ระทึก! วางระเบิดปลอมหน้าป้าย "สตช." ก่อน "บิ๊กตู่" จะเดินทางไปประชุมตำรวจ 1 วัน "อีโอดี" เข้ากู้พบเป็นกล่องมันฝรั่งบรรจุวัตถุคล้ายระเบิดลูกปลาย พร้อมสายไฟสีเขียวกะพริบคล้ายวงจรปิดตบตา "ผบ.ตร." สั่งเร่งจับชายต้องสงสัยสวมเสื้อสีเหลือง สวมหมวก ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เชื่อสร้างสถานการณ์ "สีกากี" ผิดหวังแก้กฎ ก.ตร.แต่งตั้งตำรวจ แค่นำการเรียงลำดับจากคำสั่ง คสช.มาเพิ่ม ไม่ได้รื้อกฎเกณฑ์ไม่เป็นธรรม "วิทยา" เตรียมขอศาลเรียก "นายกฯ-บิ๊กแป๊ะ" ให้ปากคำ สู้คดีเจอฟ้องหมิ่นซื้อขายตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเพียงสั้นๆ ถึงการเดินทางไปประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกว่า ไปจ้ะ
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามจะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมนายกรัฐมนตรีที่จะไปเป็นประธานประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ส่งหนังสือเชิญกรรมการ ก.ตร. ประกอบด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในฐานะรองประธาน ก.ตร., พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกรรมการ ก.ตร. ประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2562 วันที่ 2 ส.ค. เวลา 13.30 น. ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน ก.ตร.
ทั้งนี้ วาระการพิจารณามี 3 วาระ 1.เรื่องที่ประธานจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบ 2.เรื่องการแก้ไข กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 และ 3.เรื่องอื่นๆ
จากนั้นภายหลังการประชุม ก.ตร.เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานมอบนโยบายการปฏิบัติราชการให้กับข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการ(ผบช.) ขึ้นไปทั่วประเทศ ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มีรายงานว่า ในวาระการแก้ไขกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสนอกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา โดยเนื้อหาสำคัญนั้น จะมีการยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ของคำนิยามลำดับอาวุโส โดยให้ลำดับอาวุโสหมายความถึงการจัดลำดับอาวุโสเพื่อใช้ในการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามกฎ ก.ตร.
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มความในข้อ 9 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 เป็นข้อ 9/1 ในการคัดเลือกหรือแต่งตั้งให้จัดลำดับอาวุโส จากผู้มียศสูงกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า ถ้ามียศเท่ากันให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับนั้นนานกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า ถ้าดำรงตำแหน่งนานเท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปนานกว่าตามลำดับจนถึงตำแหน่งระดับรองสารวัตรเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่าตำแหน่งถัดลงไป และถ้าดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปนานเท่ากันให้ผู้ที่มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า รวมทั้งถ้ามีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานเท่ากันให้ผู้ที่มีอายุมากกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
แก้กฎ ก.ตร.ตั้งตำรวจ
"การแก้ไขกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 มาจากที่หัวหน้า คสช.ยกเลิกประกาศ คสช. เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับอาวุโส
ของข้าราชการตำรวจ เพื่อประโยชน์ในการแต่งตั้งและโยกย้ายตำรวจ ทำให้ต้องออกกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฉบับใหม่นี้ขึ้นมา" แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเพิ่มข้อ 9 ในกฎ ก.ตร.ดังกล่าว เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการนำประกาศ คสช.ฉบับที่ 89/2557 เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มาใส่ในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 แทนเท่านั้น
"ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องลำดับอาวุโสที่ย้ายจากในคำสั่ง คสช.ที่ถูกยกเลิกมาใส่เป็นกฎ ก.ตร.เท่านั้น เนื้อหาเกี่ยวกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งแต่ละลำดับชั้น ที่มีการแก้ไขใหม่ช่วงต้นปี 2561 ตั้งแต่ระดับ รอง สว.เลื่อนเป็น สว. จนถึงผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็น จตช.และรอง ผบ.ตร. ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการชักบันไดหนีของผู้มีอำนาจช่วงนั้น ไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ยังคงใช้ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ตามเดิม" ตำรวจนายหนึ่งระบุ
