"ประยุทธ์" ลั่นนั่งหัวโต๊ะ ครม.เศรษฐกิจ รู้เรื่องปัญหา ศก.พอสมควร เพราะบริหารงานมา 5 ปีพร้อมเอารองนายกฯ-รมต.ที่เกี่ยวข้องมาคุยกันเพื่อเดินหน้าประเทศ รองโฆษก พปชร.วอนฝ่ายค้านให้รัฐบาลทำงานก่อนซักฟอก 7 พรรคฝ่ายค้านผุดแคมเปญคิกออฟสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปลุกประชาชนทั่วประเทศกดดัน ส.ว.ร่วมแก้ รธน. ด้าน พปชร.เคาะเกณฑ์ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ดัน "ธนกร" ขึ้นนั่งโฆษกพรรค-รองโฆษกรัฐบาล
เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการนั่งเป็นประธานคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจว่า หน้าที่ในการดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ หลายคนบอกตนจะรู้เรื่องไหม การดูแลเศรษฐกิจไม่มีใครรู้เรื่องทั้งหมดหรอก แต่ตนได้ผ่านการบริหารราชการมา 5 ปี รู้ว่าอะไรคือปัญหา อะไรคืออุปสรรคมากพอสมควร ดังนั้น การตั้ง ครม.เศรษฐกิจขึ้นมา เอาบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาคุยกัน มาหารือว่าทุกคนมีข้อเสนออะไรอย่างไร จะเดินหน้าประเทศเราไปตรงไหน อะไรจะเกิดก่อน อะไรจะเกิดหลัง งบประมาณจะมาอย่างไร
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและตอบสนองนโยบายต่างๆ ของแต่ละพรรคการเมือง ต้องไปพูดกันต่อว่าจะเอาเงินที่ไหนมาทำ ต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ได้หมายความว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่ต้องทำทั้งหมดอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องไปเป็นขั้นเป็นตอน ต้องไปดูเรื่อง ต้องไปดูกฎระเบียบกฎหมาย พ.ร.บ.งบประมาณการเงินการคลัง เยอะแยะไปหมด ต้องดูว่างบประมาณจะทำอย่างไร
"ขอพี่น้องประชาชนได้รับทราบ อย่าให้เป็นประเด็นกันอีกเลย ผมรู้ว่าทุกคนเดือดร้อนมีปัญหาหมด คงไม่ใช่ประชาชนอย่างเดียว ข้าราชการทุกคนก็มีปัญหาหมด ทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่ยิ่งยวด จะเห็นว่ารองนายกฯ และรัฐมนตรีหลายท่านได้ออกมาเยี่ยมเยียนประชาชน คิดว่าเป็นโอกาสดีจะเข้าถึงประชาชน และต้องสร้างความเข้าใจให้ได้ว่าจะทำอะไรกันต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ส.ค. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานชี้แจงนโยบายรัฐบาลแก่หัวหน้าส่วนราชการ โดยเป็นการชี้แจงในเชิงลึกกว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เพราะในนโยบายนั้น มีรายละเอียดต่างๆจำนวนมาก พร้อมกับมีกฎหมายต่างๆ ที่ต้องเสนอ นอกจากนี้ ยังจะพูดถึงภาคผนวกในนโยบายรัฐบาล ว่าใครบ้างจะต้องทำอะไร
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปพรรคเพื่อไทย เตรียมกำหนดกรอบเวลายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และอาจยื่นก่อนการพิจารณางบประมาณว่า อยากจะฝากไปยังพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน ว่าขอให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน เพราะขณะนี้ประเทศเจอปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าของโลก ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยดี ขณะเดียวกันภายในประเทศเศรษฐกิจฐานรากก็ต้องเร่งดูแล ราคาสินค้าเกษตร ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่ เรามาร่วมมือกันทำงานให้กับประชาชนจะดีกว่า ซึ่งเป็นการทำการเมืองในมิติใหม่ที่ประชาชนต้องการ ดีกว่าเปิดสงครามวาทกรรมกันไปมา
ที่พรรคอนาคตใหม่ มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน (คณะการมีส่วนร่วมของประชาชน) โดยมีแกนนำจากทั้ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.), นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท., นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.), นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.), นายสุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.), พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.), นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย, นายวัชรา ณ วังขนาย เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ฯลฯ
ปลุกปชช.แก้ไขรธน.
