ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" วันอังคารที่ 30 ก.ค. ถือเป็นวันประชุม ครม.ประยุทธ์ 2/1 อย่างเป็นทางครั้งแรกที่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะ วาระสำคัญ อาทิ ครม.เห็นชอบการจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจ ขึ้นหลังจากที่ห่างหายไปนาน โดยนายกฯ จะเป็นหัวหน้าเอง ถือว่าแตกต่างจากยุคก่อนที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจจะเป็นหัวหน้า เนื่องจากเหตุที่ ครม.ประยุทธ์ 2/1 มาจาก 19 พรรคการเมืองเป็นรัฐบาลปริ่มน้ำ กระทรวงหลักๆ จึงถูกแบ่งไปให้พรรคร่วมรัฐบาล โดยนายกฯ บอกว่า เพราะมีรองนายกฯ จากหลายส่วน ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมารวมกัน โดยตนเป็นหัวหน้าเพื่อเอาหลายเรื่องมาหารือร่วมกัน ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซึ่งรองนายกฯ แต่ละคนรับผิดคนละกระทรวง ฉะนั้นการขับเคลื่อนอาจมีปัญหาไม่สอดคล้องกันอยู่บ้าง สรุปว่านายกฯ ต้องคุมเศรษฐกิจเองเดี๋ยวจะเอาไม่อยู่!...0

                ที่ฮือฮาที่สุดก็คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นายกฯ กำกับดูแลเอง จากเดิมที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นคนดูแล โดยจะเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งแรก วันที่ 31 ก.ค.นี้ นายกฯ อ้างว่า "เพื่อแบ่งเบาภาระของ พล.อ.ประวิตรและเรื่องสุขภาพ" แต่ พล.อ.ประวิตรยังคงทำหน้าที่ต่อไปในเรื่องของการดูแลความมั่นคง เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขก.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ศอ.บต. ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า สตช.ในยุค คสช. 5 ปีที่ผ่านมาตกต่ำสุดขีด ตั้งแต่ออกคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 7/2559 ยุบพนักงานสอบสวน สร้างความปั่นป่วนถึงทุกวันนี้ต้องให้จับสลากเป็น พงส. บางคนทนไม่ไหวฆ่าตัวตายไปหลายราย คราวนี้ถึงเวลา ลุงตู่ ต้องมาไถ่บาป ปฏิรูปวงการสีกากีเสียที...0

ส่วนการแบ่งงานรองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กำกับดูแล 5 กระทรวง ได้แก่ คลัง, ต่างประเทศ, อุดมศึกษาฯ, พลังงาน และอุตสาหกรรม รวมทั้งดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรมหาชนเพียบ อาทิ สศช., บีโอไอ, อสมท, สสว. เช่นเดียวกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ยกเว้นดีเอสไอ ซึ่งนายกฯ จะดูแลเองส่วนหนึ่ง กระทรวงวัฒนธรรม และศึกษาธิการ รวมทั้งกรมประชาสัมพันธ์, สคบ., พศ., ก.พ., ก.พ.ร., ปปง., ปปท. ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กำกับดูแล 3 กระทรวง ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ พัฒนาสังคมฯ, เกษตรฯ และพาณิชย์ ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ กำกับดูแล 3 กระทรวง ในสังกัดพรรคภูมิใจไทย ได้แก่ ท่องเที่ยวฯ, คมนาคม และสาธารณสุข รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ แหม! ก็กระทรวงหลักๆ พรรคร่วมเอาไปหมดแล้ว จึงต้องกินรวบหน่วยงานต่างๆ บ้าง...0

                ส่วนการแต่งตั้งตำแหน่ง ขรก.การเมือง หลังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยัน ส.ส.ดำรงตำแหน่ง ขรก.การเมืองไม่ได้ ถ้าเป็น ส.ส.ก็ต้องลาออกก่อน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงต้องลาออกจาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ พปชร.จะเสนอชื่อ นายธนกร วังบุญคงชนะ ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ก็ถือว่าลงตัว นฤมล ชี้แจงประเด็นการทำงานของรัฐบาล ธนกร ไว้ปะฉะดะกับฝ่ายค้าน ส่วน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล หลังพลาดหวังเก้าอี้ รมต.ได้เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ที่น่าสนใจ นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต รมช.เกษตรฯ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตหัวหน้าทีม ส.ส. จ.ศรีสะเกษและสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.คงเป็นสัญญาณว่า ลุงตู่ ลงมานำ พปชร.เต็มที่ ยิ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยเลือดไหลไม่หยุด เพราะเป็นฝ่ายค้านนานๆ ไส้แห้ง!...0

                วันที่ 31 ก.ค.นี้ ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกลุ่ม นปช.ชุมนุมล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 โดยศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 5 แกนนำ นปช.คนละ 2 ปี 8 เดือน ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ นพ.เหวง โตจิราการ กลับเอาไปเทียบเคียงคดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งศาลสั่งจำคุก 6 เดือน เป็นการใช้นิสัยเดิมๆ ปลุกปั่นมวลชนว่าเป็น 2 มาตรฐาน ทั้งที่รูปคดีแต่ละคดีไม่เหมือนกัน การฟ้องข้อหาและพยานหลักฐานในชั้นศาลก็แตกต่างกัน  แล้วจะให้ทุกฝ่ายรับโทษเท่ากันได้อย่างไร ก็เพราะคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว การปรองดองสมานฉันท์จึงไม่คืบหน้าสักที!...0

แซมซาย