27 ก.ค.62-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าความคืบหน้าการเจรจาจ่ายค่าชดเชยโครงการโฮปเวลล์ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาทรวมดอกเบี้ยนั้นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีต รมว.คมนาคม ได้ลงนามมอบอำนาจให้สำนักอัยการสูงสุด ดำเนินการยื่นหลักฐานใหม่ในคดีค่าโง่โฮปเวล์ เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุดรื้อฟื้นคดีดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากอัยการตรวจสอบพบว่ามีหลักฐานใหม่ที่สามารถนำมาใช้ต่อสู้คดีนี้ได้

อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้หากมีแนวทางสามารถต่อสู้ได้ก็ต้องทำเพราะเป็นวงเงินจำนวนมาก หากมีโอกาสที่จะชนะคดีได้จะส่งผลให้รัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่าในการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้นก็มีท่านสมาชิกสภารัฐสภาได้ให้ข้อมูลหลายเรื่อง และคิดว่าจะเป็นข้อมูลที่ทางกระทรวงคมนาคมจะนำมาใช้ศึกษาและปรึกษาหารือกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่แค่ เรื่องการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ที่กระทรวงคมนาคมมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่แค่ระบบรางและการทำศูนย์ซ่อมอากาศยานของการบินไทยเท่านั้น

“ แต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการมาในช่วงก่อนหน้าที่จะเข้ามาพร้อมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้ง 2 ท่านนั้นในอนาคตจะดูให้ดีที่สุด โดยหลักคือประเทศชาติและประชาชนจะต้องไม่เสียประโยชน์ ส่วนที่มีข้อคิดเห็นต่างๆนั้นท่านรองฯสมคิดก็ได้มีการอธิบายพอสมควรเพื่อที่จะให้ทางสมาชิกรัฐสภาได้เข้าใจ ซึ่งหลังจากแถลงนโยบายทางกระทรวงคมนาคมก็ยังเปิดข้อมูลต่างๆหากยังมีข้อสงสัยก็สามารถแนะนำได้”นายศักดิ์สยามกล่าว

ด้านนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่ายังไม่ทราบรายละเอียดที่อัยการสูงสุดได้มีการตรวจสอบพบหลักฐานใหม่ ที่ รฟท. สามารถนำมาต่อสู้คดี ต่อกรณีที่เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ รฟท.จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญาโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับรวมเป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่คดีสิ้นสุด หรือ รฟท.จะต้องจ่ายค่าชดเชยไม่เกินเดือน ต.ค. 2562 นี้

อย่างไรก็ตามขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.2 แสนล้านบาทนั้น นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในวันนี้ (26 ก.ค.นี้) ได้มีการหารือในเรื่องของการส่งมอบพื้นที่ ร่วมกับกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่มซีพี และคาดว่าจะสามารถสรุปจบได้ภายในวันนี้ หลังจากได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มซีพีไปแล้วกว่า 90%

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการนำเสนอรายละเอียดต่างๆ ของโครงการให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต่อไป โดยในส่วนของการลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน ส.ค.นี้