คึกคักพรรคโลกสวยโผล่เป็นดอกเห็ด ไพร่หมื่นล้านทวงคืนอนาคต คุยคำโตถ้าจะจัดตั้งพรรคการเมืองก็จะไม่เป็นพรรคที่เป็นเฉพาะกิจ อะไรที่น้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยจะไม่ทำ ปัดไม่ใช่พรรคนิติราษฎร์ ส่วน "ปิยบุตร" หรูไม่แพ้กัน ตั้งพรรคทางเลือกใหม่ ช่วยให้คนออกจากเผด็จการกลับไปสู่ประชาธิปไตย "สมคิด" ชวนอาจารย์-นักศึกษาหัวกะทิคลุกการเมือง ยันการเมืองไม่ใช่สิ่งสกปรก มันสกปรกเพราะคน จึงต้องเอาคนสะอาดเข้าไปล้าง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยว่า การจดจัดตั้งพรรคเมืองวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีกลุ่มการเมืองที่น่าสนใจ 42 กลุ่ม จากนี้ กกต.จะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อผู้ที่มาขอจดแจ้งพรรคการเมือง คาดว่าใช้เวลา 30 วัน ซึ่งกลุ่มการเมืองที่สนใจจดแจ้งพรรคสามารถเดินทางมาจดแจ้งโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่หากกลุ่มการเมืองใดต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งที่จะถึง จะต้องยื่นจดแจ้งพรรคการเมืองภายในเดือนมี.ค.นี้ เพราะต้องใช้เวลา 180 วันในการจัดหาสมาชิกพรรค ทุนประเดิมพรรค
ขณะที่พรรคการเมืองใดมีความพร้อมที่จะประชุมสมาชิกพรรค หรือทำกิจกรรมในพรรค จะต้องดำเนินการขออนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอผ่านทาง กกต. โดยมี 6 ข้อที่จะต้องปฏิบัติ คือ ทำอะไรบ้างเหตุผลใด เมื่อใด สถานที่ใด จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดประชุม โดยจะต้องทำเอกสารขออนุญาตล่วงหน้าก่อน 20 วัน
นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวลหากมีบางพรรคการเมืองต้องการเงินสนับสนุนจากกองทุนพรรคการเมือง เนื่องจากกฎหมายใหม่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกในการจัดตั้ง 500 คน รวมทั้งมีทุนประเดิมในการจัดตั้งพรรคไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีความเข้มงวดมากกว่ากฎหมายฉบับเก่า และจะต้องมีกิจกรรมทางการเมือง และจะต้องหาสมาชิกเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ไม่ได้ผิดกติกา ซึ่งสุดท้ายในการเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายในรัฐสภา จะมีพรรคการเมืองเดียวที่จะสามารถเสนอชื่อได้อย่างเป็นทางการ
เขาบอกว่า วันที่ 28 มีนาคมนี้ กกต.จะเชิญพรรคการเมืองเดิม 69 พรรคมาประชุมเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติ ก่อนที่พรรคการเมืองจะเริ่มดำเนินการเรื่องสมาชิกพรรคในวันที่ 1 เม.ย. ตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560
มากกว่า 100 พรรค
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา และในฐานะคณะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว รู้สึกดีใจที่มีผู้มาจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองกันมาก แต่ทั้งนี้เป็นเพียงการแจ้งจดทะเบียนเอาไว้ก่อน ส่วนขั้นตอนการจัดตั้งพรรคการเมืองจริงๆ ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องการต้องขออนุญาตจาก คสช.
