แท็กซี่แสบ รับหญิงไทยกับสามีชาวสวีเดนจากสนามบินสุวรรณภูมิจะไปส่งยังพัทยา ถึงลาดกระบังออกลายอ้างต้องส่งรถคืนอู่ จะให้เพื่อนไปส่งแทน ผู้โดยสารไม่ไว้ใจขอลง แต่ไม่ทันขนของหมด แท็กซี่โจรก็รีบบึ่งรถหนีพร้อมกระเป๋าสะพานมีทรัพย์สินหลายหมื่น ตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดตามจับได้พร้อมของกลาง
    เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 มีนาคมนี้ นางประมูล แสงงาม อายุ 53 ปี และสามีชาวสวีเดน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ว่าถูกคนขับรถแท็กซี่ชิงกระเป๋าสะพาย ภายในมีทรัพย์สินอยู่หลายรายการ ทั้งโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งเงินสดสกุลต่างๆ พร้อมเอกสารสำคัญ รวมมูลค่าหลายหมื่นบาท หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้ประสานศูนย์ปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
    นางประมูลให้การว่า ทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาการท่องเที่ยวประเทศไทยในประเทศสวีเดน ก่อนเกิดเหตุตนและสามีได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย และตั้งใจว่าจะไปเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวที่พัทยา โดยได้ว่าจ้างรถแท็กซี่คันดังกล่าวจากชานชาลาบริเวณประตู 3 ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง แต่จำทะเบียนไม่ได้ ให้ไปส่งที่พัทยา โดยตกลงเหมาจ่ายในราคา 1,300 บาท แต่คนขับรถแท็กซี่ได้ขับรถพาตนออกมาทางลาดกระบัง ถึงบริเวณหน้าวัดสาม เขตลาดกระบัง คนขับแท็กซี่ได้บอกกับตนว่าจะต้องนำรถไปคืนที่อู่ และจะให้เพื่อนขับแท็กซี่อีกคันไปส่งแทน ตนเห็นว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งเกรงเรื่องความปลอดภัย จึงบอกให้แท็กซี่จอดรถข้างทาง เพื่อที่จะหาแท็กซี่นั่งไปเอง
    ในขณะที่ตนและสามีกำลังช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถยังไม่ทันหมด คนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีกระเป๋าสะพายติดไปด้วย ซึ่งเชื่อว่าคนขับรถจงใจ
    หลังจากตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พบว่าผู้เสียหายทั้งสองได้ว่าจ้างรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว-เหลือง ทะเบียน 1 มข 4064 กทม. รับผู้เสียหายทั้งสองออกจากสนามบินไป จึงตรวจสอบกับบริษัทแท็กซี่คันดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่าแท็กซี่คันดังกล่าวมีนายทิวากร เดชน้อย อายุประมาณ 35 ปี เป็นคนขับ จึงได้ติดตามไปคุมตัวเอาไว้ได้พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด ก่อนนำมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อติดต่อผู้เสียหายเจ้าของกระเป๋าสะพายใบดังกล่าวมาตรวจสอบทรัพย์สิน
    กระทั่งเวลา 15.00 น. นางประมูลพร้อมด้วยสามีชาวสวีเดน ได้เดินทางไปที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและขอรับทรัพย์สินคืน ปรากฏว่าทรัพย์สินยังอยู่ครบ.