หลังจากที่อดีตนักแสดง ธีร์-ภูมิธนะวัชร์ บุญลือประดิษฐ์ มีอาการป่วยเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง จนแทบไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และที่สำคัญกำลังประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก ซึ่งเมื่อเรื่องดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ทางโลกโซเซียล ก็ธารน้ำใจจากเพื่อนๆ นักแสดง รวมถึงประชาชนทั่วไป แห่บริจาคเงินเพื่อให้หนุ่มธีร์นำไปรักษาตัวเป็นจำนวนมาก
แต่จู่ๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นเมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่ายอดบริจาคนั้นสูงถึง 8 ล้านบาท แต่เจ้าตัวกลับบอกใครๆ ว่าได้เพียงห้าหมื่นเท่านั้น แถมยังรวมถึงประเด็นเอาเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้อบ้านซื้อรถ และโอนเงินเกือบทั้งหมดที่ได้รับไปเก็บไว้ในบัญชีของหนุ่มคนรักที่คบหากันมาได้ 3 ปี เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายรักจริง โดยล่าสุด ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นร้อนดังกล่าว ณ สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี
“เงินบริจาคยอด 8 ล้านบาทครับ แต่ที่บอกว่าได้ 5 หมื่น เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิต กลัวจะโดนอายัด และจะไม่มีเงินเก็บไว้ให้แม่ ก็เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด แต่พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 4-5 วัน ก็รู้สึกเครียด รวมถึงตัวคุณแม่เองก็มีอาการเบาหวานความดันขึ้น ซึ่งช่วงนั้นน้องเอมมี่เขาโทรมา แล้วเขาก็ให้ธรรมะกับผมบางข้อ เอมมี่เขาก็บอกกับผมว่า หายไปเลยจากสังคมก็ได้ หรือจะออกมาพูดความจริง เพราะทุกคนที่ช่วยพี่เขาช่วยด้วยใจ ผมก็เลยเลือกที่จะออกมาพูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อันนี้คือความจริงครับ ก็คือผมกลัวจะโดนอายัดบัญชี และกลัวว่าจะไม่มีเงินเก็บเอาไว้ให้แม่ครับ
เรื่องบ้านที่ผมอาศัยอยู่ในตอนนี้ ผมไม่ได้ซื้อ แต่ผมเช่าในราคา 2,000 บาท จริงๆ เป็นการเช่าบ้านต่อจากแฟนครับ ซึ่งมันเป็นแพลนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน เนื่องจากตอนที่อยู่ที่เอื้ออาทรมันรู้สึกอุดอู้ หรือเวลามีคนสูบบุหรี่ผมก็จะต้องสูดรับควันเข้าไปด้วย มันเลยทำให้ทั้งผมทั้งแม่ร่างกายทรุดโทรม จากนั้นเราก็เลยตัดสินใจย้ายออกมา จริงๆ แฟนตั้งใจจะให้ธีร์อยู่ฟรีนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ธีร์ได้รับเงินบริจาคมาแล้ว ธีร์ก็เลยแสดงความบริสุทธิ์ใจขอช่วยค่าใช้จ่ายแค่ 2,000 บาท รวมถึงช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ น่าจะดีกว่า
เงินที่เอาไปซื้อบ้านยืนยันครับว่าเป็นเงินของแฟนไม่เกี่ยวกับเงินบริจาค เพราะเงินบริจาคตอนนี้ยอดคงเหลือคือ 7,500,000 บาท และยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเงิน 500,000 บาท ที่หายไป นั่นก็เกิดจากการใช้หนี้ให้กับบางท่าน ซึ่งผมเองก็ต้องขอบคุณเจ้าหนี้บางรายที่มีความเมตตาในตอนที่ผมตกทุกข์ได้ยาก ให้ผมได้หยิบยืมเงิน แต่เพราะตอนนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมเลยต้องคืนเงินไปบ้างบางส่วน ซึ่งก็ยังมีอีกหลายส่วนครับที่ยังไม่ได้คืน
ส่วนเหตุผลที่ทำไมต้องโอนเงินไปไว้ในบัญชีแฟน เพราะกลัวโดนอายัด ยอดประมาณ 6,400,000 บาทครับ ซึ่งตอนนี้เหลือเงินอยู่ในบัญชีธีร์ประมาณ 150,000 บาท กว่าๆ ครับ ทำไมถึงไว้ใจแฟนขนาดนี้ คือนับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน ช่วงที่ผมป่วยหนักมากๆ จนถึงขั้นเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เขาก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหน ขนาดผมไม่มีเงินผมต้องออกจากงาน เขาก็ยังมาช่วยดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร แถมยังขับรถไปๆ มาๆ เป็นระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร เพื่อมาช่วยดูแล แม้แต่ตอนที่ผมนอนป่วยเป็นคนไข้ติดเตียง เขาก็ยังจ้างคนไปช่วยดูแลร้านแทนเขา และตัวเขาก็มาช่วยดูแลผมเป็นการถาวร มันเลยทำให้ผมรู้สึกประทับใจ รวมถึงไว้ใจในตัวเขา
แต่เมื่อสักครู่นี้ผมก็ได้ปรึกษากับทางทนายความเบื้องต้นแล้วว่า หากเป็นไปได้จะสามารถนำเงินมาไว้ในบัญชีคุณแม่ได้ไหม เนื่องจากท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ผมก็เลยกังวลเรื่องนี้ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าผมกับแม่ใครจะจากไปก่อน อย่างน้อยๆ ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม ผมก็จะได้สบายใจและตายตาหลับว่าเงินยังอยู่ในบัญชีแม่
เงิน 500,000 บาท ที่ใช้ไป ผมเองไปจ่ายหนี้บางส่วน รวมถึงเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายที่ติดค้างไว้ช่วงที่อยู่บ้านเอื้ออาทร ไม่ว่าจะเป็น ค่าส่วนกลาง ค่าขยะ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ว่าเจ้าหนี้ท่านอื่นผมก็ขอกราบเรียนตรงนี้เช่นกันนะครับ ว่าผมใช้คืนแน่นอน แต่ขอทยอยใช้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่ธีร์โพสต์ขายตุ๊กตา หรือขายกระเป๋า ธีร์ก็ทำเพื่อที่จะนำเงินตรงนั้นมาทยอยใช้หนี้ ผมเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่รบกวนเงินของประชาชนทุกท่าน ที่ส่งมาให้ผมเพื่อนำไปใช้รักษาตัวด้วยความเมตตา ผมขอกล่าวด้วยความสัตย์จริงและจากใจว่า จะไม่มีทางนำเงินไปใช้หนี้อีก แต่ที่ก่อนหน้านี้ต้องนำเงินไปใช้หนี้ก่อนก็เป็นเพราะว่า ทางเจ้าหนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมจึงเข้าใจดีว่าเวลาที่เราเดือดร้อนแล้วเขาช่วยมันเป็นอย่างไร พอวันนี้ผมได้คืนเขาไปแล้วก็รู้สึกสบายใจครับ
ตอนนี้ผมก็หยุดรับบริจาคแล้วครับ ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ส่วนเงินที่เหลือ 7,500,000 กำลังคิดว่าจะฝากยังไงให้มันได้ดอกเบี้ยสูง เพราะตอนนี้การลงทุนมีความเสี่ยงสูง แล้วก็เอาไว้ในบัญชีของแม่ แต่เนื่องจากแม่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ได้ปรึกษากับทนาย ว่าเป็นไปได้ไหม ให้เปิดบัญชีเป็นชื่อแม่ แต่ว่าผมมีอำนาจในการเซ็น แล้วบัตรเอทีเอ็มเราก็ถือไว้ เวลาจะใช้อะไรเราก็เอามาใช้บ้าง แต่ว่าตอนนี้ใช้จริงๆ มันก็ไม่เยอะ เพราะว่าค่ากิน ค่าเช่าบ้าน 2,000 บาท มันก็ไม่เกินหนึ่งหมื่น หมื่นนิดๆ ก็เอาจากรายได้ที่ขายกระเป๋าขายตุ๊กตาได้ เรื่องค่ารักษา ตอนนี้รักษาฟรีแล้วครับ และหลังจากนี้ไม่ต้องบริจาคให้ธีร์แล้วครับ”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |