ยังไม่จบ! "ปิยบุตร" ขุดบทความ "วิษณุ" เคยเขียนการถวายสัตย์ปฏิญาณต้องพูดให้ครบ  ป้องกันนักสาบานตัวยง แต่รองนายกฯ ยก 4 เหตุผล เข้าสู่กระบวนการในการถวายสัตย์ฯ แล้ว ได้พระราชทานพรแล้ว ได้แถลงนโยบายแล้ว ลงมือทำงานกันไปแล้ว ถือว่าจบแล้ว

    ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่  2 สิงหาคม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงข่าวก่อนการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 กำหนด ว่า คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคือตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ และในฐานะที่เป็นคนกล่าวนำการปฏิญาณ ซึ่งถ้าหากผิดพลาดก็ออกมายอมรับเสีย และหาแนวทางการแก้ไขต่อไป หรือถ้าจะยึดกันแบบนี้ ตนมองว่าจะเป็นอันตราย เพราะหากเราบอกว่าการปฏิญาณตนสามารถขาดตกบกพร่องไปได้โดยที่ไม่ใช่คำเชื่อม แต่เป็นข้อความสำคัญที่หายไปเป็นประโยค ถ้าจะยึดตรงนี้เป็นบรรทัดฐาน นายกฯ คนต่อไปก็สามารถตัดต่อถ้อยคำการปฏิญาณตนได้ โดยไม่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างนั้นหรือ
    “นอกจากนี้ ที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่ได้เข้ามาอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ท่านเริ่มต้นจากการยึดอำนาจมา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ท่านก็สร้างขึ้นมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของท่าน แล้ววันหนึ่งท่านต้องเป็นคนที่เข้ามาถวายสัตย์ปฏิญาณเองทำไมจึงทำไม่ครบ ทั้งที่เมื่อปี 2557 ตอนที่ท่านนำถวายสัตย์ปฏิญาณก็ทำได้อย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าหากปฏิญาณขาดตกบกพร่องประโยคนี้ นั่นหมายความว่าท่านพร้อมที่จะละเมิดรัฐธรรมนูญ หรือพร้อมที่จะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างนั้นหรือ” นายปิยบุตรกล่าว
    ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาไม่สามารถให้เหตุผลถึงกรณีนี้นั้น นายปิยบุตรกล่าวว่า ตนเป็นแฟนคลับหนังสือท่านทุกเล่ม ตั้งแต่เป็นนักศึกษา ไม่ว่าจะหนังสือวิชาการหรือหนังสือนิยายก็ตาม เมื่อวานท่านไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่ตนคิดว่าเรื่องนี้คำตอบที่ดีที่สุดอยู่ในหนังสือหลังม่านการเมืองของท่านเอง ในบทที่ 2 ที่พูดถึงเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างครบถ้วน ตนมองว่านั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด ในสองแง่คือ แง่ของรัฐธรรมนูญ และแง่ประเพณีการปกครองของประเทศไทยด้วย
    ทั้งนี้ นายปิยบุตรได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul  ถึงหนังสือชื่อ “หลังม่านการเมือง” ตีพิมพ์เมือปี 2554 โดยสำนักพิมพ์มติชน นายวิษณุได้เขียนบรรยายถึงการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไว้ ตั้งแต่หน้า 25-53
     "ส่วนการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เป็นเรื่องของการเปล่งวาจากล่าวคำพูดแสดงความตั้งใจ ถ้าว่าตามธรรมชาติแล้วควรเป็นเรื่องที่ออกมาจากใจ ใครจะพูดอะไรก็น่าจะได้ แต่ถ้ายอมให้ทำอย่างนั้น ก็จะเป็นเรื่องสับสน บางคนเป็น "นักสาบานตัวยง" อาจปฏิญาณแคล่วคล่องว่องไว บางคนอาจเหนียมอาย ระมัดระวังปากคำ ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยให้ว่าตามหลักธรรมชาติไม่ได้ ต้องเอาหลักกฎหมายมาจับ โดยกำหนดถ้อยคำเป็นระเบียบแบบแผนเข้าไว้ ใครจะพูดน้อยหรือยาวกว่านี้ไม่ได้ เว้นแต่ปฏิญาณจบแล้วจะขมุบขมิบปากอธิษฐานอะไรต่อในใจเองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
    ขณะที่นายวิษณุยังคงยืนยันว่า ไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้ "ก็อย่าไปอยากรู้ในสิ่งที่ไม่เห็นจะต้องรู้ เขาก็ทำงานของเขาได้ 1.คือได้เข้าสู่กระบวนการในการถวายสัตย์ฯ แล้ว 2.ได้พระราชทานพรแล้ว 3.ได้แถลงนโยบายแล้ว และ 4.ลงมือทำงานกันไปแล้ว ก็ถือว่าจบแล้ว"
