สภาไม่ใช่ที่เด็กเล่น ‘ชวน’อบรมผู้ทรงเกียรติ/อภิปรายดุหวิดวางมวย


เพิ่มเพื่อน    

 ถกนโยบายรัฐบาลวันที่สองเดือดต่อเนื่อง "พรเพชร" เอาไม่อยู่ “ยุทธพงศ์” ซัด ส.ส.พปชร.-ส.ว.ตัวประกอบ 5 บาท 10 บาท "ส.ว.กิตติศักดิ์" โต้ส.ส.ขี้ข้าโจร เจอสวนกลับเลียรองเท้าทหาร ยัวะท้าเดี่ยวตัวต่อตัว แต่ยุทธพงศ์โบกมือไม่เอาด้วย "ชวน" ลงดาบ "เสรีพิศุทธ์" หมดสิทธิ์อภิปรายรอบสอง กรีดต้องยึดหลักการสภา ไม่ใช่ที่เด็กเล่น  7 พรรคฝ่ายค้านลงชื่อขอคืนสิทธิ์ให้อภิปรายต่อเจ้าตัว เพ้อจะฟ้องชวนผิดอาญา ม.157 "บิ๊กตู่" เคลียร์ข้อคาใจเตรียมรัฐประหาร 3 ปี คือเป็น ผบ.ทบ. 3 ปีเจอความขัดแย้งรุนแรง ต้องเตรียมฝึกกำลังพลดูแลความปลอดภัย  เมื่อมีคนเจ็บคนตายต้องตัดสินใจ ยันพร้อมปฏิรูปตำรวจสอดคล้องกับศาลอัยการด้วย  

    เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม ณ หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอาคารประชุมรัฐสภาชั่วคราว ยังมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ในวาระที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นวันที่ 2 ซึ่งสมาชิกรัฐสภายังมีการตอบโต้กันอย่างดุเดือด 
    โดยช่วงเช้า 08.43 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงภาพรวมในการอภิปรายเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เพียงทักทายว่า “How are you. Good morning.” ก่อนเดินขึ้นห้องประชุมในทันที
    จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินลงมาที่ห้องอาหารเพื่อทักทายและขอบคุณสมาชิกรัฐสภา โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดีว่า “ขอบคุณทุกๆ คนช่วยกันนะ ผมเองก็กำลังปรับตัว ไม่ได้ติดใจ สบายดี อารมณ์ดี สนุกดี ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำงาน วันนี้อารมณ์ดีแล้ว เดี๋ยวก็ต้องปรับตัวกันหน่อย กำลังปรับตัว”
    หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินกลับขึ้นไปยังห้องประชุม โดยระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศการแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 25 ก.ค.เป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็โอเค” เมื่อถามว่าหากวันนี้มีข้อซักถามจากฝ่ายค้าน นายกฯ ก็พร้อมลุกขึ้นตอบใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ตอบได้ก็ตอบไป” 
    เมื่อถามว่า วันนี้ (26 ก.ค.) จะรับได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็จะพยายาม รับได้” เมื่อถามอีกว่า นายกฯ อารมณ์ดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “อารมณ์ดีทุกวันนั่นแหละ อันไหนไม่ดีก็แกล้งโมโห” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมหันมายิ้มและโบกมือให้กับผู้สื่อข่าว 
    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงภาพรวมการแถลงนโยบายว่า ถือว่าดี รัฐบาลก็ได้ชี้แจง มีหลายส่วนที่สร้างสรรค์ และชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติ จะต้องมีแนวทางที่แน่ชัด และได้มีการกำหนดเป้าหมายในระยะเวลาที่แน่นอนตามกรอบที่วางไว้ เป็นการสร้างสิ่งที่ดีให้กับประชาชน ส่วนคุณสมบัติของตัวรัฐมนตรีนั้นไม่ได้กังวล ก็ต้องชี้แจง ถ้าปล่อยให้ลือหรือเขียนกันไปเองก็ไม่มีสิทธิ์ชี้แจง แต่ถ้าได้พูดต่อหน้าในที่รโหฐานประชาชนก็จะได้ฟัง ยืนยันกรอบที่พูดจะต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำจะมีผลต่อในอนาคตที่จะมีการยื่นกระทู้หรือยื่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า เป็นการอภิปรายนโยบายที่สร้างสรรค์ การอภิปรายของสมาชิกหลายมุมเป็นประโยชน์ สามารถนำไปขับเคลื่อนได้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงชัดเจนถึงข้อเสนอแนะ และพร้อมที่จะรับฟัง ทั้งนี้ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่ไม่สามารถประท้วงปกป้องนายกฯ ถือเป็นกลไกของรัฐสภา และควรต้องช่วยกันประคับประคอง เพราะเราก้าวกลับมาสู่ประชาธิปไตย
     ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินเข้าไปยังภายในห้องรับประทานอาหารของสมาชิกรัฐสภา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ว่านายกฯ เดินทักทายกับสมาชิกรัฐสภาทุกโต๊ะอาหาร ไม่ได้ดูว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน พร้อมกล่าวขอบคุณที่อยู่ร่วมประชุมเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายและการชี้แจงของรัฐบาล นายกฯ ระบุด้วยว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับตัว บรรยากาศการร่วมประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ค. รู้สึกสนุก จากนั้นได้ร่วมถ่ายรูปกับสมาชิกรัฐสภา ไม่ได้แบ่งว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
เย้ยฝ่ายค้านอาวุธไม่หนัก
    นายวันชัยกล่าวถึงภาพรวมของการอภิปรายว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี แม้จะมีบุคคลภายนอกมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ตนมองว่าเป็นลีลาของ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถทำได้ทุกประเด็น สะท้อนให้เห็นว่านายกฯ มาจากคนทำงานที่เป็นผู้รู้จริง และทำงานจริง คนที่อยู่ในสภาคือคนที่พูดเท่านั้น อารมณ์นายกฯ ที่ดูว่าร้อนจะลดลง เชื่อว่าจะปรับตัวได้ ที่ผ่านมาถือเป็นเหมือนพระบวชใหม่ เพิ่งเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา สำหรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านชุดนี้ ต้องบอกว่าอาวุธไม่หนัก นายกฯ สู้ได้สบายมาก ตอบโต้ได้ทุกเม็ด ทุกดอก
    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การทำงานในสภาของรัฐบาลถือว่าสอบไม่ผ่าน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เข้าใจกลไกของสภา ถือเป็นน้องใหม่ที่ต้องปรับปรุงมาก โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำลายบรรยากาศการประชุม และไม่เป็นผลดีต่อการทำงาน ส่วนการที่รัฐบาลมองว่าฝ่ายค้านอภิปรายยั่วยุนั้น ส่วนตัวมองว่านายกฯ มีปัญหาทางอารมณ์กับทุกคน ไม่เฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขณะที่การประท้วงของรัฐบาลก็ไม่สมเหตุสมผล 
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพการแถลงนโยบายของรัฐบาลในลักษณะ 12 ไม่ ดังนี้ 1.ไม่เข้าใจหลักการแถลงนโยบาย 2.ไม่สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ 3.ไม่มีแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย 4.ไม่มีอะไรใหม่ 5.ไม่เฉพาะเจาะจง 6.ไม่ลงลึกในรายละเอียด 7.ไม่มีเอกภาพทางความคิด 8.ไม่ยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหา 9.ไม่เห็นทิศทางนำพาประเทศที่ชัดเจน 10.ไม่มีแผนดำเนินนโยบายที่ชัดเจน 11.ไม่มีมารยาท 12.ไม่เคารพสภา ไม่เคารพประชาชน
    "รัฐมนตรีที่ลุกขึ้นมาไม่เคยตอบตรงคำถาม หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเดิม ไม่พูดสิ่งที่จะทำในปัจจุบัน แต่กลับไปเอาสิ่งที่ไม่ได้คิดไม่ได้เขียนอยู่ในนโยบาย มาสวมรอยว่าจะไปสู่จุดนั้น เสมือนหนึ่งผลงานตัวเอง ประชาชนจึงรู้สึกสิ้นหวัง” นายอนุสรณ์กล่าว
     ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันที่ 2 ว่าตนจะอภิปรายนโยบายรัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญ และการทำหน้าที่ของ ครม.ที่ยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องของคุณสมบัติรัฐมนตรีตนคงไม่อธิบายแล้ว เพราะเดี๋ยวจะมีคนปรอทแตกอีก คอยดูประเด็นที่ 2 แล้วกัน อาจจะมีคนปรอทแตกอีก และให้เขาตอบคำถามตนให้ได้แล้วกัน ตนมีข้อความมีเทปชัดเจน
      นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผิดหวังต่อพฤติกรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ไม่เคยเปลี่ยน ชอบโอ้อวด ก้าวร้าวในสภากับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประยุทธ์ แทนที่จะใช้เวลาอันมีค่าอภิปรายเสนอแนะนโยบายของรัฐบาลซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากกว่า กลับสร้างความวุ่นวายกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้งเข้ามา จนมีการประท้วงกันวุ่นวาย และถูกประธานรัฐสภาเชิญออกนอกห้องประชุม ฝากไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ขอให้ประชาชนได้เก็บความรู้สึกดีๆ ในภาพวีรบุรุษนาแกไว้จะดีกว่า การทำงานในสภาอย่างสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ วันนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้างความผาสุกให้กับประชาชน อย่าพยายามให้เกิดความขัดแย้งอีกเลย 
ตะโกนไล่"ปารีณา"
    ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวว่า การอภิปรายเป็นปกติ เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์อาจเคยชินกับการแถลงในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ผ่านมา โดยทั่วไปก็เป็นไปตามปกติ มีปัญหาบ้าง และคงไม่ไปให้คำแนะนำนายกฯ ในการอภิปรายตลอดจนการควบคุมอารมณ์ของนายกฯ เพียงแต่เน้นให้ไปอ่านระเบียบข้อบังคับการประชุม 
    ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น. การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เริ่มขึ้น โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุม การเริ่มต้นประชุมมีเหตุวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หารือต่อที่ประชุมต่อการอนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่นายพรเพชรขอให้ออกจากห้องประชุมรัฐสภาเมื่อช่วงดึกวันที่ 25 ก.ค. กลับเข้าสู่ห้องประชุมอีกครั้ง โดยที่ประธานที่ประชุมไม่อนุญาตจะถือว่าทำได้หรือไม่ และขอให้ประธานวินิจฉัย ทำให้มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยประท้วง น.ส.ปารีณา และมีบางคนตะโกนกลางห้องประชุมว่า "ให้คนอภิปรายออกไปเลย”
    นายพรเพชรวินิจฉัยว่า ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากห้องประชุม แต่ไม่ได้กำหนดเวลา เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป อนุญาตให้เข้าร่วมประชุมได้ จากนั้นกล่าวตัดบทเข้าสู่วาระพิจารณานโยบายรัฐบาลต่อทันที
    โดย นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และโครงสร้างราคาพลังงาน ขอเสนอให้นายกฯ เร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังและจริงใจ เมื่อพบปัญหา อย่าดีแต่พูด อย่าปากว่าตาขยิบ ถ้าเกิดการคอร์รัปชันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีพรรคใด นายกฯ ต้องดำเนินการทันที 
    จากนั้นช่วงเที่ยง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยระบุถึงการใช้งบประมาณของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการจัดซื้อรถดับเพลิง ซึ่งใช้งบประมาณที่ได้จัดสรรมาก ร้อยละ 80 แทนที่จะนำงบไปช่วยภัยแล้ง และยังตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลจัดซื้อรถดับเพลิงคือ บริษัท เชรด เอ็นเตอร์ไพรส์ฯ ซึ่งถ้าหากพูดไม่จริงขอให้ดำเนินการฟ้องร้อง
    นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า ยังมีเรื่องประมูลท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 ซึ่งเป็นการแข่งขันของสองกลุ่ม คือ กลุ่มแรก กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี (GPC) ประกอบด้วย บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บจ.พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล (ปตท.) และ บจ.ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จากประเทศจีน ซึ่งตนยังรู้สึกโกรธแทนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แม้นายอนุชา นาคาศัย ยอมไม่เป็น รมว.พลังงานแล้วก็ตาม แต่นายสุริยะก็ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีพลังงานอยู่ดี เพราะบริษัทกัลฟ์ ส่วนกลุ่มสอง กิจการร่วมค้าจีพีซียื่นประมูล ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนกลุ่มเอ็นพีซียื่นประมูลประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท แต่เป็นที่น่าเสียดายคณะกรรมการกลับตีตก
    "ขอให้นายกฯ ในฐานะที่เป็นประธานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ให้เป็นธรรมด้วย ไม่เช่นนั้นนโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประชาชนจะไม่เชื่อถือ" นายยุทธพงศ์กล่าว
    ระหว่างการอภิปรายเกิดเหตุวุ่นวายเนื่องจาก ส.ส.พรรคซีกรัฐบาล และ ส.ว. อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. เป็นต้น ลุกขึ้นประท้วงนายยุทธพงศ์ โดยอ้างว่าอภิปรายนอกประเด็น
เดือด!ขี้ข้าโจรปะทะเลียทหาร
    ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ขอที่ประชุมออกไปปฏิบัติภารกิจ ทำให้นายยุทธพงศ์กล่าวตำหนิว่าเรื่องนี้นายกฯ ต้องฟัง เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการทุจริต ไม่มีภารกิจใดสำคัญเท่าการแถลงนโยบายรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ที่ประชุมวุ่นวายมากยิ่งขึ้นพรรคซีกรัฐบาลประสานเสียงกับ ส.ว. ประท้วงนายยุทธพงศ์สลับไปมาหลายรอบ ทำให้การอภิปรายสะดุด กระทั่งนายยุทธพงศ์กล่าวว่า "ลุกขึ้นมาทำไม ตัวประกอบ 5 บาท 10 บาท" 
    ทำให้ที่ประชุมยังเกิดการโต้เถียง โดยนายกิตติศักดิ์ต่อว่านายยุทธพงศ์ว่า “เป็น ส.ส.ขี้ข้าโจร” ด้านนายยุทธพงศ์กล่าวโต้ตอบว่า “นายกิตติศักดิ์เลียรองเท้าทหารจึงได้มาเป็น ส.ว.” แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลงตรงที่นายกิตติศักดิ์ไม่ขอถอนคำพูด แล้วเดินออกนอกห้องประชุม ส่วนนายยุทธพงศ์ขอถอนคำพูด
    จากนั้น นายอนุชาใช้สิทธิ์พาดพิงอภิปรายว่า เมื่อก่อนอาจมีกลุ่มสามมิตร ที่ประกอบด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ เป็นต้น ซึ่งได้ออกมาจากพรรคไทยรักไทย เมื่อก่อนมีความสุข แต่มียุคหนึ่งจำเป็นต้องออก โดยทุกคนได้บอกกับอดีตนายกฯ คนหนึ่งแล้ว เป็นความจำเป็นทางการเมือง เพราะมองออกว่าไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในประเทศไทยได้ กิริยาที่แสดงออกในสภาแห่งนี้ ที่มีการดูถูกนักการเมืองด้วยกันเอง เป็นการกระทำที่ไม่ควรออกมาจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้สังคมดูแคลนพวกเรา บางครั้งตนก็คิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่นักการเมืองสมควรลงไปล้างตัวในคลอง
