26ก.ค.62-ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวภายหลังติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ด้วยความเป็นห่วง และปรารถนาดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประเทศไทย ตนจึงได้ติดตามการอภิปรายนโยบายรัฐบาลตลอดทั้งวัน พบว่า ความเป็นห่วงของตนก่อนหน้านี้เป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะพยายามปรับตัวในการทำงานภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภาแล้ว แต่ก็ยังปรับตัวไม่ได้ดีนัก มักแสดงการออกคำสั่ง หลงลืมว่าในสภาฯ มีประธานสภาฯ รวมถึงยังไม่ชินกับกฎระเบียบ ข้อบังคับในสภาฯนัก ด้วยความเป็นครั้งแรก ก็พออภัยได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือเรื่องการควบคุมอารมณ์ของท่านนายกรัฐมนตรี หลังอดทนมาทั้งวัน ในที่สุดช่วงค่ำวานนี้ ท่านก็หลุดจนได้ ก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจท่านอยู่ ในเมื่อที่ผ่านมา  5 ปี ท่านไม่เคยมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยมีใครขัด เป็นรัฎฐาธิปัตย์ มีมาตรา 44  มีอำนาจล้นฟ้าในการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อต้องเข้าสู่รัฐสภาที่แม้ตนจะเคยเรียกว่าเป็นสภาฯ ประชาธิปไตยเจือจางก็ตาม แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ท้าทายและยากลำบากสำหรับท่านนายกฯ อยู่ไม่น้อย

ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า มีคำบางคำที่สร้างความอ่อนไหวให้กับท่านนายกรัฐมนตรีเสมอๆ ตั้งแต่สมัยที่แล้ว อาทิ คำว่า เผด็จการ, การรัฐประหาร เป็นต้น เมื่อเจอคำถาม คำพูดเกี่ยวกับคำเหล่านี้ ความอดทนของท่านนายกรัฐมนตรีก็เริ่มที่จะหมดลง แม้จะมี ส.ส.พิเศษ หรือองครักษ์พิทักษ์นายกฯ กี่คนก็ช่วยไม่ได้ โดยนับตั้งแต่ช่วงที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่อภิปราย ท่านนายกฯ ก็เริ่มธาตุไฟแตก ออกนอกเรื่อง ไปขุดใช้วาทกรรมเรื่องจำนำข้าว เรื่องคดีทางการเมือง มาพูด ต่อจากนั้นเริ่มมีการขึ้นเสียงใส่สมาชิกรัฐสภาที่ประท้วงท่าน และหลุดที่สุด เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นมาอภิปราย ถึงกับประกาศตัดพี่ตัดน้องกันกลางสภาฯ เลยทีเดียว ถือเป็นการใช้อารมณ์เหนือเหตุผล แสดงสู่สาธารณชน ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสำหรับคนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศ ก็ควรจะมีภาวะความเป็นผู้นำ จำเป็นต้องใช้หลักการ เหตุผล อยู่เหนืออารมณ์ 

“ซึ่งตลอดทั้งวันนี้ ท่านนายกฯ อาจจะทำให้คนไทยหัวเราะ ได้รอยยิ้มมาบ้าง แต่คนไทยต้องการผู้นำประเทศที่มีวุฒิภาวะ วิสัยทัศน์ มากกว่าผู้นำประเทศที่สร้างเสียงหัวเราะ ไม่ว่าด้วยความตลก หรือสมเพช อันนี้ผมไม่แน่ใจ ต่อจากนี้ ผมขอให้นายกฯควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้ ใจกว้าง รับฟังและเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน การเมืองยุคใหม่ต้องต่อสู้กันที่หลักการ แนวคิด และผลงาน ไม่ใช่ต่อสู้กันที่ตัวบุคคล ผมไม่อยากให้ท่านนายกฯ นำพาการเมืองไทยเรามาถึงจุดที่ต้องตัดพี่ตัดน้อง และตัดความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรอันดีงามแบบไทยๆ กันกลางสภาฯเช่นนี้ จะถูกหรือผิดตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง”ดร.รยุศด์  กล่าว