“เมื่อรวมกับพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมกว่า 70 พรรคแล้วก็มากกว่า 100 สังเกตได้ว่าพรรคที่มาจดใหม่ยังคาบเกี่ยวกับพรรคเดิมอยู่บ้าง เป็นการกระจายตัวออกมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นผลจากการตึงตัว ในการบังคับเอาไว้นานมากกว่า คนที่สนใจการเมืองจึงออกมา ก็เปรียบเหมือนกับธนูที่ถูกน้าวเอาไว้นาน พอปล่อยก็ดีดแรง คล้ายๆ กับมีความอึดอัด เมื่อให้จดจึงไปจดเอาไว้ก่อนแล้วว่ากันอีกทีในอนาคต ที่เห็นมากันเยอะๆ ตอนนี้ก็รู้สึกดี เป็นสีสัน แต่สำหรับในชีวิตจริงของการทำพรรคการเมือง มันยากมาก สำหรับทุกฝ่าย แต่สุดท้ายพรรคเก่าก็จะได้เปรียบอยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่เห็นนี้เป็นเพียงประกายที่มีสีสันขึ้นมาเท่านั้นเอง แต่จะไปต่อไม่ใช่เรื่องง่าย“
นายนิกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้นมีอยู่มาก จะทำให้ดำเนินการอะไรได้ยากอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้มีพรรคที่เด่นๆ ก็เห็นอยู่ในเชิงนโยบาย ซึ่งคงมองเห็นว่าการเมืองอยู่ในจุดอับระหว่างภาวะของทหารกับการเมืองแบบระบอบประชาธิปไตย เมื่อหลายคนเห็นสภาพนี้จึงวางตัวอยู่ตรงกลาง เพื่อเป็นตัวเชื่อมตรงกลาง จึงเห็นได้ว่ามีหลายพรรคที่แสดงเจตนารมณ์ขึ้นมาอย่างชัดเจนในบางเรื่อง มีท่าทีเป็นอิสระพอสมควร แต่ก็มีส่วนใหญ่ที่มีท่าทียังไม่ตอบอะไรชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองตอนนี้มันอึมครึม จึงแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ฟันธง
นายนิกรกล่าวว่า กกต.เชิญพรรคการเมืองเก่านัดพร้อมเพื่อชี้แจงร่วมกันในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับ การดำเนินการก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นประเด็นที่ระบุว่าพรรคการเมืองเก่าได้เปรียบนั้นความจริงก็ไม่ได้เปรียบเสียเท่าไหร่ เพราะการจะทำอะไรต้องขออนุญาตจาก คสช.รุงรังไปหมด และยังทำกิจกรรมทางการเมืองอะไรไม่ได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองเก่าได้สอบถามความเห็นไปยัง กกต.มากมาย ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้บ้าง หลังมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 53 ออกมา แต่มีปัญหาว่าคำตอบที่เกิดขึ้นยังไม่มีความชัดเจนเอาเสียเลย เพราะไม่ได้เกิดขึ้นจากกฎหมายพรรคการเมือง ดังนั้น กกต.จึงตอบไม่ได้ เพราะต้องไปดูเจตนารมณ์ของ คสช. ดังนั้นจึงอยากเสนอว่า ในวันดังกล่าว กกต.ควรเชิญ คสช.มาตอบ ผู้ที่เป็นคนผูกก็ควรมาเป็นคนแก้ ไม่ต้องรอไปถึงเดือนมิถุนายนหรอก ปัญหาจะได้คลี่คลายไปได้
จะเปลี่ยนแปลงประเทศ
ที่สำนักงานอุทยาน?การเรียนรู้ เซ็นทรัลเวิลด์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิท กรุ๊ป หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะจับมือกับคณะนิติราษฎร์ การเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองว่า ขณะนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ขอให้รอครึ่งเดือนหลังของเดือน มี.ค. โดยขอให้พวกเราได้ทำงาน เนื่องจากสถานการณ์ไปอย่างรวดเร็วมาก นายธนาธรกล่าวว่า สิ่งที่ตนบอกได้คือถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องทวงคืนอนาคต โดยไม่สามารถปล่อยให้สังคมไทยอยู่ภายใต้ความขัดแย้งนับตั้งแต่มีรัฐประหาร ปี 2549 นอกจากนี้ยังเห็นว่าประเทศไทยมีศักย?ภาพมากกว่านี้ เพียงแต่ว่ายังติดเงื่อนไขของความขัดแย้ง ดังนี้ เชื่อว่าเพื่อจะปลดล็อก?ความขัดแย้งไปสู่อนาคตใหม่ๆ เราจำเป็นต้องมีพรรคทางเลือกใหม่ที่เป็นตัวแทนของพลังของคนรุ่นใหม่