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน นายกฯ สั่งการว่าต้องทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ที่ผ่านมาเราเอาจริงเด็ดขาดกับการทุจริตทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการทั้งหมด ทั้งวินัย อาญา แพ่ง ซึ่งตนเดินตามนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ กรณีที่มีการพาดพิงมาถึงตนนั้น รับรองได้ว่า 5 ปีที่ทำงานมาไม่เคยมีเรื่องการทุจริต ยืนยัน ถ้ามีหลักฐานครบก็นำมาได้เลย ถ้าหากตนไม่ทำจริง หรือละเว้น สามารถมาเล่นตนได้เลยทั้งหมด ไม่ว่าจะอาญา วินัย  
    ต่อมาเวลา 13.30 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอให้นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานการประชุมวินิจฉัยว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังคงได้สิทธิในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลหรือไม่ โดยนายชวนชี้แจงว่า ในประเด็นดังกล่าวประธานการประชุมได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นแล้ว 
    ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ส่วนตัวได้รับสิทธิในการอภิปรายเป็นเวลา 45 นาที จำนวน 3 ประเด็น ซึ่งได้อภิปรายไปแล้วจำนวนหนึ่งประเด็น และระหว่างนั้นเกิดการประท้วงกัน แต่เพื่อให้เกิดความสงบแก่สภา จึงได้ยุติการอภิปรายในประเด็นที่เหลือ ก่อนที่จะมีการพักการประชุมในเวลาต่อมา พอกลับมาประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่าประธานการประชุมขณะนั้นสั่งให้ตนถอนคำพูด แต่ตนไม่ยอมถอน และต้องออกจากห้องประชุม จึงอยากทราบว่าจะมีสิทธิอภิปรายในประเด็นที่เหลือหรือไม่อย่างไร 
    นายชวนตอบชี้แจงว่า "ด้วยความเคารพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรื่องนี้จบลงไปแล้ว และต้องขออภัยหากทำให้ไม่พอใจ เพราะการวินิจฉัยเช่นนี้ก็เพื่อให้สภาสามารถดำเนินการต่อไปได้"  ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อประธานสภาฯ วินิจฉัยออกมา ก็จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ประธานรัฐสภาตอบกลับสั้นๆ เพียงว่า "เชิญครับ"     
เพ้อฟ้องชวนผิด ม.157
     ต่อมาเวลา 17.10 น. ตัวแทนจาก 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีประธานรัฐสภาไม่อนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ขึ้นอภิปราย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องการปกป้องสิทธิของสมาชิกในการทำหน้าที่ ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ที่ผู้ใดจะไปครอบงำ หรือบังคับขู่เข็ญให้ทำการใดๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะการเสนอความคิดเห็นในสภาผู้แทนราษฎร เรามีความเห็นร่วมกันทั้ง 7 พรรค ประกอบด้วย 1.ทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อแจ้งให้รับทราบว่าความเห็นของเราในการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้นเป็นหน้าที่และเอกสิทธิ์ที่ทำภายใต้กรอบของกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของเวลา ที่ทุกฝ่ายได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยตามข้อบังคับ เพื่อขอให้ท่านพิจารณาคืนสิทธิหรืออนุญาตให้อภิปรายต่อ 2.ขออนุญาตหารือท่านประธานสภาฯ เพื่อบอกกล่าว และเป็นข้อตกลงร่วมให้ท่านวินิจฉัยถึงสิทธิที่เราจะได้รับคืนมา 3.การดำเนินการใดๆ ตามที่ท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะดำเนินการนั้นเป็นสิทธิของท่าน  
    “เราไม่อยากบอกว่าท่านประธานทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง หรือเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ทุกสิ่งมันปรากฏอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงประธานรัฐสภา หมายถึงประธานที่ควบคุมการประชุมในแต่ละขณะ” นพ.ชลน่านระบุ
    จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แถลงว่า ที่ผ่านมาตนเคยรับราชการตอนที่นายชวนเป็นนายกฯ ขออะไรมาก็ให้ มีความเคารพนายชวน แต่วันนี้นายชวนไม่ใช่นายชวนคนเก่า เป็นนายชวนคนใหม่ แต่ไม่ขอบอกว่าดีหรือไม่ดี เวลาที่เหลืออยู่ไม่มีสิทธิมาตัดสิทธิของตน แล้วมาตัดได้อย่างไร จากนี้จะดำเนินคดีอาญากับประธานรัฐสภาต่อไป ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละไว้ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 
    ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ว่า นายยุทธพงศ์ด่ากราดไปหมด เช่น พวกตัวประกอบ 10 บาท ซึ่งมันไม่ไหว ใจจริงตนก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ยังบอกเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยซ้ำว่าให้อดทน แต่เมื่อด่าไม่เลิก ทั้งที่ประธานในที่ประชุมบอกให้ตนหยุดประท้วงตนก็กลับมานั่งที่แล้ว แต่ก็ยังไม่หยุด ยังเถียงไม่ตกฟาก ตนก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน มันก็เลยไม่ไหว ก็เลยด่าบ้างก็ดี เอาซะบ้าง จึงเดินไปบอกว่ามาเดี่ยวกันตัวต่อตัวดีกว่ามา แต่เขาก็โบกมือไม่เอา และมีสมาชิกในที่ประชุมห้ามเอาไว้ ส่วนคำว่า ส.ส.ขี้ข้าโจรที่ตนพูดนั้น เมื่อประธานสั่งให้ถอน แต่ตนตั้งใจพูดอยู่แล้ว ก็เลยบอกว่าไม่ถอน แล้วก็เดินออกจากห้องประชุม ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ
    นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การชี้หน้า กระดิกนิ้วท้าทาย แล้วก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าขึงขัง หน้าตาเหมือนจะเอาเรื่องนั้น ไม่ถูกต้อง แต่โชคยังดีที่เดินมาได้ครึ่งทาง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเรียกสติไว้จึงเดินกลับไป ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ในสภาต้องไม่มี จะไม่เห็นด้วยหรือจะประท้วงก็ทำไป แต่จะใช้กิริยาแบบนี้ไม่ได้ 
    ที่ห้องประชุมรัฐสภา เวลา 15.05 น. นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นพี่ใหญ่ เป็นผู้ที่ดูแลน้องๆ แต่นโยบายรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง กลับสวนทางสภาพเศรษฐกิจ เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์กว่า 7 หมื่นล้านบาท ทั้งเรือดำน้ำ เครื่องบิน รถถัง เป็นต้น แม้ยุทโธปกรณ์จะมีความจำเป็น แต่มีเยอะไปหรือไม่ ยังสงสัยอยู่ว่าจะเอาเรือดำน้ำไปดำที่อ่าวไทยได้หรือไม่ เพื่อนบ้านเขาไม่สบายใจ จึงชะลอโครงการไว้ก่อนได้หรือไม่ แล้วนำเงินเหล่านี้ผันแปรมาไว้สำหรับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เรื่องน้ำทำการเกษตรของเกษตรกร รวมไปถึงน้ำดื่มน้ำกินก่อนได้หรือไม่ 
เคลียร์เตรียมรัฐประหาร3ปี
    นายวิสารอภิปรายต่อว่า อยากแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่ามอบหมายให้ พล.อ.ประวิตรดูแลงานด้านการท่องเที่ยว แต่ควรให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ดูแลแทนจะดีกว่า เมื่อปี 61 มีคนร้ายบุกกราดยิงโรงแรมของผู้ประกอบการของไทยในประเทศเคนยา คนตายเยอะ แต่ พล.อ.ประวิตรกลับให้สัมภาษณ์ว่า โชคดีที่คนไทยไม่ตาย อีกทั้งยังบอกว่าเหตุที่คนร้ายเลือกมาก่อการในโรงแรมผู้ประกอบการไทยเพราะอาหารอร่อย จากกรณีที่มีเรือเฟอร์รีล้มที่ จ.ภูเก็ต ว่าเหตุที่เกิดเกิดจากตัวเขาเอง ไม่เกี่ยวกับเรา โดยเฉพาะเรื่องหักดิบปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ทำให้มีผู้ประกอบการเดือดร้อนไปทั่ว ที่สำคัญยังมีลูกน้องแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตรไปบีบเอาเงินมาด้วย จึงเป็นเรื่องใหญ่นักท่องเที่ยวหาย รายได้ประเทศลด ผู้ประกอบการคนจีนจำหน้าท่านได้ทุกคน มีคนเจ็บแค้นคิดว่าเจอท่านที่ไหนสงสัยจะเหมือนจ่านิวแน่นอน จากคำพูดของท่านที่บอกว่าเขาตายเอง 
