะ เอาเรื่อง อยู่พอสมควรทีเดียว...

                                                                     -------------------------------------------------

      คือมันทำให้ บาดแผลที่ยังรักษาไม่หาย มีสภาพไม่ต่างไปจากแผลเปื่อยๆ ที่ถูกราดด้วยทิงเจอร์ อะไรประมาณนั้น หรือทำให้ผู้ที่ยังคงสนุกสนาน เมามันซ์ซ์ซ์ อยู่กับการแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย เป็นฝ่ายมึง ฝ่ายกู ฝ่ายเผด็จการ หรือฝ่ายประชาธิปไตยใดๆ ก็แล้วแต่ หยิบเอาฉากเหตุการณ์ที่ว่ามาใช้เป็นข้อกล่าวหา ฝ่ายตรงกันข้าม โดยไม่คิดจะรอหลักฐาน และข้อพิสูจน์ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่งานนี้...รัฐบาลไทย อาจต้อง เสียรังวัด ไปบ้าง ดังที่กล่าวไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีพวก สมองหมา-ปัญญาควาย   ถึงกับพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหา ว่าเป็นการ สร้างสถานการณ์ เอาเลยถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุเพียงเพราะมึงไม่ใช่พวกกู ฝ่ายกู หรือเพราะมึงเป็นเผด็จการ เท่านั้นเอง...

                                                                   ----------------------------------------------------------

      ส่วนฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับพวก สมองหมา-ปัญญาควาย ก็เลยต้องพยายามลาก พยายามโยง ให้ไปเกี่ยวข้อง เกี่ยวโยง กับพวก ประชาธิปไตยทุนสามานย์ ให้จงได้ ทั้งๆ ที่บรรดา เชื้อชั่ว ที่แม้ว่ายังไม่ตาย แต่ก็น่าจะอ่อนปวกเปียกเต็มที แทบไม่เหลือเรี่ยว เหลือแรงใดๆ ต่อไปอีกแล้ว แค่จะประคองตัวให้รอดไปวันๆ ยังลำบาก แต่เมื่อถูกจับมาโยงไป โยงมา มันก็เลยก่อให้เกิดภาพที่พร่าๆ เลือนๆ อยู่แล้ว ยิ่งพร่าๆ เลือนๆ ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเพียงแค่ภาพบางภาพ ที่มันอาจเกี่ยวโยงไปถึง ปัญหา ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ของประเทศ ก็ออกจะเป็นอะไรที่มัวซัม อึมครึม มานานแล้ว ชนิดอาจต้องมองไปถึง การเมืองนอกประเทศ หรือ การก่อการร้ายระหว่างประเทศ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                   -----------------------------------------------------------

      แต่เมื่อต้องมาเจอกับการโยงไป โยงมา ในแบบ มั่วไป-มั่วมา เพื่อหวังจะก่อให้เกิดความเจ็บปวด รวดร้าว ต่อ ฝ่ายตรงข้าม นั่นแหละเป็นหลัก มันก็ยิ่งทำให้สิ่งที่เป็น ปัญหา อยู่แล้ว ยิ่งกลายเป็น ปัญหา ที่สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หนักขึ้นไปใหญ่ ทำให้การ มองปัญหา และการ แก้ปัญหา ยิ่งสับสน วุ่นวาย ยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุเพราะ บาดแผลที่ยังรักษาไม่หาย นั่นแหละเป็นสำคัญ ระเบิดกระจอกๆ 3 จุดที่ว่า มันจึงกลายเป็นเรื่อง เป็นราว และเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต กว่าที่มันควรจะเป็น ด้วยประการละฉะนี้แล...

                                                                   ------------------------------------------------------------

      คือแทนที่จะ ตั้งสติ และ รอคอย รอให้บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ เขาค่อยๆ สาง ค่อยๆ สืบสวน สอบสวนไปตามหลักฐานและข้อพิสูจน์ โดยต้องอาศัยความละเอียด ประณีต และความสุขุมรอบคอบมิใช่น้อย สำหรับฉากเหตุการณ์ทำนองนี้ มันถึงจะพอช่วยให้ ทุกๆ ฝ่าย นั่นแหละ สามารถอยู่เย็นเป็นสุข เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เกิดความมั่นคงในการอยู่ร่วมกันโดยสันติในผืนแผ่นดินเดียวกัน แต่ด้วยการกล่าวหา โทษกันโทษกันมา แบบ ไร้สติ การไม่เรียนรู้ที่จะอดทน รอคอย หรือการปราศจาก ขันติธรรม นั่นเอง ที่มัน อันตราย และสามารถสร้างความเสียหาย ยิ่งกว่าระเบิดกระจอกๆ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะนั่นก็คือ...จุดประสงค์หลัก จุดมุ่งหมายโดยพื้นฐาน ของบรรดาพวกมือระเบิดทั้งหลาย ที่หวังจะให้การ ก่อการร้าย ใดๆ ก็ตาม นำไปสู่การต่อยอด ขยายผล เพื่อให้สังคมนั้นๆ ต้องแตกแยก ขัดแย้ง กันในระดับถึงที่สุด...

                                                                  ---------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนื้ จาก Milton... For never can true reconcilement grow, where wound of deadly hate have pierced so deep.- การคืนดีอย่างแท้จริง ไม่อาจฟื้นฟูเติบโตได้ ตราบใดที่บาดแผลแห่งความเกลียดชังนั้น...ลึกเกินไป

                                                                    --------------------------------------------------------------