สงสัยคงเป็นเพราะ อั้น มานาน...ระดับ 3 ปี 4 ปี มาคราวนี้เลยออกจะ พลั่กๆๆ กันตามสมควร สำหรับบรรดา พรรค การเมือง ทั้งหลาย ที่แค่วันแรกก็แห่ไปจดทะเบียนกันถึง 40 กว่าราย ขนาดรายประเภทตัวจริง-เสียงจริง ยังไม่ได้ชักม่าน ชักม้า ออกมาให้เห็นกันชัดๆ แต่ก็เรียกว่า...ส่งผลให้บรรยากาศการเมืองนับจากนี้ น่าจะคึกคัก โครมคราม มิใช่น้อย...

                                                                  --------------------------------------------------

      ว่ากันว่า...อาจเพราะระบบ จัดสรรปันส่วนผสม ที่ถูกออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่กันโดยเฉพาะ คือ แบบที่พูดกันสั้นๆ ง่ายๆ ประมาณว่า...ใครที่สามารถ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน หรือสามารถรวบรวมเสียงจากประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ประมาณ 70,000 กว่าเสียงขึ้นไป ก็น่าจะมีสิทธิ์ได้ ส.ส. (บัญชีรายชื่อ) นั่งอยู่ในสภาฯตั้งแต่ 1 พระหน่อเป็นต้นไป อันนี้...เลยทำให้พรรคไหนต่อพรรคไหน โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ดอกทึดทือ ดอกอุตพิด ฯลฯ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะโอกาสที่แต่ละพรรคจะได้เสียงประมาณ 70,000 เสียงทั่วประเทศนั้น น่าจะไม่ถึงกับยากซ์ซ์ซ์มากมายซักเท่าไหร่...

                                                          --------------------------------------------------

      พรรค มวลมหาประชาชน...อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ หรืออะไรก็จำไม่ได้ซะแล้ว แต่เท่าที่รู้ๆ ออกจะยาวมาก เขาถึงดูมั่นอก-มั่นใจอยู่ไม่น้อย ว่าอาจได้ ส.ส.เข้าไปในชูมือสนับสนุนท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ในสภาฯ ไม่น่าจะน้อยกว่า 25-30 รายขึ้นไป เพราะถ้าคำนวณจากเสียงมวลมหาประชาชน ที่ออกมาเป่านกหวีดเดินตาม ลุงกำนัน แบบต้อยๆๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 5,000,000 เสียงเป็นอย่างน้อย หัก-ลบ-กลบหนี้ เอาว่าหายไปซักครึ่งหรือชักไม่เชื่อ ลุงกำนัน ไประดับครึ่งต่อครึ่ง เท่าที่เหลือ ที่เชื่อ ก็น่าจะพอรับประกัน 20-30 เสียงในสภาฯ ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                           --------------------------------------------------

      ด้วยหลักคิด วิธีคิด ในลักษณะทำนองนี้นี่แหละ...ที่ว่ากันว่า ทำให้พรรคไพร่หมื่นล้าน พรรคนิติราษฎร์ หรือพรรคแพงไม่แพงแต่ขอให้แดงเข้าว่า ฯลฯ หรือพรรคที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่ถ้าหากตั้งแล้วก็ประมาณไม่เกินทำนองนี้อะไรทำนองนั้น พรรคของ คนรุ่นใหม่ แบบใหม่ถอดด้ามเอาจริงๆ คือใหม่แบบที่คนรุ่นใหม่ประเภท จ่านิว, หมวดโรม, เนติวิทย์ ฯลฯ หรือพวกที่ อยากเลือกตั้ง ทั้งหลาย น่าจะถูกอก ถูกใจ มิใช่น้อย เกิดแรงจูงใจทำท่าว่ากะจะออกรถป้ายแดงในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ โดยมีหลานชายของอดีตรัฐมนตรี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ได้ชื่อ ฉายา ว่า ไพร่หมื่นล้าน อย่างคุณน้อง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่นอกจากดูแลกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์มูลค่านับหมื่นๆล้านแล้ว เห็นว่า...ยังถือเป็น บิ๊กบอส ของสื่อยักษ์ใหญ่อย่างเครือข่ายหนังสือพิมพ์ มติชน ควบคู่ไปด้วย อาจโดดลงมาเป็นแกนหลัก แกนนำ ร่วมกับอาจารย์กฎหมายรุ่นหนุ่ม อย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล เพื่อสร้าง ทางเลือกใหม่ๆ ให้กับพวกแดงเอยโธ่เอ๋ยน้องแดงของพี่ ที่ยังคงเคว้งๆ คว้างๆ ไม่รู้ว่าจะ ก้าวข้ามทักษิณ กันในแบบไหนและตอนไหน นั่นเอง...