    “วันนี้ดีใจจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมโกรธแค้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ ผมอยู่อย่างยากลำบาก ไปต่างประเทศก็ต้องขออนุญาต แต่ที่สำคัญผมเพิ่งรู้ว่าท่านเตรียมการรัฐประหารมา 3 ปี” นายวิสารกล่าว
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงว่า “ฟังมา 2 วันแล้วในเรื่องที่บอกว่าผมเตรียมการมา 3 ปี เพื่อทำรัฐประหาร ขอกลับไปย้อนฟังใหม่ ถามลูกน้องผมก็ได้ 3 ปีคือผมเป็น ผบ.ทบ.มา 3 ปี เจอสถานการณ์อะไรมาบ้าง ทั้งความขัดแย้ง ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพวกไหนเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ต้องเตรียมการฝึกกำลังพลของตน ระมัดระวังดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน แต่ก่อนที่ผมเกษียณอายุ 6 เดือน เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม่ต้องยิ้ม คนตายคนเจ็บไปเท่าไหร่ จึงต้องตัดสินใจในวันนั้น ไม่ได้ตัดสินใจมาก่อน ถ้าไม่ตัดสินใจแล้วรับผิดชอบกันหรือไม่ ตอบมา อย่ามาทำหน้าเยาะเย้ยแบบนี้ ผมไม่ชอบ ขอบคุณครับ” 
    หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่า การใช้จ่ายของกระทรวงกลาโหมแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ยุทโธปกรณ์กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เรามีแผนการจัดการยุทโธปกรณ์อย่างชัดเจน ยุทโธปกรณ์บางอย่างเราใช้เป็นเวลานาน 20-30 ปี ถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลง ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้พัฒนาเรื่องการใช้งบประมาณ โดยให้เป็นเรื่องของแต่ละเหล่าทัพพิจารณา แล้วส่งให้กระทรวงกลาโหมอีกครั้ง เราทำงานร่วมกัน ส่วนเรื่องเรือดำน้ำกับเรื่องอาหาร ตนพูดเล่นกับผู้สื่อข่าวแล้วเอาไปเขียน เหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เป็นเรือของจีนที่จัดทำในไทย แล้วเอามารับ-ส่งผู้โดยสารจีนโดยเฉพาะ ตนพูดไปไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งก็ได้บอกกับคนจีนทั้งหมดไปแล้วว่าไม่ได้หมายถึงแบบนั้น และในเรื่องการท่องเที่ยวตนก็ไม่ได้เคยคุม
          ขณะที่นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอให้ประธานการประชุมเตือน พล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่าเวลาพูดนั้น ให้พูดกับประธาน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์พูดกับสมาชิกโดยตรง ซึ่งผิดข้อบังคับ และ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อยืดกับเสื้อกล้าม โดยยืดตัวและเบ่งกล้ามมาโดยตลอด แต่วันนี้ใส่สูท จะต้องพูดแบบนักการเมือง เมื่อคืนวานที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ข่มขู่ตนโดยเอ่ยชื่อตน ทำให้กลัว ตนมีลูกเล็ก แม้ไม่ได้มีเมียสาว แต่ก็กังวล
    ทำให้นายชวนซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมขณะนั้นชี้แจงว่า ที่จริงได้แจ้งต่อ พล.อ.ประยุทธ์ทราบ อย่าไปชี้หน้าสมาชิก แต่อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ท่านเคยอยู่กับทหาร แต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร 
บิ๊กตู่ได้เวลาปฏิรูปตำรวจ
    ช่วงเย็น นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และกระบวนการยุติธรรม เรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ว่าเนื้อหาทั้งหมดดีและถูกต้อง และรัฐบาลชุดที่แล้วภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ถือว่าทำได้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการปฏิรูปกฎหมาย ที่จะมีกฎหมายลูกใช้อีกไม่นานนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าชมเชย แต่ในร่างนโยบายบางส่วนที่อาจจะขาดความสมบูรณ์  คือขาดคำว่าปฏิรูปตำรวจ ทั้งที่เป็นต้นสายการกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนมาตลอด และข้าราชการตำรวจเองก็ต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ และในรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (4) ก็ระบุชัดเจนถึงรูปธรรมที่ต้องดำเนินการในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  คณะกรรมการชุดที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ได้ส่งมอบผลสรุปไปให้ ครม.วันที่ 6 เม.ย. 2561 โดย ครม.รับหลักการ และส่งต่อให้กฤษฎีกาพิจารณา และส่งกลับมาให้ ครม.ปลายปี 2561 แล้ว
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า จะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจ และเร่งดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ตำรวจได้รับความไว้ใจจากประชาชนเพื่อให้ประเทศเดินหน้า มั่นคง ยั่งยืนตามที่ ครม.แถลง แต่ต้องสอดคล้องกับศาลและอัยการด้วย เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจในเรื่องกระบวนการยุติธรรม 
    เมื่อเวลา 19.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ขอหารือในที่ประชุมหลังนายชวน ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมวินิจฉัยตัดสิทธิการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยขอให้ประธานพิจารณาคืนสิทธิการอภิปรายให้แก่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 
    นายชวนกล่าวยอมรับว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะส่วนตัวมีความผูกพันที่ดีต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่การตัดสินใจดังกล่าวต้องยอมฝืนใจ เห็นแก่ตัว ยืนยันตามคำวินิจฉัยเดิม เพราะกรณีของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้น มีการอภิปรายที่มีถ้อยคำที่นายพรเพชรทำหน้าที่ประธานการประชุมใหญ่ขนาดนั้น ขอให้ถอนคำพูด แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังยืนยันไม่ยอมถอน ดังนั้นเมื่อประธานการประชุมให้ออกจากห้องประชุม ก็ถือว่าเรื่องจบ และไม่สามารถอภิปรายในประเด็นดังกล่าวต่อได้จนกว่าจะมีญัตติใหม่ หรือการพิจารณาเรื่องใหม่ ขณะเดียวกันในรายชื่อการอภิปรายนั้น ก็ไม่ปรากฏชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่จะอภิปรายต่อในครั้งที่ 2 ด้วย
    "จำเป็นต้องยึดหลักการของสภา เพื่อให้สภาเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ที่เด็กเล่น ที่ไม่มีการคำนึงถึงกติกา  พร้อมขอความร่วมมือไปยังสมาชิก ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำอีก" นายชวนกล่าว 
    อย่างไรก็ตาม หลังฟังนายชวนชี้แจงแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะขอลุกขึ้นหารือ แต่นายชวนได้สอบถามว่าจะลุกขึ้นประท้วงตามข้อบังคับอะไร ทำให้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ยุติไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"