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นัดส่งตัวนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผู้ต้องหาคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทจากการให้สัมภาษณ์เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ให้พนักงานอัยการศาลแขวงกรุงเทพใต้ โดยนายวิทยา เดินทางมาพร้อมกับนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความ
นายวิทยากล่าวว่า ได้ให้สัมภาษณ์มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง จากนั้น ผบ.ตร.สั่งโยกย้าย ผบช.ภ.8 และตั้งกรรมการสอบ พอเรื่องหายเงียบก็ยกหมด อีกทั้งนายกฯ ก็ให้สัมภาษณ์ขอบคุณตนที่ให้ข้อเท็จจริงต่อสังคม หลังจากเรื่องเงียบหายนาน สตช.ก็แจ้งความร้องทุกข์หาว่าตนกล่าวหา สตช.มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง "คำคำนี้ผมคิดว่าเป็นคำที่ประชาชนพูดกันโดยทั่วไป ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะว่าถ้าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งกันจริง ท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ให้สัมภาษณ์ขอบคุณที่ผมออกมาพูดในเรื่องนี้ และถ้าไม่มีเรื่องอื้อฉาวในสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 หรือภาคใดๆ ก็ตาม ผบ.ตร.ก็คงจะไม่สั่งโยกย้าย ผบช.ภ.8 ทันที" นายวิทยากล่าว
เขากล่าวว่า ตนให้การกับพนักงานสอบสวนขอให้สอบปากคำ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าขอบคุณตนเรื่องอะไร กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ที่ย้าย ผบช.ภ.8 มีเหตุจูงใจอะไร พนักงานสอบสวนบอกไม่สามารถสอบปากคำทั้ง 2 ปากได้ ตนไม่เข้าใจ เพราะอะไร ทั้ง 2 คนจะไขปริศนาทั้งหมดว่าตนหมิ่นหรือไม่
"จะฟ้องก็ไม่เป็นไร ถึงศาลแล้วเป็นสิทธิที่ผมจะขอเรียกทั้ง 2 ปากมาให้การในชั้นศาล" นายวิทยากล่าว และว่า ในส่วนการยื่นประกันตัว ได้มอบตัวในชั้นตำรวจแล้ว ไม่หลบหนี เมื่อแสดงตนแล้วก็ได้ปล่อยกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการรายงานตัวอัยการได้นัดให้นายวิทยามาฟังคำสั่งต่อไปในวันที่ 4 ก.ย.นี้
ระเบิดปลอมหน้า สตช.
วันเดียวกัน เวลา 15.40 น. เกิดเหตุระทึกขึ้นบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวัน รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิด ใต้ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรถนนพระราม 1 ฝั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้รถเบี่ยงไปใช้ถนนฝั่งหน้าวัดปทุมวนารามฯ เพียง 2 เลนการจราจร ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก จากนั้นเจ้าหน้าที่อีโอดีได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นกล่องน้ำผลไม้ ภายในบรรจุกล่องมันฝรั่งทรงกลมเป็นแท่งยาว จำนวน 2 กล่อง ภายนอกมีสายไฟสีเขียวกะพริบคล้ายวงจรระเบิด จึงใช้เครื่องสแกนคอมพิวเตอร์ พบว่าภายในมีวัตถุคล้ายระเบิดลูกปลาย เจ้าหน้าที่จึงสั่งปิดจราจรทั้งหมดตั้งแต่แยกราชประสงค์ถึงแยกเฉลิมเผ่า พร้อมทั้งปิดสกายวอล์กไม่ให้เดินผ่าน
ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงตรวจสอบและวิเคราะห์วัตถุต้องสงสัย จากนั้นได้ใช้เครื่องแรงดันน้ำยิงไปที่วัตถุต้องสงสัยเพื่อทำลายวงจร ก่อนที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าร่วมตรวจสอบด้วย พบภายในกล่องมันฝรั่งพบตลับลูกปืนพร้อมแผงวงจร แต่ไปพบดินระเบิดหรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดระเบิดได้
เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบเวลา 15.35 น. มีชายต้องสงสัยสวมเสื้อแขนยาวสีเหลือง นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัยสีขาว สะพายกระเป๋าเป้สีน้ำตาล เดินมาที่หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะหยุดยืนสังเกตการณ์ประมาณ 30 วินาที แล้วนั่งลงหยิบวัตถุต้องสงสัยที่อยู่ในกระเป๋าเป้นำไปซุกไว้ในพุ่มไม้ ก่อนจะรีบเดินมุ่งหน้าแยกเฉลิมเผ่า ขึ้นสะพานลอยเชื่อมสกายวอล์กมุ่งหน้าบีทีเอสสยาม
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.รับทราบเรื่องราวโดยตลอด พร้อมสั่งการเป็นระยะ อีกทั้งให้เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากในบริเวณใกล้ๆ มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน อีกทั้งในวันที่ 2 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะมาประชุมมอบนโยบายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"ยืนยันสิ่งที่พบไม่ใช่ระเบิด เป็นกล่อง 2 กล่อง มีตลับลูกปืน วัตถุคล้ายแผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งไม่สามารถก่อให้เกิดดระเบิดได้ เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเพื่อสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เรามีข้อมูลบุคคลต้องสงสัยที่เห็นจากกล้องวงจรปิด เป็นชายใส่เสื้อสีเหลือง ซึ่งฝ่ายสืบสวนมีข้อมูลอยู่แล้ว" รองโฆษก สตช.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |