ป้อมปราการที่ไม่มีผู้ใดจะตีแตก!!!


เพิ่มเพื่อน    

 

         ถึงจังหวะนี้...ก็ต้องเรียกว่า ได้เวลาที่ เรือแป๊ะ ไม่ว่าจะเป็นเรือเหล็ก เรือไม้ เรือไฟเบอร์กลาส หรือเรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ น่าจะได้ติดเครื่อง ชักใบ ขยับหางเสือ แล่นออกอ่าว ออกทะเล ได้อย่างเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ และอย่างเป็นทางการ ส่วนจะแล่นฉิว แล่นเฉื่อย หรือแล่นไปได้ไกลแค่ไหน อันนี้...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับภาวะอากาศ ภาวะคืบก็ทะเล-ศอกก็ทะเล ที่ต้องคอยเฝ้าติดตามกันไปเป็นระยะๆ...

                                     ----------------------------------------------

                แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...น่าจะผ่านพ้นภาวะ ล่มปากอ่าว ลงไปได้แล้วในขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการหลั่งเร็ว-ไม่หลั่งเร็ว แต่น่าจะเป็นเพราะไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ต่างก็มีลำหัก-ลำโค่นพอๆ กันไปด้วยกันทั้งคู่ คือการที่เวทีรัฐสภายุคนี้ ปราศจากบรรดาตัวแสบ ตัวจี๊ดจ๊าด ตัวอันตราย ซึ่งเคยรวมๆ อยู่ในพรรคฝ่ายค้าน ชนิดแทบเกลี้ยงไปเป็นแผงๆ ย่อมส่งผลให้ฝ่ายรัฐบาลที่แม้จะมีอาการปริ่มน้ำ พ้นน้ำ ไปได้แค่ไม่เท่าไหร่ ก็น่าจะพอหายใจ หายคอ โล่งๆ ขึ้นมาได้มั่ง ยิ่งเป็นผู้นำรัฐบาลอย่างตัวนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว แทบไม่ได้ออกอาการ กลัวฉลาม ใดๆ ต่อไปอีกเลย ลุกขึ้นมาฟาดฟันกับปลาปักเป้า และแมงกะพรุนแบบชนิดดอกต่อดอก...

                                      ------------------------------------------------

                เสียงที่ขาดๆ-เกินๆ อยู่แค่ประมาณเกือบ 10 เสียง จึงไม่ได้ถึงกับมี ปัญหา อะไรมากมาย แต่ก็นั่นแหละ...แม้สิ่งที่เป็นอุปสรรค ขัดขวาง อาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายแค้น มากมายซักเท่าไหร่ แต่ถ้าดูจาก สภาพอากาศ จากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา การเดินเรือในช่วงสภาวะอากาศระหว่างนี้ มันออกจะเป็นอะไรที่น่าขนลุก ขนพอง น่าหวาดหวั่นขวัญสยองมิใช่น้อย แนวโน้มที่อาจต้องเจอกับภาวะความกดอากาศต่ำ ความกดอากาศสูง ที่จะเข้ามาทำปฏิกิริยาจนกลายเป็นภาวะไต้ฝุ่น เฮอริเคน ดีเปรสชัน ฯลฯ ทยอยซัด ทยอยสาด เข้ามาสู่ เรือแป๊ะ ซึ่งลอยเท้งเต้งอยู่ ณ จุดใด จุดหนึ่ง อันนั้นนั่นแหละ ที่น่าหวาดเสียวเอามากๆ...

                                  -----------------------------------------------------

                คือมันคงต้องอาศัย ภูมิคุ้มกัน ที่แข็งแกร่งเอามากๆ และคงไม่ใช่แค่ ภูมิคุ้มกันของรัฐบาล ที่สามารถอาศัยกองทัพ ข้าราชการ ตลอดไปจนถึงบรรดา ติ่งๆ ทั้งหลาย คอยช่วยประคับประคองเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น แต่มันยังต้องอาศัยภูมิคุ้มกันที่แผ่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หรือให้กลายสภาพไปเป็น เครือข่ายภูมิคุ้มกันทางสังคม แบบชนิดทั่วทั้งสังคมเอาเลยโน่นแหละ มันถึงจะพอรับมือกับพายุลูกต่างๆ ที่จะทยอยสาดซัดเข้ามาอย่างเป็นระลอก และอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่เช่นนั้น...บรรดาความฟุ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย ความปรารถนาที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเอง อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่คิดจะบันยะบันยังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อันถือเป็นพฤติกรรมโดยปกติของบรรดา ผู้บริโภคสากล กันมานานแล้วมันย่อมต้องกลายเป็นตัว สร้างปัญหา อย่างชนิดไม่มีที่สิ้นสุดกันจนได้...

                                  ----------------------------------------------------

                อย่างที่ใครต่อใครเขามักหยิบมาพูดถึง อ้างถึง กันโดยตลอด ถึง ตัวเลขหนี้สินครัวเรือน ที่คงมิอาจปฏิเสธได้...ว่านับวันมันมีแต่จะมาแรง แซงโค้ง หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะ เข้าโค้งหักศอก กันในแบบใด รูปใด ก็แล้วแต่ แต่ด้วยเหตุเพราะความปรารถนา ความต้องการ ที่ไม่เคย พอเพียง ไม่ได้คิดจะเอา คาถาศักดิ์สิทธิ์ ชนิดนี้ไปปรับใช้ ประยุกต์ใช้ กับตัวเอง มีแต่บ่น แต่ท่อง แบบนกแก้ว นกขุนทอง กันไปเรื่อยๆ ภูมิคุ้มกันทางสังคม มันเลยไม่เกิด ไม่สามารถถักทอ บูรณาการ จนกลายเป็น เครือข่าย และนั่นเอง...ที่จะทำให้ ป้อมปราการ ที่ชื่อว่า ประเทศไทย มันจึงอาจถูกตีแตกขึ้นมาในวันใด วันหนึ่ง กันจนได้...

                                 ------------------------------------------------------

                เพราะการจะอาศัย รายได้ อันมีที่มาจากแรงกระตุ้น จากการอัดฉีด ไม่ว่าโดยรัฐบาลหรือภาคเอกชนใดๆ ก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วไม่ว่า ถมเท่าไหร่ มันก็ยัง ถมไม่เต็ม อีกต่อไปเรื่อยๆ นั่นเอง ด้วยเหตุเพราะความปรารถนา ความต้องการ ของมวลมนุษย์แต่ละรายนั้น มันแทบไม่ต่างอะไรไปจาก เหวที่ไม่มีก้น ด้วยกันทั้งสิ้นนั่นแหละทั่น ดังนั้น...ต่อให้ ป๋าดัน-สมคิด ท่านจะเพิ่มแรงดันไปอีกถึงขั้นไหน ดันแล้ว-ดันอีก ฉีดแล้ว-ฉีดอีก เปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็น ประเทศอีอีซี กันไปเลยก็ยังได้ สิ่งที่เป็น ปัญหา อันเนื่องมาจาก ตัณหา ทั้งหลาย มันย่อมกลายมาเป็นสิ่งที่ต้องชุลมุน วุ่นวาย กับการนั่งแก้ ไม่ต่างอะไรไปจาก ลิงแก้แห นั่นเอง...

                                  ---------------------------------------------------

                การหาทางสร้าง เครือข่ายป้องกันทางสังคม ด้วยการถักทอ บูรณาการ สิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง ให้เป็นจริง เป็นจัง ให้ลึกลงไปถึงทัศนคติ จิตสำนึก หรือแม้แต่จิตใต้สำนึกของผู้คน ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละดี จะโดยอาศัยค่านิยม-วัฒนธรรม-ประเพณี ไปจนถึงศาสนา หรือจะด้วยเครื่องมือใดๆ ก็ย่อมได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยแต่ ภาครัฐ หรือ รัฐบาล แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น น่าจะถือเป็นความจำเป็นอันเร่งด่วน และน่าจะมีส่วนช่วยให้ เรือแป๊ะ ลำนี้ ไม่ต้องจอดปะผุ เคาะสนิม ขูดสนิม ให้ต้องเสียเวร่ำ เวลา เอาเลยก็ยังได้...

                                 -----------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...งานนี้ มันอาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน มันจึงออกจะหา เจ้าภาพ ได้ค่อนข้างยากซ์ซ์ซ์อยู่พอสมควร มีแต่ต้องอาศัยผู้ที่หวังดี ปรารถนาดี ผู้ที่รักชาติบ้านเมืองอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจเท่านั้น มันถึงจะพอก่อรูป ก่อร่าง ขึ้นมาเป็น เครือข่ายป้องกันทางสังคม ได้อย่างจริงๆ จังๆ อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล ดังนั้น...ก็คงได้แต่ขออนุญาตปรารภ รำพึง เอาไว้ ณ ที่นี้ไปพลางๆ ก็แล้วกัน...

                                -----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H.G. Wells...“Poverty wants some things, luxury many. Avarice all things. – ความจนอยากได้บางสิ่งบางอย่าง ความฟุ่มเฟือยอยากได้หลายอย่าง ความโลภอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง...”

                              ---------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"