เด้งเรียบ 5 เสือสมเด็จเจ้าพระยา หลังหน่วยอื่นเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงไอดีโฟร์ พบยาเสพติด ตรวจปัสสาวะนักเที่ยวฉี่ม่วง 62 คน งามหน้ากว่านั้น ตำรวจท้องที่กลายเป็นยามเฝ้าประตู ขณะที่สายตรวจวิ่งสังเกตการณ์ด้านนอก ด้านผลสอบสีกากีเข้าแถวรับอั่งเปา สรุปผิดวินัยเล็กน้อยฐานบกพร่องต่อหน้าที่ เจอแค่ภาคทัณฑ์ 30 นาย 
    มีรายงานว่า พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ลงนามในคำสั่ง บช.น.ที่ 87/2561 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2561 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ โดยให้ พ.ต.อ.อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสมเด็จเจ้าพระยา, พ.ต.ท.วุฒิชัย สุคนธวิท รอง ผกก.สืบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา, พ.ต.ท.ณัฐจักร บุณยรัตน์ รอง ผกก.ป้องกันปราบปราม สน.สมเด็จเจ้าพระยา, พ.ต.ท.สงวน เรืองฝาง สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.สมเด็จเจ้าพระยา และ พ.ต.ท.ณรงค์ชัย เอกฉันท์ สารวัตรสืบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบช.น.มอบหมาย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
    ต่อมา พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้มีคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ที่ 27/2561 แต่งตั้งตำรวจรักษาราชการแทน 5 นายตำรวจ สน.สมเด็จเจ้าพระยาที่ถูกย้าย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ภานุวัธน์ เลิศสุข รักษาราชการแทน ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา, พ.ต.ท.วิชัย สนสกุล รักษาราชการแทนรอง ผกก.สืบสวน, พ.ต.ท.ดุสิต น้อยนาค รักษาราชการแทนรอง ผกก.ป้องกันปราบปราม, พ.ต.ท.ศุทรา หล่าสกุล รักษาราชการแทนสารวัตรป้องกันปราบปราม และ พ.ต.ต.กัมพล แก้วมีชัย รักษาราชการแทนสารวัตรสืบสวน
    ทั้งนี้ เมื่อเวลา 02.10 น. วันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.3 บก.ปส.1 (นปส.ตากสิน), กก.1-2 บก.ปส.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และ บก.สปพ. (191) ตรวจสถานบริการร้านไอดีโฟร์ ปากซอยลาดหญ้า 6 พบผู้ใช้บริการ 370 คน เป็นชาย 240 คน หญิง 130 คน พบยาเสพติด ไอซ์และเคตามีนเกลื่อนพื้น และตรวจปัสสาวะพบผลบวก 62 คน เป็นชาย 58 คน หญิง 4 คน โดยสถานบริการนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ขี่รถวิ่งวนคอยตรวจการณ์ด้านนอก ภายในมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา 2 นาย เฝ้าประตูทางเข้า จึงได้ตรวจบัตรและยึดอาวุธปืนไว้ ส่วนผู้เสพทั้งหมดได้แจ้งรถควบคุมของ บก.ปส.1 มารับตัว ส่ง พงส.บก.ปส.1 ดำเนินคดี
    พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า ก่อนหน้าที่ได้กำชับแล้วเรื่องสถานบริการ ว่าห้ามปล่อยปละละเลยให้มียาเสพติด และห้ามมีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ โดยครั้งนี้ให้ 5 เสือมาประจำอยู่ที่ ศปก.น. และให้ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 5 นายตำรวจด้วย
    วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชาญเทพเปิดเผยผลสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจรับอั่งเปาว่า พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น. 7 ได้ส่งรายงานการตรวจสอบแล้ว สรุปว่าตำรวจที่ปรากฏในคลิปเข้าแถวรับอั่งเปาจำนวน 30 คน ถูกคำสั่งลงโทษทั้งหมดฐานบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นความผิดวินัยเล็กน้อยจึงสั่งภาคทัณฑ์ไว้ ประกอบด้วย สน.ธรรมศาลา 15 คน บางเสาธง 6 คน บางยี่ขัน 8 คน และตลิ่งชัน 1 คน นอกจากนี้ สั่งตักเตือนผู้บังคับบัญชาที่ไม่กำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดอีก 23 คน
    ส่วน ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ หรืออ้วน ลอยฟ้า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อบกพร่องทางวินัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้พักราชการ ร.ต.ต.มานัส เพื่อรอฟังผลการสอบสวนทางวินัยตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.2561
    มีรายงานด้วยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ออกคำสั่ง ที่ 0015 (น.1.1)/7 ลงวันที่ 2 มีนาคม 61 ว่า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (ปป.) ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามดังนี้ 1.ให้แต่งกายให้เรียบร้อย เป็นไปตามเบียบที่กำหนด และต้องตัดผมสั้น 2.ห้ามสวมใส่แว่นตาดำขณะปฏิบัติหน้าที่ 3.ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องประพฤติและปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
    พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.ดูแลงานป้องกันปราบปราม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการ ส่วนกรณีการห้ามสวมใส่แว่นดำขณะปฏิบัติหน้าที่นั้น ทราบว่าผู้ใหญ่ดูแล้วไม่เหมาะสม จึงมีข้อสั่งการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าหากมีการปฏิบัติหน้าที่กลางแดด อาจจะมีความจำเป็นต้องใส่แว่นกันแดดเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่เมื่อมีข้อกำกับสั่งการมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะปฏิบัติตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป.