เริ่มแล้ว RCEP 'จุรินทร์' เป็นประธานเปิดประชุมรมต.การค้าอาเซียน


เพิ่มเพื่อน    

3 ส.ค.62 - ภายหลังจาก Hu Chunhua, Deputy Prime Minister of China (หู ชุนหวา รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน) เดินทางมาทำพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีพาณิชย์ทุกประเทศในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) RCEP คืออาเซียน 10 ประเทศบวกกับประเทศสมาชิกอีก 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดียแล้ว เวลา10.00 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทำหน้าที่ควบคุมและดำเนินการประชุม ได้แจ้งเป้าหมายของเวทีการประชุมวันนี้โดยขอให้ทุกประเทศร่วมสนับสนุนข้อเสนอในการผลักดันเป้าหมายการเจรจาให้บรรลุความสำเร็จภายในสิ้นปีนี้

ระหว่างการประชุม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อตกลงอาร์เซ็ป คือเป็นความตกลงฉบับล่าสุดที่มีความทันสมัยและมีมาตรฐานสูงครอบลุมทุกมิติทางการค้ายุคใหม่ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเข้มแข็งและสร้างสภาวะแวดล้อมทางการค้าการลงทุนที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของภูมิภาคหากความตกลงอาเซ็ปมีผลบังคับใช้จะกลายเป็นความตกลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะจะเห็นได้จากข้อมูลปี 2561 ที่เป็นข้อเท็จจริงว่าประเทศอาเซ็ป 16 ประเทศมีมูลค่าจีดีพีกว่า 27.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32.3% ของจีดีพีโลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 11 .4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 30.9% ของมูลค่าการค้าโลก

สำหรับประเทศไทยให้ความสำคัญกับข้อตกลงอาร์เซ็ปในการขับเคลื่อนหรือเป็นเครื่องมือการขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นฐานการผลิตและมีการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างชาติและเกิดการขยายเครือข่ายภาคการผลิตและการกระจายสินค้าของไทย ผู้ประกอบการไทยจะสามารถสรรหาแหล่งวัตถุดิบที่มีความหลากหลายทั้งเชิงคุณภาพและราคามากขึ้น จากเดิมที่สรรหาวัตถุดิบเพียง 10 ประเทศในอาเซียนก็จะขยายเป็น 16 ประเทศรวมทั้งจะเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่างๆระหว่างกันมากขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางการค้าและการลงทุนของไทยตลอดจนภูมิภาคด้วย และสินค้าที่ไทยคาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมเมื่อเปรียบเทียบกับเอฟทีเอไทยที่มีอยู่ เช่นเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยางล้อ เส้นใย สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และกระดาษ เป็นต้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"