สมคิดถาม : เรามีอะไรดีกว่าเวียดนาม, พม่า?


เพิ่มเพื่อน    

         เมื่อวานผมเขียนถึงคำอภิปรายของรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในสภาฯ ระหว่างการถกแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่

                แกพูดหลายประเด็นที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่เป็นการเล่าให้ฟังถึงปัญหาที่ผ่านมา ฟังแล้วยังพยายามพิเคราะห์ว่าทางออกคืออะไร ซึ่งยังไม่ชัดเจน

                อีกตอนหนึ่งคุณสมคิดพูดไว้ว่า

                “เรามีอะไรดีกว่าเวียดนาม พม่า ค่าแรงแพงกว่า เทคโนโลยีครึ่งๆ กลางๆ ถ้าไม่ปฏิรูปจะมีอะไรพัฒนาได้ ซ้ำร้ายที่สุดอนาคต สังคมเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน การผลิตเปลี่ยน การค้าเปลี่ยน แล้วถ้าเราไม่เปลี่ยนตามให้ทัน คิดว่าเราอยู่ได้หรือไม่”

                รองนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เราพยายามวางรากฐานไว้ ไม่ใช่ว่าจีดีพีโตแล้วดีใจ เราพยายามวางรากฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ คือ ความเหลื่อมล้ำ ถ้ามีมาอยู่ไม่ได้ เพราะสังคมจะตีกัน คนจนมากจะไม่ฟังเหตุผล สิบเบี้ยใกล้มือจะเอาเงินนี้ไว้ก่อน

                “ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นธรรมกับรัฐบาล ราคาข้าวตกต่ำ สินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าวแย่กว่าเพื่อน เพราะมีแรงกดดันจากข้าวในสต๊อกมหาศาล ชาวนาเกือบ 30 ล้านคน จีดีพีไม่ถึง 10% แล้วจะเอาส่วนแบ่งที่ไหนได้ ถือว่าน้อยมาก ยกเว้นทางเดียวระยะสั้นช่วยได้ คือ จำนำข้าว ประชาธิปัตย์ ใช้ประกันรายได้ ขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาใช้เพิ่มรายได้ ทุกคนเน้นไปเหตุการณ์เฉพาะหน้า ยืนยันว่าเป็นการช่วยเหลือ พยายามยกระดับราคาขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น”

                คุณสมคิดบอกว่าทราบว่าราคาแค่นั้นไม่เพียงพอ ที่มีข่าวชาวนาฆ่าตัวตายที่นครปฐม มีใครดีใจบ้างหรือไม่ ทุกคนเสียใจหมด แต่เป็นสัจธรรมข้อหนึ่งที่บอกว่า ราคาสินค้าที่ผลิตขึ้นมา ต่อให้ช่วยเต็มที่ แต่โครงสร้างทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เอื้ออำนวยชาวนา เพราะเหตุใด

                แกบอกว่าต่างประเทศรู้จักใช้สินค้าข้าวจากไทยไปทำสินค้านานาประเภทมีมูลค่าสูง รู้จักแปรรูปสินค้าให้ดี สนับสนุนให้เกษตรกรค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซได้ และพยายามนำเข้ามาในไทยในช่วง 4-5 ปี

                “ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เรามองและกล้าทำลงไป เรารู้ว่าคนจนนั้น สมัยก่อนจะช่วยไปไม่ถึงคนจน กระทรวงการคลังขณะนั้นจึงสร้างระบบพร้อมเพย์ขึ้นมา มีประโยชน์ 2 อย่าง คือ ลดต้นทุนทั้งระบบ โดยทำให้ทุกอย่างไปถึงมือชาวบ้านและร้านค้าย่อยได้”

                แกอธิบายว่าสิ่งสำคัญคือ สวัสดิการประชารัฐที่ทำขึ้นมาคู่กับพร้อมเพย์ อิเล็กทรอนิกส์ ทรานเฟอร์ เพราะวิธีนี้สามารถยิงเงินไปยังที่ต้องการได้ตรงๆ “ไม่มีทางที่ไอศกรีมละลายระหว่างทาง”

                “มีการระบุว่า บัตรสวัสดิการประชารัฐเอื้อคนรวย พวกเราหลายคนเกิดมาในครอบครัวจน เรารู้ว่าคนจนแย่อย่างไร ถ้าไม่มีการศึกษา มีรายได้เพียง 3 หมื่นบาท/ปี ถามว่า อยู่ได้อย่างไร ซึ่งบัตรสวัสดิการประชารัฐเริ่มต้นให้ซื้อผ่านธงฟ้า เพราะไม่มีอี-วอลเลท เราต้องการให้ชาวนาซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงสินค้าใช้บริโภคประจำวัน แก๊ส และค่าเดินทาง”

                คุณสมคิดเตือนว่าอย่าลืมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในอดีตขี้เหนียวมาก ไม่ใช่อยู่ๆ จะอนุมัติง่ายๆ แต่เริ่มขึ้นมาดีและจูงใจให้ร้านค้าย่อยมีเครื่องรูดการ์ด ฉะนั้นหลังจากนั้น จึงให้ซื้อขายผ่านร้านค้าย่อยอื่น แล้วให้เงินสดเพิ่มเติมในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี จึงยืนยันไม่มีเจตนาแจกเงิน แล้วทั้งหมดเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ส่วนอนาคตข้างหน้า คุณสมคิดระบุว่าคนแก่เยอะ แต่ยังไม่มีระบบสวัสดิการ ลองนึกดูอะไรจะเกิดขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ทำมาหลายปี จะทำอย่างไรเพื่อวางรากฐานรับมือข้างหน้าได้

                แกยกตัวอย่างการส่งออก คิดว่าจะหาตลาดใหม่ กระทรวงพาณิชย์หามากี่ปีแล้วทุกช่องทาง ประชุมทุกปี ทุกคนมาถึงกำหนดเป้าหมาย แต่ไม่ง่าย สมัยนี้แข่งขันสูง ฉะนั้นการส่งออกได้ดี สินค้าต้องแข่งขันได้ มีมูลค่าสู้ได้ ถ้ามีแต่อุตสาหกรรมเดิม ยานยนต์ทั้งประเทศไปไม่ได้ สินค้าเกษตรแปรรูปเป็นหัวใจ ฉะนั้นจะทำอย่างไร

                “ขณะที่การท่องเที่ยว เราประกาศส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะการแก้ไขปัญหาความยากจนดีที่สุด คือ ชุมชนต้องเข้มแข็ง เกษตรกรหนึ่งคน จน อ่อนแอ ถ้าชุมชนเข้มแข็งได้ สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปได้ เอาสิ่งใหม่ๆ เข้าไปได้ ก็สามารถสร้างมูลค่าได้”

                นอกจากนี้รัฐบาลมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ก่อสร้างทางรถไฟรางคู่อย่างน้อย 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 4,000 กิโลเมตร ภายใน 5 ปี และยังเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไปเมืองรองด้วย และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 7 เส้นทาง รองนายกรัฐมนตรีระบุถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ถ้าไม่มีอีอีซีจะเอาอะไรไปขายสู้กับเวียดนาม เรามีอะไร ค่าแรงแพงกว่าครึ่งหนึ่ง อีอีซีจึงเกิดขึ้นมา เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีมูลค่าและเป็นศูนย์กลางภูมิภาค

                "อย่างน้อยวันนี้ 5 โครงการใหญ่ เเหลมฉบัง มาบตาพุด รถไฟ สนามบินอู่ตะเภา เป็น 4 โครงการที่เดินหน้าเเล้ว เหลือเเค่ศูนย์ซ่อมที่ยังไม่เดินหน้า ต้องไปเร่งให้ดีขึ้น ฉะนั้นอีอีซีต้องเกิด เพราะสร้างจุดขายให้ประเทศไทย สร้างเเรงดึงดูดให้ประเทศไทย สิ่งเหล่านี้บอกว่าสร้างหนี้เยอะเเยะ สมัยก่อนไม่ได้สร้าง ล่าสุดอยู่เเค่ 42% ไม่สูงกว่าในอดีต ที่กู้มาลงทุนอะไรจริงจัง สร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ ถ้าสร้างได้ จีดีพีโตขึ้นมา สามารถรองรับขึ้นมาได้" คุณสมคิดถาม

                ทั้งหมดนี้แล้วยังต้องรอว่าคุณสมคิดและคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจจะมี “แผนปฏิบัติการ” หรือ Action Plan ที่จะแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างไร

                วันนี้ยังไม่เห็น มองไปข้างหน้าก็ยังมัวๆ อยู่เช่นกัน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"