(การอ่านหนังสือและอยู่กับลูกหลาน เทคนิคสร้างความเพลิดเพลิน และลดภาวะหงุดหงิดจากอากาศ หรือปัจจัยกระตุ้นความเครียดได้)
ช่วงต้นเดือนมีนาคม อากาศเริ่มร้อนระอุ นี่เองอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย แต่ทว่าการทำอารมณ์ให้ผ่อนคลายก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว กระทั่งการเข้าวัดฟังธรรมที่ทำให้จิตใจสงบ ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ใหญ่หลายคนเลือกปฏิบัติอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้แต่การที่คนสูงวัยลดอายุด้วยการชวนลูกหลานกินไอศกรีมในช่วงอุณหภูมิพุ่งสูง ก็เป็นอีกวิธีคลายเครียดที่น่าสนใจ แต่ก็มีอีกหลายไอเดียในการเพิ่มความเย็นให้สุขภาพจิต สุขภาพกาย จากคนวัยหลัก 6 มาแนะนำกัน เพราะอารมณ์โกรธเป็นสาเหตุก่อโรคได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า โรคเครียด โรคประสาท
(ธีระเดช พลชาติ)
เริ่มกันที่ คุณลุงธีระเดช พลชาติ วัย 68 ปี พนักงานบำนาญจาก กฟผ. แนะนำถึงการปรับอุณหภูมิร่างกายให้เย็นในช่วงหน้าร้อนว่า “การออกกำลังกาย” ไม่เพียงทำให้สุขภาพจิตแข็งแรง แต่ยังทำให้สุขภาพใจแจ่มใส ไม่เครียดอีกด้วย “ปกติผมจะชอบออกกำลังกายเป็นประจำครับ ก็เกษียณมาหลายปีแล้ว กีฬาที่ชอบเล่นมีทั้งวิ่งจ๊อกกิ้งและกีฬาฟุตซอล ปกติก็มีทีมเพื่อนที่เล่นด้วยกันเป็นประจำ ใน 1 อาทิตย์ผมเล่นกีฬาทุกวันครับ วันละประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะกีฬาไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยคลายเครียดได้ดี สังเกตว่าหลังออกกำลังจะรู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดี ใครอยากอ่อนกว่าวัยและไม่เครียด ไม่อยากหงุดหงิดง่าย ก็หันมาเล่นกีฬากันนะครับ”
ขณะที่ คุณป้ารัติมา ฉันทนากร วัย 67 ปี เล่าให้ฟังถึงความสุขจากการ “รับประทานอาหารที่ชอบ” ว่า “เวลาที่ตัวเองรู้สึกเครียด ไม่ต้องอะไรมาก เพียงแค่เรารู้จักมองเรื่องรอบตัวให้เป็นเรื่องง่าย เราจะมีความสุขได้ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุค่ะ เป็นต้นว่า เวลาที่ป้ารู้สึกเครียด เพียงแค่ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ที่ชอบ ซึ่งอาจจะมีคุณค่าทางอาหารสูงบ้าง หรือเป็นอาหารจังก์ฟู้ดบ้างบางครั้งคราว แค่นี้ป้าก็มีความสุขแล้ว เพราะบางทีเราก็อยากกินขนมจีนน้ำพริก แต่บางวันเราก็จะกินแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งวิธีคลายเครียดแบบที่ป้าแนะนำ ต่อให้เป็นผู้ที่รักสันโดษก็สามารถเลือกทำจิตใจให้เบิกบานได้ด้วยสิ่งที่เรียบง่ายค่ะ”
(ปรียาพา เมืองศิริ)
ไม่ต่างจาก คุณป้าน้อง-ปรียาพา เมืองศิริ บอกให้ฟังว่า “การอ่านหนังสือเป็นเทคนิคที่ทำให้ใจผ่อนคลาย โดยเฉพาะหน้าร้อนที่คนสูงอายุหลายคน รวมถึงป้าเองก็ไม่ค่อยชอบออกไปนอกบ้าน ที่สำคัญการอ่านหนังสือทุกชนิดจะมีความรู้สอดแทรกอยู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งหนังสือเรียนของหลานที่ป้าชอบหยิบมาอ่านเล่น และการอ่านหนังสือก็เป็นการฝึกสมาธิไปด้วยในตัว ทำให้เราลืมเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดได้ ก็เท่ากับเป็นการลดโทสะลงได้ เมื่อนั้นอารมณ์ของเราก็จะดีขึ้น”
(สม)
ด้าน ป้าสม วัย 74 ปี เล่าให้ฟังว่า เจ้าตัวโชคดีที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งนาและต้นไม้ อีกทั้งมีลูกหลานคอยพูดคุย จึงทำให้เกิดเพลิดเพลินและอารมณ์เย็นได้แม้ในช่วงที่อากาศร้อน “บ้านป้าอยู่แถวมีนบุรีและยังมีการปลูกข้าวอยู่ ที่สำคัญรอบบ้านก็ปลูกต้นไม้เขียวชอุ่มและผักสวนครัวไว้กินเอง มะเขือบ้าง พริกสดบ้าง กิจกรรมเหล่านี้มันก็เป็นวิธีดับร้อนในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของคนสมัยก่อน ที่ใช้ความเขียวขจีของต้นไม้ ใบไม้ ในการให้ร่มเงาและสดชื่นตามสิ่งที่ลงมือปลูกเอง ที่สำคัญเลย ตัวเราเองก็ต้องไม่ทำให้อารมณ์ร้อนตามอากาศค่ะ”
ทว่าการใช้เวลาอยู่กับลูกหลานไม่เพียงทำให้คนวัยหลัก 6 อย่าง ป้าอ้วน รู้สึกเพลิดเพลิน แต่การที่ต้องเป็นแบบอย่างในการไม่โกรธ ไม่แสดงอารมณ์บูดบึ้งตามอากาศที่พุ่งสูง ถือว่าเจ้าตัวได้ประโยชน์ 2 ทาง เล่าว่า “ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวจึงมีเวลาอยู่กับหลาน 3 คน หลานป้าอายุ 5-6-2 ปี เวลาที่ต้องคอยดูแลเขา เราก็จะไม่เหงา เพราะต้องคอยรับ-ส่ง และดูแลเรื่องอาหารการกิน อีกทั้ง การที่เราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างกับเด็กๆ เช่น เวลาที่ขับรถพาหลานไปส่งโรงเรียน และวันนั้นรถติดมากๆ เราก็จะไม่ด่าหรือแสดงกิริยาหยาบคายเรื่องรถติดให้หลานๆ เห็น เนื่องจากกลัวหลานทำตาม เพราะเราต้องเป็นแบบอย่างให้กับเขา ตรงนี้แหละคือวิธีทำใจให้เย็นของป้าค่ะ”
ปิดท้ายกันที่ คุณลุงสะอาด (นามสมมุติ) บอกว่า นอกจากการทำใจให้เย็นด้วยการเข้าห้องแอร์หรือเลือกนั่งตามห้างสรรพสินค้าแล้ว การที่กฎหมายบังคับใช้ระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด นั่นจะทำให้คนไม่ทำผิดกฎ เมื่อนั้นความโกรธและความโมโหก็จะน้อยลง “ยกตัวอย่างง่ายว่า เมื่อมีการออกระเบียบเกี่ยวกับการสวมหมวกกันน็อกออกมา และถ้าวินมอร์เตอร์ไซค์หรือแม้แต่คนทั่วไปที่เป็นผู้ขี่และคนซ้อนสวมหมวกกันน็อกขณะขับขี่ ไม่เพียงลดอุบัติเหตุ แต่คุณจะไม่ต้องมาจ่ายค่าปรับ ตรงนี้คุณก็จะไม่อารมณ์เสียกับการทำผิดระเบียบดังกล่าว สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นวิธีทำใจให้เย็นที่ต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายครับ”
วิธีใจเย็นแบบง่ายๆ ที่ได้จากการปรับแง่คิดและพฤติกรรม ว่าไหมค่ะ...
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |