หลักฐานไม่พอ ยกฟ้อง4กปปส. ลุ้นคดีชุดใหญ่


เพิ่มเพื่อน    

  หลักฐานฟังไม่ขึ้น! ศาลยกฟ้อง "4 ส." อดีตแกนนำ กปปส.พ้นผิดคดีกบฏไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นแค่ผู้ร่วมชุมนุม ไม่ได้เป็นแกนนำที่สั่งการหรือปราศรัยให้กระทำการรุนแรง ลุ้นคดี กปปส.ชุดใหญ่ต่อ

    เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านพิพากษาคดีกบฏ กปปส. สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปี, นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 42 ปี รองผู้ว่าฯ กทม., นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 68 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ ดร.เสรี วงษ์มณฑา อายุ 70 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 
    ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 รวม 8 ข้อหา
    โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพเป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1 พ.ค.2557 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้งสี่รายให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
    จำเลยทั้ง 4 มาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กลุ่มแกนนำ กปปส. ที่ถูกฟ้องอีกสำนวน และพระพุทธะอิสระที่วันนี้ห่มจีวรนั่งรถเข็นมา รวมทั้งคนใกล้ชิดกว่า 60 คน มาร่วมให้กำลังใจในการฟังคำพิพากษาด้วย
    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่อัยการโจทก์นำสืบมารับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้ง 4 รายได้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. แต่ไม่ได้เป็นแกนนำที่สั่งการผู้ชุมนุมหรือขึ้นปราศรัยสั่งการให้กระทำการรุนแรง โดยการชุมนุมของ กปปส. ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำวินิจฉัยที่ 59/2556 ว่าการชุมนุมของ กปปส. สืบเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 63 ซึ่งสืบเนื่องจากเหตุที่คัดค้านการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่พอใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำความผิดตามฟ้องทั้ง 8 ข้อหา พิพากษายกฟ้อง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนคดีชุมนุม กปปส.ชุดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อายุ 70 ปี อดีตเลขาธิการ กปปส. และประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กับอดีตแกนนำ กปปส. และแนวร่วม รวมทั้งสิ้น 32 คน ที่รวมพิจารณา 5 สำนวน ในคดีหมายเลขดำ อ.247/2561, อ.832/2561, อ.1185/2561, อ.491/2562, อ.791/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง 8 ข้อหาเช่นเดียวกัน โดยนายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับนายชุมพล จุลใส ถูกฟ้องเพิ่มอีกข้อหาฐานก่อการร้าย ตามมาตรา 135/1 นั้น 
    จำเลยทั้งหมดได้รับการประกันตัวคนละ 600,000 บาท พร้อมมีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยคดีแกนนำ กปปส.ชุดนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โดยเริ่มนัดแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลให้สืบพยานต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยการดำเนินคดีชุมนุมกลุ่ม กปปส.นั้น ยังเหลือผู้ต้องหาที่รอส่งตัวอีกกว่า 10 คน อาทิ นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำ พธม., นายนิติธร ล้ำเหลือ, น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
    ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายสกลธี รองผู้ว่าฯ กทม. จำเลยที่ 2 กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่สนับสนุน ส่วนจำเลยทั้ง 4 คนก็รู้สึกดีใจ เพราะเราต่อสู้คดีขึ้นศาลมาเกือบ 5 ปี ค่อนข้างลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร
      ด้านนายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. จำเลยอีกสำนวน กล่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า คิดว่าคงจะทำให้พี่น้องประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดินมีความสุขใจขึ้น ได้เห็นว่าสิ่งที่ได้ทุ่มเททำงานเพื่อบ้านเมือง แม้จะต้องเหนื่อยยากลำบาก และได้รับผลกระทบจากที่ร่วมชุมนุมมานาน 4-5 ปีนั้น วันนี้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามระบบ และเป็นสิ่งที่พวกเราประชาชนคนไทยช่วยกันดูแลรักษากันต่อไป
    เมื่อถามว่า คำพิพากษาจะเป็นแนวทางให้กับ กปปส.ชุดใหญ่ที่คดีอยู่ในกระบวนการศาลหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นเรื่องของการต่อสู้คดีของแกนนำ กปปส.ชุดใหญ่ เห็นว่าศาลชั้นต้นจะต่อสู้คดีในแนวทางไหน ซึ่งศาลอาญาได้อ้างถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยไว้หลายครั้งหลายหนในปี 2556-2557 แต่ว่าหากการกระทำของผู้ชุมนุมใดเป็นความผิดกฎหมายอาญาอื่นก็ต้องรับผิดไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เราจะได้นำคำพิพากษาฉบับเต็มมาศึกษาต่อไปด้วย
    ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขั้นตอนกฎหมายต่อจากนี้ คณะทำงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีจะดำเนินการขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม พร้อมถ้อยคำสำนวนศาล จากนั้นก็จะเสนอคำพิพากษาพร้อมสำนวนและความเห็นว่าควรอุทธรณ์หรือไม่ไปยังอธิบดีอัยการศาลสูงเพื่อพิจารณาต่อไป โดยคดีนี้เป็นคดีสำคัญตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด 
    "ขณะนี้ต้องถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุดตามกฎหมาย ดังนั้นส่วนของคดีการชุมนุม กปปส.ที่ยังอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์ (ชุดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 32 ราย) และผู้ต้องหาที่เหลืออีก 14 ราย ซึ่งร่วมชุมนุมกับ กปปส. ที่อัยการมีคำสั่งฟ้องแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งตัวฟ้องนั้น ต้องถือเป็นเหตุลักษณะคดีกับคดีที่ยกฟ้องในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ถือว่าคำสั่งฟ้องและการดำเนินคดียังมีผลตามกฎหมายทุกประการ แต่เมื่อทั้งหมดเป็นเหตุลักษณะคดีดังกล่าว ก็คงต้องรอผลการพิจารณาของอธิบดีอัยการศาลสูงและคณะทำงานของสำนักงานคดีพิเศษก่อน ผลคืบหน้าคณะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้แถลงให้ทราบต่อไป" นายประยุทธกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"