ภายหลังการประชุม นายปิยบุตรกล่าวว่า ประเด็นหลักที่พูดคุยกันคือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะทำร่วมกับพี่น้องประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่แต่ละพรรคจะรณรงค์กันเองตามความถนัด ซึ่งพรรค อนค.จะคลิกออฟโครงการสภาร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนในวันอาทิตย์ 4 ส.ค.นี้ อีกส่วนหนึ่งคือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะรณรงค์ร่วมกันโดยการเดินสายจัดเวทีทั่วประเทศ ซึ่งเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา เพื่อท้ายที่สุดแล้วเราจะทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ คล้ายกับปี 2540 แล้วให้ประชาชนมาเข้าชื่อสนับสนุน หน้าที่ของเราทั้ง 7 พรรค จะต้องลงไปตอบคำถามว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นพิษภัยอย่างไรต่อพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า การแก้ รธน.ต้องใช้เสียง ส.ว.ด้วย นายปิยบุตรกล่าวว่า ทุกท่านคงทราบดีว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ถูกออกแบบมาให้แก้ไขยากมาก หรืออาจจะแก้ไม่ได้เลย ส.ว.ทั้ง 250 คนนั้นมาจากการเลือกของหัวหน้า คสช. การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คน จึงเป็นการยากอย่างยิ่ง แต่หากเราไปย้อนดูการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญปี 40 แล้ว ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายก็ผ่านเพราะกระแสกดดัน และกระแสการเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน ดังนั้นหากประชาชนแสดงความต้องการออกมาจนเป็นที่ประจักษ์ชัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ร่วมกันคิดว่า ส.ว.ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชน
เมื่อถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยเรื่องกัน เพราะอยู่ระหว่างที่แต่ละพรรคกำลังไปศึกษาเนื่องจากเป็นวาระสำคัญ ก็ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง งบประมาณคงเป็นเรื่องหลัก เพราะประเทศจะต้องเดินหน้ารอไม่ได้คงต้องเริ่มเรื่องนี้ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายสนธยา คุณปลื้ม เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยส่วนหนึ่งมีการพิจารณาจากอดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้คะแนนดีกับผู้ที่ช่วยงานพรรคเพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในเร็วๆ นี้ โดยประธานยุทธศาสตร์แต่ละภาคได้พิจารณาในเบื้องต้นมาแล้ว คาดว่าจะเสนอบางส่วนเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องรัฐมนตรีต้องลาออกจากการเป็น ส.ส.หรือไม่
มีรายงานถึงการประชุมผู้บริหารพรรค พปชร.ระบุว่า เป็นการประชุมถึงโควตาเลขาฯ รัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี โดยเบื้องต้นมีบุคคลที่แน่ชัดแล้วว่าจะนั่งในส่วนใด คือในส่วนนายสมศักดิ์ ได้เสนอนายธนกิจ จิตอารีย์รัตน์ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรค เป็นเลขาฯ, นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ในส่วนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เสนอนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ลำดับที่ 30 เป็นเลขาฯ รัฐมนตรี ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เสนอนายภิรมย์ พลวิเศษ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 24 เป็นเลขาฯ โดยรายชื่อทั้งหมดส่งตรงถึงนายอุตตม เพื่อส่งให้นายกฯ พิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกคนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะจัดสรรให้กับรัฐมนตรีทุกคนในรัฐบาล
ดัน"ธนกร"โฆษกพปชร.
นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรโควตา โดยแบ่งออกเป็นภาคต่างๆ จากผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคะแนนจากประชาชนสูงสุด มานั่งในตำแหน่งต่างๆ นี้ รวมถึงแกนนำภาคต่างๆ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่น่าจะได้ตำแหน่งแน่นอนคือ นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี, นายทศพล เพ็งส้ม อดีต ส.ส.นนทบุรี, นายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ จะไม่ได้เป็นรองโฆษกรัฐบาล แต่จะไปเป็นเลขาฯ รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง และจะขึ้นเป็นโฆษกพรรค แทน เนื่องจากนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้ลาออกไปเป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา(ชพท.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำ อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ, นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ ร่วมต้อนรับนายจองชัย เที่ยงธรรม ที่เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค ชทพ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ นายจองชัยได้กรอกใบสมัคร พร้อมมอบเงินค่าสมัครสมาชิกให้นายทะเบียนพรรคจำนวน 2,000 บาท เพื่อสมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพ จากนั้นนายวราวุธได้มอบและสวมเสื้อแจ็กเกตของพรรคให้นายจองชัยด้วย
นายจองชัยกล่าวยอมรับว่า เรื่องทางการเมืองอาจมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง ตามวิถีของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน หรือทะเลาะกัน เพราะนายประภัตรเรียกผมว่าเฮียทุกคำ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ผมได้โทรศัพท์ไปอวยพรวันเกิดปีที่ 70 ของนายประภัตรด้วย ซึ่งนายประภัตรตอบกลับว่าขอบใจเฮีย ซึ่งการกลับมายังพรรค ชทพ.ครั้งนี้ คือการรวมเป็นทีมเดียวกันเพื่อดูแลบ้านเมือง และคนสุพรรณบุรี
เมื่อถามว่า กลับสู่พรรค ชทพ.จะวางบทบาทภายในพรรคอย่างไร นายจองชัยตอบว่า ไปเป็นหัวหน้ายาม เพราะหากหัวหน้าพรรคไม่ได้มอบหมายอะไร ซึ่งการมอบหมายหน้าที่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค ตน เป็นคนไม่โลภโมโทสัน ชีวิตนี้ขอมีความสุขก็พอแล้ว จะมีอำนาจวาสนาอะไรบ้างขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต ตนมีแต่มิตรไม่มีศัตรู
ด้าน น.ส.กัญจนากล่าวว่า ตนดีใจที่ได้นายจองชัยกลับคืนพรรค ชท. ขอบคุณนายจองชัยที่ได้กลับมาสู่บ้าน และเชื่อว่าจะไม่ไปไหนอีก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. เดินทางมาที่พรรค เพื่อพบปะกับสมาชิกพรรค อดีต ส.ส.และบรรดาแฟนคลับ ร่วมอวยพรครบ 55 ปี วันที่ 3 ส.ค.นี้ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ลาจาก ส.ส. ก็ใช้ชีวิตพักผ่อนกับครอบครัว แต่ก็ยังติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด ยังมีความห่วงใยบ้านเมืองตลอด ใครที่มาสอบถามก็ให้คำปรึกษาไป แต่ขณะนี้ยังไม่ได้คิดถึงอนาคตทางการเมือง เพราะจะใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว เนื่องจากทำงานการเมืองมากกว่า 30 ปี แทบจะไม่มีวันหยุด จึงจะใช้เวลาตรงนี้ให้เต็มที่ หวังว่าบ้านเมืองจะหลุดพ้นจากปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |