นายกฯ ย้ำ ครม.ใหม่ต้องไม่มีการทุจริตเด็ดขาด เปรียบรัฐบาลเป็นเรืออะไรก็ตาม จะลอยหรือจมอยู่ที่ ปชช. แต่ถ้าไม่พายก็อย่าราน้ำ คอนเฟิร์ม 7 รมต.ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเหตุพ้นตำแหน่งไม่ถึง 30 วัน ย้ำเกณฑ์เดิม รมต.ถือครองหุ้นไม่เกิน 5% เลขาฯ ป.ป.ช.ชี้ รมต.ใหม่ต้องยื่นบัญชีผู้อยู่กินฉันสามีภรรยาด้วย

    เมื่อวันอังคาร ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีเต็มตัวหลังแถลงนโยบายไปแล้ว ซึ่งได้กำชับไปหลายเรื่อง ทั้งกฎหมายและ พ.ร.บ.ใหม่ๆ พ.ร.บ.การเงินการคลัง  เรื่องงบประมาณ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี และมีการชี้แจงจากคณะทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาฯ ครม. ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในการทำงานร่วมกันต่อไป
    "ในส่วนการประเมินผลการทำงานของรัฐบาลมีขั้นตอนอยู่แล้ว จากนโยบายก็ไปสู่การปฏิบัติ การขับเคลื่อน และจากการปฏิบัติก็จะไปสู่การจัดทำแผนงานโครงการ ซึ่งตรงนี้จะมีคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบและประเมินผลในการทำงานของทุกแผนงาน ซึ่งจะสามารถแก้ไขได้ แต่สิ่งสำคัญและได้ย้ำไปแล้วคือ ต้องไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด" นายกฯ กล่าว 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ให้คะแนนการแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างไร หลังจากที่ฝ่ายค้านบอกว่านโยบายของรัฐบาลจับต้องไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่รู้จะให้คะแนนอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของประชาชน แต่ที่ตนพูดไปนั้นเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง ตัวเลขต่างๆ ที่ได้มาก็มาจากหน่วยราชการ ยอมรับว่าการแก้ปัญหามหภาคมีความจำเป็น และถือว่ามีตัวเลขที่ดีพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศ แต่ในด้านเศรษฐกิจจุลภาคหรือระดับล่างนั้นตนได้สั่งการไปแล้วว่าจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมในการแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ตนต้องปรับตัวอีกเยอะ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่เข้าไปในสภา ถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่
    เมื่อถามว่า มองรัฐบาลชุดนี้เป็นเรือประเภทใดหลังนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยมองว่าเป็นเรือเหล็ก นายกฯ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นเรืออะไรก็ตาม ต้องเป็นเรือที่พาคน 70 ล้านคนไปด้วยกันให้ได้ การที่เรือจะลอยหรือจม จะไปได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำ และน้ำก็คือประชาชนที่จะทำให้เรือลำนี้วิ่งต่อไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่พายก็อย่าไปราน้ำ เพราะเรือก็หนักอยู่พอสมควรแล้ว มีคน 70 ล้านคน ก็ขอความร่วมมือจากทุกท่านด้วย
    "ช่วงนี้ขอให้ระมัดระวังข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ต่างๆ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และคำพูดของผมก็ยังนำไปถูกบิดเบือน ผมไม่เคยไปดูถูกว่าคนจนไม่เคยเสียภาษี ขอให้จำไว้ด้วย ในวันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ผมพูดว่าภาษีมีกี่ประเภท ภาษีบุคคลและคนที่มีรายได้น้อยก็ไม่ต้องเสียตรงนี้ แต่ไปเสียตรงอื่น ผมพูดเช่นนี้ ผมไม่ได้บอกว่าคนจนไม่ได้เสียภาษี ก็มีการไปบิดเบือนคำพูด จึงอยากขอร้องให้ทุกคนฟังคำพูดที่เป็นข้อเท็จจริง" 
    ส่วนการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หลังกฎหมายใหม่เปิดช่องให้นายกฯ และรัฐมนตรีชุดเก่าที่พ้นจากตำแหน่งไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเขาให้ยื่น ตนก็ต้องยื่น 
    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมาของรัฐมนตรีในการเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้อง กรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือน ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ต้องห้ามที่จะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐมนตรีที่เคยร่วมอยู่ใน ครม.ชุดที่แล้ว และได้รับแต่งตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ภายในเวลา 30 วัน จึงไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินมีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ 4.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 6.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ และ 7.พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม
    นางนฤมลแถลงว่า ครม.มีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรีในการเข้ารับตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)เสนอ สรุปได้ดังนี้ รัฐมนตรี คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี ต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (รวมถึงการถือหุ้นของรัฐมนตรีที่อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางใดๆ ด้วย)เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ ในห้างหุ้นส่วนจำกัด รัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ไม่เกินร้อยละห้าของทุนทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น , ในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด 
    "ในกรณีที่รัฐมนตรี คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี ประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ในส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ให้รัฐมนตรีดำเนินการ แจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ให้นิติบุคคลภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้แจ้งให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.ทราบ และให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ทราบภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นนั้น" นางนฤมลกล่าว 
     นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการชี้แจงการกรอกยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีต่อ ป.ป.ช.ว่า รัฐมนตรีส่วนใหญ่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมาแล้ว เพียงแค่มาทำความเข้าใจถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ตามกฎหมายใหม่ ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินใหม่ของผู้อยู่กินฉันสามีภรรยา ซึ่งเพิ่มเติมจากกฎหมายเดิม รวมถึงกรอบระยะเวลาที่เปลี่ยนจาก 30 วันเป็น 60 วัน นับตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีคนดังกล่าวได้ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ทั้งนี้ เมื่อรัฐมนตรีที่ได้ทำการยื่นแล้ว ทาง ป.ป.ช.จะเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบต่อไป.