"ถ้าผมจะจัดตั้งพรรคการเมือง ก็จะไม่เป็นพรรคที่เป็นเฉพาะกิจ ซึ่งอะไรที่น้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยผมก็จะไม่ทำ"
นายธนาธรกล่าวอีกว่า เวลาที่พูดถึงคนรุ่นใหม่ คือ คนที่ไม่ยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเป็นไปได้ และยังเชื่ออีกว่าพลังของตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้
เขาบอกว่า หากพิจารณาจากรายชื่อผู้ที่ขอจัดตั้งพรรคใหม่ทั้ง 42 พรรค มีพรรคไหนที่เป็นความหวังของประชาชนได้บ้าง หากมีตนก็จะไม่จัดตั้งพรรคขึ้นมา จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ หากจัดตั้งพรรคก็จะต้องสูญความเป็นตัวเอง แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ถ้าจะเสนออะไรที่ก้าวหน้าหรือไปไกลอาจจะส่งผลต่อเสรีภาพของตน ซึ่งหากจัดตั้งพรรคขึ้นมาจริง จะไม่ใช่พรรคของนายปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติราษฎร์? หรือพรรคของนายธนาธร และไม่ใช่พรรคที่เป็นนอมินี?ของใคร แต่เราเป็นนอมินี?ของประชาชน ที่ถูกกดขี่และถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพไปอยากเห็นอนาคตใหม่
"ไม่อยากให้ดูที่นามสกุลของผม เพราะผมเคยทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง และสิ่งที่พูด อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่มีพรรคของเรา แต่ถ้าอยากเดินไปข้างหน้าและพลังทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะพลังของกลุ่มคนที่ไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์แบบนี้" หลานนายสุริยะ รัฐมนตรีผู้อื้อฉาวในรัฐบาลทักษิณ กล่าว
ด้านนายปิยบุตร ซึ่งเตรียมตั้งพรรคการเมืองเปิดเผยกับบีบีซีว่า ประเทศไทยเหนื่อยล้ากับความขัดแย้ง 10 กว่าปี พรรคไหนชนะ อีกข้างหนึ่งจะต่อต้าน มีคนรู้สึกว่าเลือกตั้งแล้วไม่จบ เลือกตั้งแล้วจะเจอการชุมนุม แล้วเกิดความวุ่นวาย
ไม่ใช่นอมินีแม้ว
เขากล่าวว่า ถ้ามีนายทหารคนหนึ่งขึ้นมาในนามของการรักษาความสงบ ขจัดความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองสงบ กลับมาเข้ารูปเข้ารอย มาในลักษณะแบบนี้ คนก็จะคิดว่าแบบนี้เราพักประชาธิปไตยไว้ชั่วคราว กลับไปอยู่กับเผด็จการดีกว่า สถานการณ์อย่างนี้มันเหมาะ มันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องมีพรรคการเมืองทางเลือกแบบใหม่เกิดขึ้นมา
"พรรคการเมืองทางเลือกใหม่อาจจะช่วยให้คนออกจากเผด็จการ ยอมกลับไปสู่การเมืองระบบปกติได้ เพราะเมื่อไปเลือกตั้งแล้ว มีทางเลือกใหม่จริงๆ"
นายปิยบุตรยืนยันว่าไม่ใช่พรรคนอมินีทักษิณ ไม่เกี่ยวข้อง เราทำของเราเอง ไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร เปิดตัวไปเห็นรายชื่อ ก็รู้ว่าไม่เกี่ยวอะไรเลย เป็นคนใหม่ทั้งหมด
ส่วนข้อเสนอแก้ ม.112 จะเป็นอุปสรรคหรือไม่ เขาชี้แจงแบบเลี่ยงๆ ว่าถ้าเราไปดูข้อเสนอของนิติราษฎร์ที่ออกมาต่อเนื่อง หัวใจหลักคือเรื่องประชาธิปไตย ต้องการให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
"ถามว่าจะต้องลบอะไร ผมคิดว่ามันลบไม่ได้ มันคือตัวเรา มันเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ผมพูดไปโดยความสุจริตทั้งสิ้น ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายที่จะอะไรทั้งสิ้น แต่แนวคิดหลักต้องการให้สถาบันการเมือง องค์กรต่างๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับประชาธิปไตย และอยู่ได้อย่างเป็นเกียรติ"
อย่างไรก็ตาม นายปิยบุตรเผยแพร่ "แนวคิดเบื้องต้นของการสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่" ผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ดังนี้
1.พรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของ งบประมาณของพรรคมาจากการระดมทุนผ่านการบริจาค Crowdfunding การกู้ยืมเงินโดยปราศจากดอกเบี้ยจากคนที่สนับสนุนแนวคิดของพรรคการเมือง เงินสมทบของสมาชิกพรรค เงินอุดหนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
2.พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยในทุกระดับ เน้นการกระจายอำนาจ สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่มีบทบาท ผู้สมัคร ตำแหน่งในพรรค ข้อบังคับ แนวทางการบริหารและยุทธศาสตร์ มาจากการปรึกษาหารือ อภิปรายแลกเปลี่ยน และลงมติ โดยสมาชิกพรรค
คนรุ่นใหม่ไม่ใช่ "วัวงาน"
การจัดการพรรคเน้นกระจายอำนาจ ไม่รวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง กระจายงานภารกิจไปให้กลุ่มต่างๆ พื้นที่ต่างๆ จังหวัดต่างๆ สนับสนุนบทบาทของเยาวชนคนรุ่นใหม่ งานที่คนรุ่นใหม่มีความถนัด เมื่อทำออกมาแล้ว ก็เป็นเครดิตของพวกเขา คนรุ่นใหม่คิดและทำกันเองได้ โดยไม่ต้องตั้งคนที่อาวุโสกว่ามานั่งเป็นประธานตามแบบที่เคยทำๆ กันมา คนรุ่นใหม่ไม่ใช่ "วัวงาน" หรือ "คนรับใช้" คนรุ่นอาวุโส
คนรุ่นใหม่ในพรรคมีบทบาทในการคิด เสนอ ลงมือทำ พวกเขาไม่ใช่ "แรงงาน" ที่ใช้แจกใบปลิว ติดป้าย แบบที่เคยทำๆ กันมา
3.พรรคการเมืองที่มุ่งหมายทำงานระยะยาว พรรคการเมืองคือ ที่รวมตัวกันของบุคคลที่มีความคิด อุดมการณ์ ในทิศทางเดียวกัน และต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อผลักดันความคิดและนโยบายให้เกิดผล ผลการเลือกตั้งไม่อาจทำให้พรรคการเมืองยุติบทบาทหรือการพัฒนาพรรค ในยามชนะ สมาชิกพรรคไปรับหน้าที่ต่างๆ ในสภาหรือรัฐบาล แต่ก็ต้องมีบุคลากรที่บริหารจัดการพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง พัฒนาพรรคอยู่เสมอ ในยามแพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องยุบเลิก แต่ยังต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อชนะในวันหน้า
พรรคการเมืองไม่ใช่ของชั่วคราว ที่สมาชิกเข้ามา เพื่อหวังจะลงเลือกตั้ง และไต่เต้าไปรับตำแหน่งทางการเมือง แต่พรรคการเมืองคือกลไกในการต่อสู้ทางการเมืองระยะยาว ดังนั้น แม้เริ่มต้นจะไม่สำเร็จ แต่ก็ต้องอดทน ทำงานอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง
4.พรรคการเมืองที่สนใจความรู้ วิชาการ การค้นคว้าวิจัย นโยบายที่ดี สมาชิกที่มีคุณภาพ ย่อมเกิดจากความรู้ การศึกษาค้นคว้า ดังนั้นต้องสร้าง Thinktank ของพรรคขึ้นมาในด้านต่างๆ ประกอบด้วยนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และประชาชนที่สนใจและเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น
นอกจากนี้ ต้องสร้าง "มหาวิทยาลัยตลาดวิชา" ของพรรคขึ้นมา บรรยายหัวข้อต่างๆ เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าฟัง และถ่ายทอดผ่านทางเว็บไซต์ ช่วงปิดภาคการศึกษา มี "มหาวิทยาลัย" สำหรับสมาชิกที่เป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้เข้าร่วม 3-4 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาพบปะพูดคุยกัน
วารสารของพรรค ไม่ใช่การโฆษณาประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่เป็นวารสารที่นำเสนอความคิดของพรรคในประเด็นต่างๆ มีบทความวิชาการ กึ่งวิชาการ
พรรคแบบทันสมัย มีสีสัน
5.พรรคการเมืองที่สื่อสารกับประชาชนและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา พรรคการเมืองสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อต่างๆ ของพรรค ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ วารสารรายปักษ์-รายเดือนของพรรค การ์ตูนแอนิเมชัน งานศิลปวัฒนธรรม เว็บไซต์ในรูปแบบทันสมัย ไม่โบราณเหมือนเว็บไซต์ราชการ ไม่ใช่เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ผู้บริหารพรรค
ในเว็บไซต์มีหลายคอลัมน์ เช่น นโยบาย-นำเสนอตัวแบบเบื้องต้นของนโยบายด้านต่างๆ เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมแสดงความคิดเห็น ร่างกฎหมาย-ทุกๆ คนสามารถเสนอร่างกฎหมายได้ ติดตามสมาชิกของพรรคที่เป็น ส.ส.-ทุกคนสามารถติดตามงานที่สมาชิกที่เป็น ส.ส. แต่ละคนไปทำ เช่น การอภิปรายในสภา การตั้งกระทู้ การให้สัมภาษณ์สื่อ การอภิปรายในเวทีเสวนา ข้อเขียน มหาวิทยาลัยตลาดวิชา-ถ่ายทอดการบรรยาย
เหตุการณ์ประจำวัน-ความคิดเห็นของพรรคต่อประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ
6.พรรคการเมืองที่มีที่ทำการที่ทันสมัย ที่ทำการพรรคคือหน้าตาของพรรคการเมือง และแสดงออกถึงอัตลักษณ์ตัวตนของพรรค เราจะไม่ใช้ที่ทำการพรรคแบบตึกสูงๆ เข้าถึงยาก ไม่ใช้ที่ทำการพรรคแบบเก่าแก่ และดูอึมครึม ขลัง ไม่เป็นมิตร แบบที่พรรคการเมืองอื่นๆ เคยใช้
แต่เราจะมีที่ทำการพรรคแบบทันสมัย มีสีสัน คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย มีพื้นที่เปิดให้คนได้ใช้สอยร่วมกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ มีพื้นที่ให้จัดกิจกรรมทางการเมืองและทางศิลปวัฒนธรรม เช่น จัดเสวนา จัดฉายภาพยนตร์ จัดงานแสดงศิลปะ จัดเวิร์กช็อป
7.พรรคการเมืองที่ติดต่อสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
8.พรรคการเมืองที่รวมคนหลากหลาย สมาชิกพรรคมีความคิดและอุดมการณ์พื้นฐานร่วมกัน มาจากหลากหลายกลุ่ม ทุกเพศ ทุกรสนิยมทางเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ อัตลักษณ์ของพรรค คือ ความหลากหลาย ไม่ใช่สมาชิกทุกคนเหมือนๆ กันหมด แต่งกายเหมือนกันหมด ลีลาการพูดถอดแบบกันมาหมด
ส่วนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายถึงคำขวัญของพรรคเกรียน ที่ว่า “ไม่หาเสียง แต่หาเรื่อง” ซึ่งในขณะนี้มีผู้ตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่าต้องการสื่อสารในประเด็นใด
ไม่หาเสียง แต่หาเรื่อง
นายสมบัติระบุว่า “ไม่หาเสียง แต่หาเรื่อง” ไม่มีเรื่อง (นโยบาย) จะไปหาเสียงได้อย่างไร? แล้วทำไมนโยบายพรรคจึงเป็นเรื่องเฉพาะกรรมการบริหารหรือคณะที่ปรึกษาด้านนโยบาย ทำไมเราไม่ให้ประชาชน (สมาชิก) ร่วมในการออกแบบนโยบายสาธารณะเพื่อที่พรรคจะนำไปเป็นประเด็นสื่อสารต่อหาเสียง
ดังนั้น เมื่อกระบวนการตั้งพรรคเริ่มจากการเดินเข้ามาเองของพลเมืองที่ตื่นตัวในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่สมาชิกพรรคที่มีชื่อเป็นตัวอักษรอยู่ในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมือง สมาชิกเหล่านี้คือปัจจัยพื้นฐานของพรรคการเมืองที่เป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชนจริงๆ
เมื่อพรรคเต็มไปด้วยสมาชิกที่ตื่นตัว ก็เปิดพื้นที่ สร้างกระบวนการ Think Tank รวบรวมและพัฒนาข้อเสนอทางนโยบายจากคนเหล่านี้ พรรคเกรียนจะเสนอนโยบายสาธารณะในระดับอภิมหาคลังนโยบาย เอาเวลาที่ต้องเสียไปกับการหาเสียงหรือตอบโต้ทางการเมืองอย่างไม่มีสาระมาสู่การผลิตนโยบายชาวบ้านอย่างแท้จริง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองในวันแรกที่มีจำนวนมากถึง 42 พรรคการเมืองใหม่ว่า เป็นบรรยากาศที่สะท้อนให้เห็นถึงความโหยหาต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยเฉพาะระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม อาจจะทำให้พรรคเล็กพรรคน้อยมีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้ จึงทำให้เพียงวันแรกของการเปิดให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ถึงคึกคัก เกิดพรรคใหม่มากมาย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะประชาชนจะได้มีตัวเลือกมากขึ้น อีกทั้งยังจะมีนักธุรกิจ นักวิชาการหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นเสนอตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชนด้วย ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่คนเหล่านี้ต้องการนำความรู้ทางวิชาการ รวมไปถึงความสำเร็จทางธุรกิจของตนเองมาพัฒนาการเมืองไทย
เมื่อถามถึงการเตรียมจัดตั้งพรรคใหม่ที่นำโดยนายธนาธรกับนายปิยบุตรนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ผ่านมาการเมืองไทยมีคนรุ่นใหม่หมุนเวียนเข้ามา การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมีคนรุ่นใหม่ เลือดใหม่ อย่าง พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เสนอตัวเป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าไม่เคยมีคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าการเมืองมาในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคการเมือง หรือถือธงนำในฐานะคนรุ่นใหญ่มาก่อน ดังนั้น เมื่อคนเหล่านี้ตัดสินใจจะมาเล่นการเมือง คงไม่ต้องหวาดกลัวอะไร
"เขาคงทราบดีอยู่แล้วว่าการเมืองไทยไม่ใช่การเมืองโดยทฤษฎี ไม่ใช่การเมืองในฝัน แต่เป็นการเมืองที่เกิดจากชีวิตจริงๆ เป็นการเมืองที่ไร้รูปแบบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การตัดสินใจที่จะลงเล่นการเมืองอย่างแน่วแน่ ก็แสดงว่าศึกษาและเตรียมตัวเตรียมใจในการเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว" นายสมศักดิ์กล่าว
ชวนคนมีสมองร่วมการเมือง
ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายเรื่อง ประเทศไทยกับเส้นทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ในงานมหกรรมอุดมศึกษา: อุดมศึกษา-พลังขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ตอนหนึ่งว่า มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมของคนที่มีสมอง ถ้าสมองถูกแยกออกจากการเมืองเลย จะได้การเมืองที่ไม่ค่อยมีสมอง ตนอยากเห็นภาพมหาวิทยาลัยเชื่อมต่อกับการเมือง ซึ่งไม่ใช่เชื่อมเพื่อความขัดแย้งแบบที่ผ่านมา เราจะไปเชื่อมต่อในลักษณะของวิชาการ เอาองค์ความรู้ไปเป็นนโยบาย ใครสนใจพรรคการเมืองไหนๆ ไปเป็นสมาชิกเลย ถ้าเอาคนในมหาวิทยาลัยเข้าไป คนเก่งเยอะ เข้าไปอยู่ในพรรคการเมืองก็จะดี ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้าม
"การเมืองไม่ใช่สิ่งสกปรก มันสกปรกเพราะคน เราต้องเอาคนสะอาดเข้าไปล้าง เพราะถ้าเราได้คนดีเข้าไปการเมืองก็ดี มหาวิทยาลัยคนเก่งเยอะ ถ้าอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วบ่น จะบ่นไปทำไม ส่วนบ้านเมืองเป็นอย่างไรไม่รู้ และการที่เราต้องการประชาธิปไตย เราต้องการสิทธิ มาพร้อมกับความรับผิดชอบ คนที่เข้าไปทำงานการเมือง ผมถือว่าเสียสละมาก เงินเดือนเท่ากับอธิการบดี น้อยกว่าด้วยซ้ำ ผมอยากให้เผยแพร่ว่าการเมืองเป็นสิ่งที่ดี การเป็นประชาธิปไตยนั้นพรรคการเมืองต้องเข้มแข็ง อาจารย์ต้องเข้าไปอยู่ เอาวิชาการเข้าไปช่วย ทุกพรรคการเมืองมีอาจารย์อยู่ มีนโยบายที่ดี แข่งขันกันด้วยนโยบายของพรรคการเมืองที่มีความรู้ ประเทศไทยจึงจะเจริญ อยากให้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่าไปคิดว่าการเมืองย่ำแย่ คิดอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเราเป็นชนชั้นสมองของประเทศ ที่พูดอย่างนี้เพราะในอีก 1 ปี จะมีการเลือกตั้ง สำคัญมากในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่าน ดังนั้นพวกท่านทุกคนจะต้องมีบทบาท ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อพวกท่านทุกคน เข้าการเมืองฝึกความอดทน อดกลั้น และทำให้บ้านเมืองเจริญ มีความสามัคคี สิ่งเหล่านี้จะทำให้บ้านเมืองก้าวไปสู่ 4.0" นายสมคิดกล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะประกาศว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ประชาชนไม่เชื่อมั่นหรือไม่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เคยประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งแล้วก็เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างมีนัยสำคัญมาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง การที่ระบุว่า หลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาในช่วงเดือนมิถุนายน จะเชิญพรรคการเมืองทั้งหมดมาประชุมหารือเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งนั้น อาจจะล่าช้าเกินไป ทางที่ดีควรเร่งดำเนินการ หรือกำหนดวันเลือกตั้งให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว
"นิวน็อกคิโอ"
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวตอบโต้กรณีที่โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาเตือนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งใส่หน้ากากพิน็อกคิโอล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า ตนจะเดินทางไปมอบหน้ากาก "ยุทธ์น็อกคิโอ" ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 มี.ค.61 นี้ พร้อมอ้างว่าจะล้อเลียนต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องผิด เป็นเพียงตัวการ์ตูนที่แสดงถึงการโกหกหลอกลวง
"พิน็อกคิโอคือตัวการ์ตูน เป็นสัญลักษณ์ของการโกหก หลอกลวง โดยจมูกจะยาวออกมาเมื่อโกหก การล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาของการล้อเลียน เพราะเราไม่ได้ล้อเลียนจนกระทบความเป็นมนุษย์ ซึ่งรับฟังการล้อเลียนที่เป็นเสมือนเสียงวิจารณ์จากประชาชน หากอยากลบข้อครหา รัฐบาล คสช.ก็ต้องพิสูจน์ความสัตย์จริงต่อประชาชน" นายสิรวิชญ์กล่าว
อย่างไรก็ดี ต้องจับตาดูว่า ในวันที่ 4 มี.ค.61 เพจประชาธิปไตยศึกษา V2 ซึ่งนัดรวมตัวกันที่ลานตรงข้ามเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีช ถนนเลียบชายหาด เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อทำกิจกรรม "START UP PEOPLE ON TOUR : ปลุกพลังคนอยากเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 @พัทยา" ในเวลา 17.00 น.นั้น นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง จะสวมหน้ากาก "ยุทธ์น็อกคิโอ" หรือไม่ รวมถึงจับตาท่าทีของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าจะดำเนินการเช่นไร
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไม่ได้ชี้แจงความจริงว่าตลอดเวลากว่า 3 ปี รัฐบาลไม่ได้ใช้เวลาในการอธิบายความจริงกับสังคม ปล่อยให้กลุ่มคนที่ทำร้ายประชาธิปไตย กลุ่มคนของพรรคเพื่อไทยบางส่วนบิดเบือนได้เกือบทุกวัน ทำไมให้คนเหล่านี้ออกมาพูดได้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ผิดและไม่ใช่คนหนีคดี ซึ่งนี่คือการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะทุกคดีถูกตัดสินโดยอำนาจตุลาการ ศาลพิพากษาจำคุก โดยคดีจำนำข้าวที่ศาลตัดสินว่า มีการทุจริตทำรัฐเสียหายมหาศาล
ทั้งนี้ หน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องปกป้องอำนาจตุลาการ ถ้าไม่มีความผิดแล้วที่ศาลตัดสินจำคุกคืออะไร ทั้งการทุจริตในคดีต่างๆ การใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์พวกพ้อง สังคมไทยต้องอย่าลืมว่า กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ที่อ้างประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมที่กระทำกลับเป็นการทำลายประชาธิปไตย อ้างฝ่ายนิติบัญญัติใช้เสียงข้างมากออกกฎหมายล้างผิด ออกกฎหมายกู้ยืมเงินเพื่ออาศัยบังหน้าจะทุจริต คอร์รัปชัน แก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตน ฝ่ายบริหารมีการทุจริต เลือกปฏิบัติ
“เมื่ออำนาจตุลาการตัดสินว่ามีความผิด เขาก็ทำลายอำนาจตุลาการ คนในรัฐบาลแบบนี้หรือที่ออกมาเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตย รัฐบาล คสช.ต้องอธิบายต่อสังคมไทยว่าบ้านเมืองเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ต้องกล้าพูด กล้าชี้แจงในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ อย่าเกรงใจที่จะพูดความจริง อย่าให้เขาคิดว่าเวลาจะทำให้คนไทยลืมเรื่องเหล่านี้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระบบเผด็จการเข้ามายึดอำนาจ ไม่ใช่สิ่งที่ควรเรียนรู้ แต่บทเรียนประชาธิปไตยที่เกิดจากคนบางกลุ่มที่ทำลายประชาธิปไตยยามเรืองอำนาจ ก็เป็นสิ่งที่คนไทยต้องเรียนรู้และจดจำเช่นกัน รัฐบาล คสช. ทำอะไรอยู่ หรือจะอยู่เฉยเช่นนี้ต่อไป” นายราเมศกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |