กองทัพไทยในทศวรรษหน้า: หัวข้อที่ยังต้องหาคำตอบ


เพิ่มเพื่อน    

 

              วันก่อนผมได้รับเชิญให้ไปร่วมเสวนาวิชาการในหัวข้อ "กองทัพไทยในทศวรรษหน้า" โดยวิทยาลัยการทัพสัมพันธ์ 62 โดยที่ผู้จัดบอกว่าให้วิจารณ์กองทัพได้เต็มที่เพราะเป็นการตั้งวงพูดคุยกันภายใน

                ผมจึงได้วิเคราะห์บทบาทกองทัพหลายประเด็น โดยเฉพาะกองทัพจะต้องฟังความเห็นของคนนอกกองทัพมากขึ้น และจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมไทยส่วนอื่นๆ

                เพราะไม่มีองค์กรไหนในประเทศที่ไม่ถูก "ป่วน" หรือ Disrupt โดยเทคโนโลยีและการปรับเปลี่ยนของพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่

                คนในกองทัพจะยึดติดกับชุดความคิดเฉพาะของตนไม่ได้อีกต่อไป

                รายละเอียดของการเสวนาเป็นอย่างไรคงจะมาบอกเล่าทั้งหมดไม่ได้

                แต่น่าสังเกตว่านายทหารยุคปัจจุบันหลายคนตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องปรับต้องเปลี่ยน ก่อนที่กองทัพจะถูกเปลี่ยนโดยแรงเหวี่ยงของความเปลี่ยนแปลงจากข้างนอก

                ในวันนั้นมีผู้ร่วมเสวนาอีกสามท่าน ซึ่งล้วนเป็นผู้มีข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ที่น่าสนใจ อยู่ในฐานะที่จะเสนอให้มีการสร้างความเปลี่ยนแปลงในกองทัพให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของสังคมไทยและสังคมโลก

                อีกสามท่านที่ร่วมเวทีก็มี

                พลตรี ดร.นพนันต์ ชั้นประดับ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง สำนักปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายใน กองทัพบก

                พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. และปัจจุบันกำลังจะเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย

                และพันเอกเกียรติชัย โอภาโส อาจารย์อำนวยการส่วนวิชายุทธวิธี โรงเรียนเสนาธิการทหารบก

                การสนทนาวันนั้นได้เนื้อหาสาระที่น่าสนใจหลายประการ

                จะไม่บอกว่าใครพูดอะไร แต่สรุปได้ว่าทุกคนเห็นพ้องกันว่า กองทัพไทยในทศวรรษหน้าจะเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงและรุนแรง

                ประการแรกคือ การปรับเปลี่ยนดุลอำนาจทางการเมืองและความมั่นคงในเวทีระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจากวิธีคิดและบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

                จีนกำลังผงาดในเวทีสากล ขณะที่อเมริกาทำท่าจะถอยไปตั้งหลักเพื่อดำเนินนโยบาย Make  America Great Again และ America First ซึ่งเปิดช่องว่างให้จีนเข้ามาถมช่องว่าง กลายเป็นผู้นำโลกในหลายๆ ด้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ยืนของสหรัฐฯ

                เอกสารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ล่าสุดที่มีหัวข้อว่า Indo-Pacific Strategy 2019 สะท้อนชัดเจนว่า อเมริกามองว่าจีนกับรัสเซียและเกาหลีเหนือเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นคู่แข่งสหรัฐฯ ในแง่ของการสร้างและขยายอิทธิพลทางการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง

                สหรัฐฯ ต้องการจะสร้างเครือข่ายเพื่อต้านอิทธิพลจีน และเครือข่ายที่เขาเรียกว่า Promotion of a  Networked Region นั้นประกอบด้วยสหรัฐฯ, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์,  ฟิลิปปินส์ และไทย

                อีกสองแนวทางที่ "หนังสือปกขาว" ฉบับนี้ระบุไว้คือ Preparedness คือความพร้อมทางด้านการทหารและ Partnerships หรือหุ้นส่วนที่จะร่วมกันสกัดกั้นจีนในวันนี้และวันข้างหน้า

                แต่เอกสารนี้ก็ย้ำว่าประเทศต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ จะต้อง "ช่วยกันแบ่งเบาภาระ" ซึ่งหมายถึงการที่ประเทศต่างๆ จะต้องควักกระเป๋าเพื่อดูแลค่าใช้จ่ายร่วมกันด้วย ไม่ใช่ให้อเมริกาเป็นคนออกสตางค์เพื่อสร้างระบบความมั่นคงของภูมิภาคนี้แต่เพียงผู้เดียว

                นั่นเป็นจุดยืนของทรัมป์มาตั้งแต่ต้น เพราะเขาอ้างว่าอเมริกาถูกเอาเปรียบมาตลอด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอเมริกาได้ประโยชน์จากการที่ประเทศต่างๆ เหล่านี้พร้อมใจที่จะให้สหรัฐฯ เข้ามาใช้ประโยชน์ทางทหาร เศรษฐกิจ และสังคมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

                ระหว่างการเสวนาวันนั้น มีการพูดถึงเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนวิธีคิดและการจัดหาอาวุธของกองทัพไทยในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน เพราะการทำสงครามในอนาคตอาจจะหันไปเป็น cyber war  มากกว่าจะเป็นสงครามแบบดั้งเดิมที่ใช้ปืนใหญ่และเครื่องบินรบอย่างที่เห็นกันอยู่วันนี้

                และคำว่า "สงคราม" ก็ไม่ได้หมายถึงการสู้รบด้วยอาวุธอย่างเดียวอีกต่อไป

                เพราะวันนี้จีนกับอเมริกาก็ "รบ" กันทางด้านการค้าอย่างหนักหน่วง โดยขยายผลออกไปเป็นสงครามเทคโนโลยี

                จาก Trade War เป็น Tech War และ Cyber War

                คำถามใหญ่ก็คือว่า กองทัพไทยมีความตระหนักและความพร้อมทั้งในแง่วิสัยทัศน์และการปรับปรุงโครงสร้าง ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังมีผลกระทบต่อทุกวิชาชีพในทุกประเทศหรือไม่

                เราไม่ได้ยินคำตอบจากผู้เข้าฟัง แต่มีคำถามจากนายทหารท่านหนึ่งว่า

                "เราตระหนักถึงความสำคัญที่กองทัพไทยจะต้องปรับเปลี่ยน แต่เราอยากรู้ว่าจะต้องปรับต้องเปลี่ยนอย่างไร"

                แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่รัฐบาลก่อนเขียนไว้และแปะไว้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคำตอบให้หรือไม่

                เป็นคำถามที่ต้องแสวงหาคำตอบกันต่อไป.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"