                                                                   --------------------------------------------------------

      คือถ้านับคำนวณจากจำนวนของมวลชนเสื้อแดง ไม่ว่าที่ไหลมารวมกันในกรุงเทพมหานครแต่ละครั้ง หรือที่กระจายตัวเองฝังตัวอยู่ในจังหวัดต่างๆ มาโดยตลอด ก็น่าจะอยู่ในระดับนับเป็นล้านคนขึ้นไป หัก-ลบ-กลบหนี้ หักส่วนที่ยังคงอาลัย อาวรณ์อยู่กับแข้ง-ขา-และไข่ของทักษิณ ไปซักครึ่งต่อครึ่ง ก็น่าจะยังเหลือพอที่จะรองรับเสียงของคนรุ่นใหม่ในสภาฯ ได้ซัก 5 เสียง 10 เสียงเป็นอย่างน้อย และแค่เพียงเท่านั้น...ก็พอแล้ว!!! เพราะขนาดไม่ได้มีเสียงใดๆ อยู่ในสภาฯ แม้แต่รายเดียว แค่เฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างคุณน้อง เนติวิทย์ รายเดียว ก็เล่นเอามหาวิทยาลัยทั้งมหาวิทยาลัยแทบอ้วกแตก อ้วกแตน กินไม่ได้ นอนไม่อิ่ม แม้ตราบเท่าทุกวันนี้...

                                                           -----------------------------------------------------------

      ทั้งพรรคมวลมหาประชาชนอวตารสถิต และพรรคไพร่หมื่นล้าน ที่ดูจะอาศัยหลักคิด วิธีคิด ในลักษณะไม่ต่างไปจากกันซักเท่าไหร่ ในการโผล่ผลุดพรรคการเมืองขึ้นมาในช่วงระหว่างนี้ นอกจากจะมีส่วนทำให้บรรยากาศการเมืองนับจากนี้ออกจะคึกคัก โครมคราม ขึ้นมามิใช่น้อย ยังอาจถือเป็น ภาพสะท้อน ทิศทางการเมืองในอนาคตควบคู่ไปด้วย ว่ายังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้องออกไปในแนวสุดแสนจะซับซ้อน-ซ่อนเงื่อน-เพื่อนทรยศ ต้องลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์กันอีกไม่รู้กี่ยกต่อกี่ยก หรือต้องครางง์ง์ง์กันไปโดยตลอดนั่นแล เพราะตราบใดที่การ จัดสรร-ปันส่วน มันยังไม่เข้าที่-เข้าทาง โอกาสที่จะ ผสมส่วน หรือโอกาสที่จะนำเอาสิ่งต่างๆ ซึ่งมันอาจแตกต่างกันคนละเรื่อง คนละม้วน มาผสมให้ ลงตัว ให้ไม่เกิดอาการติดๆ ขัดๆ ระดับส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองนั้น ต้องอาศัยทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์ แบบชนิดสุดๆ กันไปเลย โดยเฉพาะที่สำคัญเอามากๆ คงต้องอาศัย โชค หรือ บุญบารมี หรือกุศลผลบุญที่ได้สะสมเอาไว้ ว่ายังเหลือติดปลายนวมอยู่อีกเท่าไหร่ สามารถสร้างใหม่ให้ทันท่วงทีได้หรือไม่ ประการใด เข้ามามีส่วนช่วยแบบเต็มสูบ เต็มกำลัง อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...

                                                                ---------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Japanese proverbs... Man may bend to virtue, but virtue cannot bend to man.- คนต้องหันเข้าหาคุณธรรม เพราะคุณธรรมไม่อาจหันเข้าหาคน...

                                                     -------------------------------------------------------------