บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

 ยังคงมีควันหลงจากศึก แถลงนโยบาย ต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะ กรณี ดาวเด่น ทั้งหญิงและชายอย่าง ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ลามและดรามาโยงไปถึง วนิดา คุนผลิน อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยและอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ออกโรงมาป้องน้องชาย อย่าง อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน ที่โดดเข้ามา แจม เรื่องของ 2 ดาวเด่นเอง แต่งานนี้กลับไปไกลถึงตีนโรงตีนศาลกันเลยทีเดียว ซึ่งก็น่าสนใจและเป็นสีสันได้เป็นอย่างดีกับการเมืองไทยยุคท่องบ่น ปฏิรูป ได้เป็นอย่างดี ...๐

ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ยังคงเป็นประเด็นร้อนในศึกอภิปราย นั่นคือ การย้อนวันวาน รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เมื่อ วันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติอภิปรายว่า บิ๊กตู่ พูดในที่ประชุม สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิตว่า เตรียมการรัฐประหารมา 3 ปีกว่า ซึ่งข้ามวันมาไม่นาน ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็มาทวีตสำทับว่าได้ยินเฉกเช่นกัน แต่แล้วก็พลิกผันเมื่อ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเล่าวินาทียึดอำนาจว่าไม่มีคำดังกล่าวแต่อย่างใด งานนี้เรียกว่าเป็นการเหยียบเบรกดังเอี๊ยด เล่นเอาสังคมเริ่มตั้งข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวขึ้นมาแล้ว ซึ่งคนทั่วไปและปุถุชนทั้งหลายอาจมองว่า นักการเมือง ก็ย่อมมีสายเลือด เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้น จะให้ชัวร์ว่าคำพูดดังกล่าวมีจริงหรือไม่ก็ฟังคนที่เป็นกลาง ณ ขณะนั้น ...๐

แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และอดีตสมาชิก ปชป. ที่เล่าเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดยิบแบบยิ่งกว่าถ่ายทอดสดการประชุม ซึ่ง สมชัย ในขณะนั้นเป็น กกต.ที่ต้องยอมรับว่ามีความเป็นกลางและยังไม่ถูกมาตรา 44 เด้งพ้นเก้าอี้ บันทึกของเขาจึงต้องถือว่าน่าเชื่อถือที่สุดในบรรดานักการเมืองที่ออกตัวทั้งหลาย เพราะอย่างไรลึกๆ ก็ต้องมีผลประโยชน์ฝังแน่นอยู่ งานนี้เลยเป็นบทพิสูจน์ได้อย่างดีกับประโยคที่บอกว่า แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน จริงๆ เพราะขนาดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อย่างนี้ยังบิดเบือนบิดพลิ้วกันได้ ...๐

หันกลับมาเรื่องการแบ่งงาน 5 รองนายกฯ 1 รมต.ประจำสำนักนายกฯ กันบ้าง เพราะต้องเรียกว่าได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ๆ ให้กับวงการเมืองอีกระลอก หลังจาก ครม.ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปแล้วรอบหนึ่งที่กระทรวงเกษตรฯ ที่มีรัฐมนตรีมากที่สุด และกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังที่มี รมช.น้อยที่สุด อย่างไม่เคยมีมาก เพราะการแบ่งงานครานี้ต้องบอกว่า ลุงตู่ รวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยิ่งกว่านายกฯ สมัยใด เพราะนอกจากคุมกลาโหมแล้ว ยังคุม ตำรวจ รวมทั้ง ดีเอสไอ และยังนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจเข้าไปอีก ...๐

ในขณะที่ 5 รองนายกฯ นั้นก็ต้องบอกว่าต่อไปคงไม่มีใครกล้าใช้รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจได้ เพราะเล่น มีถึง 3 รองนายกฯ ที่ดูแล ทั้ง สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-อนุทิน ชาญวีรกูล ที่สำคัญยังเป็นการแบ่งงานแบบไม่เคยเห็นในประวัติศาสตร์อีกเช่นกัน เมื่อรองนายกฯ จุรินทร์มีหน้าที่แค่กำกับดูแล 3 กระทรวง ซึ่งพรรค ปชป.ดูแล โดยไม่มีหน่วยงานอื่นๆ ให้ไปดูแลแต่ประการใด

อีกรายที่น่ามึนน่างงเช่นกันคือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่อยู่ในมือ เทวัญ ลิปตพัลลภ เพราะแม้ให้ดูแลหน่วยงานทั้งสิ้น 5 หน่วยงาน อันประกอบด้วย กรมประชาสัมพันธ์, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, สำนักงานราชบัณฑิตยสภา และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) แต่ในความเป็นจริงแล้ว 4 ใน 5 หน่วยงานก็อยู่ภายใต้การดูแลของ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มีเพียงสำนักงานพัฒนาพิงคนครเท่านั้นที่ได้ดูแบบเต็มก้น งานนี้ก็ไม่รู้ว่าบรรดาข้าราชการและพนักงานใน 4 องค์กรเหล่านี้ จะเรียกว่าเป็นข้า 2 นายหรือไม่อย่างไร แล้ว หากเกิดกรณี วิษณุ-เทวัญ คนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทางปฏิบัติ ...๐

ท.ศักดิ์

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"