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ ระบุว่า การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบนี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดนี้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และความผิดนี้ย่อมนำไปสู่การถอดถอนได้ เนื่องจากเป็นการ “จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง"
    ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวว่า กรณีที่นายวิษณุไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าว เป็นการเบี่ยงประเด็นมากกว่า หรือจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะการกระทำที่ผ่านมาของรัฐบาลเป็นการกระทำผิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ การที่ไม่กล่าว แต่มีการพูดในสิ่งที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ทำการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อพิจารณาเนื้อหาว่า ส่วนที่ถูกตัดไปนั้นคือข้อความที่บอกว่า “ทั้งจะรักษาไว้ และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” โดยข้อความดังกล่าวถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญที่นายกรัฐมนตรีต้องกล่าว แต่สิ่งกล่าวออกมานั้นส่งผลให้คณะรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ดังนั้นการกระทำใดๆ ของคณะรัฐมนตรีก็เป็นการกระทำที่ไม่สมบูรณ์เช่นกัน 
     "เป็นเรื่องใหญ่ การกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้นำทั่วโลกให้ความสำคัญกับพิธีดังกล่าวมาก แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับไม่ให้ความสำคัญ และไม่ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ถือเป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แล้วประชาชนจะเชื่อใจได้อย่างไรกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศออกมา นอกจากนี้ ตนมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวนายวิษณุเลือกที่จะไม่พูดมากกว่าที่จะออกมาแก้ให้รัฐบาล เพราะไม่รู้จะหาทางออกเช่นไร" นายสามารถกล่าว   
    ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การนายวิษณุไม่ตอบคำถาม และยังมีคำว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ พูดไม่ได้ อีกหลายครั้ง ถือว่าผิดฟอร์มไปมาก อาจเข้าข่ายหมดสภาพ นายวิษณุเคยเขียนบรรยายถึงการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในหนังสือชื่อ หลังม่านการเมือง หน้า 25-53 ตีพิมพ์ปี 2554 โดยสำนักพิมพ์มติชน ระบุชัดว่า หากตกคำว่า “และ” คำว่า “หรือ” ไปสักตัว ก็อาจต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าได้ถวายสัตย์ฯ ครบถ้วนหรือยัง ซึ่งเป็นความเห็นในเรื่องเดียวกันที่แตกต่างกับนายวิษณุในปัจจุบัน ที่คำกล่าวหายไปทั้งบรรทัด จะไม่เป็นประเด็นปัญหาได้อย่างไร
           "ถ้าคุณวิษณุยังคงอยากรักษาคุณภาพมาตรฐานของตัวเอง ควรอธิบายเรื่องนี้ให้ชัด 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการดำเนินการที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ" นายอนุสรณ์กล่าว
    วันเดียวกันนี้ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Netiwit Ntw ว่า ผมและเพื่อนโค้งคำนับ ร.5 ตามพระบรมราชโองการที่ท่านให้ไว้ ไม่หมอบกราบแบบที่มหาวิทยาลัยจัดให้นิสิตใหม่ทำ ออกก่อนพิธีเลิกไม่เกินสิบวินาที มี อ.เข้ามาล็อกคอทำร้ายร่างกาย แทนที่ อ.จะถูกมองว่ามีปัญหา แต่เรากลับถูกมองเป็นตัวยั่วยุให้อาจารย์มาล็อกคอ ถูกตัดคะแนน ตั้งกรรมการสอบในไม่กี่วัน ถูกไล่ออกจากสภานิสิต ถูกสมาคมศิษย์เก่าสามคณะออกแถลงการณ์หาว่าเราป่วน นี่แค่สิบวินาที! (โชคดีศาลปกครองวินิจฉัยแล้วว่าเห็นว่าข้อกล่าวหาหลายข้อไม่มีมูล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงคืนคะแนนให้พวกเรา)
          "ประยุทธ์ ครม.หนักกว่าผม ที่จงใจไม่ถวายสัตย์  เลือกจะพูดบางประโยค ทั้งที่ในรัฐธรรมนูญระบุเลยว่า ต้องพูดอะไรยังไง ผิดพลาดไปไม่ได้ ไม่งั้นจะใส่ในรัฐธรรมนูญทำไม นี่จึงกระทบทั้งแผ่นดิน ขัดกับธรรมเนียมประเพณียิ่งกว่าผม ผมอยากรู้และกระเสือกกระสนอยากรู้ว่า จะโดนหนักกว่าผมกี่เท่า" นายเนติวิทย์ระบุ.