ผู้ว่าฯ ปัตตานีเชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานมอบแก่ครอบครัวเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากเหตุโจรใต้ถล่มฐาน ชรบ.ตำบลปะกาฮะรัง "มทภ.4" สั่งเร่งเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ-ไล่กล้องวงจรปิดหาคนร้าย พร้อมปรับแผนส่ง 735 ชุดจรยุทธ์กว่า 1 หมื่นนายเข้าเกาะติด 188 หมู่บ้านเป้าหมาย "หน่วยข่าว" เตือน 4 จว.ชายแดนใต้เพิ่มความเข้มงวด หลังพบแนวร่วมก่อความไม่สงบเขตสะบ้าย้อยกระจายกำลังเข้าหลายพื้นที่เตรียมก่อเหตุใหญ่ 

    เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบให้แก่ญาติ จ.ส.อ.ชูธวัช มาศศรี อายุ 35 ปี ทหารสังกัด ร.153 พัน 2 ณ บ้านเลขที่ 10/4 หมู่ที่ 4 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายพร้อมอาวุธสงครามและระเบิดถล่มฐานจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮะรัง บ้านกอและปิเละ ม.7 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 3 นาย สร้างความปลาบปลื้มแก่ครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
    ขณะที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เรียกผู้บังคับบัญชาทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ประชุมที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เพื่อปรับแผนการทำงานติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุโจมตีจุดตรวจชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮะรัง เป็นเหตุให้มีฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร อส.และ ชรบ. เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 3 นาย และขโมยอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ไป 5 กระบอก 
    พล.ท.พรศักดิ์ได้สั่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหลักฐานดีเอ็นเอ พร้อมไล่ตรวจกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแล้วหลบหนีเพิ่ม รวมถึงเร่งติดตามหาข่าวการหลบพักรักษาตัวของคนร้ายที่บาดเจ็บ 
    "ในที่ประชุม เจ้าหน้าที่ชุดติดตามคดีสามารถรู้ตัวคนร้ายได้แล้ว และรายงานให้ พล.ท.พรศักดิ์ทราบ" แหล่งข่าวระบุ
    พล.ท.พรศักดิ์แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้มอบแนวทางนโยบายการทำงานและสั่งการให้จัดชุดจรยุทธ์ 735 ชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ดูแลหมู่บ้านเป้าหมาย จากการตรวจสอบทั้ง 1,988 หมู่บ้าน พบเป็นหมู่บ้านจัดตั้งของกลุ่มก่อความไม่สงบและมีมือสังหารใช้เป็นแหล่งกบดานอยู่ 188 หมู่บ้าน ซึ่งที่ผ่านมาเข้าตรวจสอบและมีการปะทะจับกุมก็พบมีการแอบสร้างห้องลับใต้ดินภายในบ้าน โดยมักก่อเหตุแล้วก็หลบไปซ่อนตัวตามที่ต่างๆ เหล่านี้ จึงให้มีการจัดชุดร่วม 10,000 นาย เข้าไปอยู่กินภายในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการติดตามจับกุมและทำพื้นที่ให้มีความปลอดภัย โดยบีบบังคับด้วยชุดจรยุทธ์ เป็นวิธีการกดดันอีกทางหนึ่ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำดินมากลบหลุมระเบิดบริเวณจุดตรวจที่เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธปืนสงครามและระเบิดถล่มจุดตรวจชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮะรัง และได้นำลวดสลิงมากั้นใหม่บริเวณด้านหน้าของจุดตรวจ พร้อมทั้งเคลียร์พื้นที่โดยรอบทั้งหมดให้กลับมาปฏิบัติงานตามปกติ
    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายยังคงปิดล้อมตรวจค้นในรัศมี 1 กม.จุดเกิดเหตุ ที่ฐาน ชคต.ม.7 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี พร้อมทั้งใช้สุนัขดมกลิ่น และยังคงปิดเส้นทางหลักเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามา พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับผู้สัญจรไปมาให้อ้อมเส้นทางอื่นก่อน ซึ่งขณะนี้ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 คนในพื้นที่ อ.หนองจิกและอำเภอเมืองฯ จ.ปัตตานีมาสอบปากคำ
    มีรายงานว่า หน่วยข่าวความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ให้มีความพร้อมในการป้องกันเหตุ โดยเฉพาะฐานที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดต่างๆของกำลังทั้ง 3 ฝ่าย โดยให้ผลัดเปลี่ยนเวรกันระมัดระวังดูแลฐานที่มั่นให้เข้มงวด มีไฟฟ้าส่องสว่างรอบๆฐาน รวมทั้งให้ออกหาข่าวความเคลื่อนไหวและสร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้านรอบฐานเพื่อหาข่าว หากมีการเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่และแจ้งเบาะแสคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งเข้มงวดการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย เพื่อจำกัดเสรีภาพของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน
    "ได้รับแจ้งจากสายข่าวพบความเคลื่อนไหวของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีการเคลื่อนไหวในเขตสะบ้าย้อยเข้ามาในพื้นที่เขตรอยต่อปัตตานี โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในช่วงกลางคืนเข้ามาหลายจุด แต่เป้าหมายไม่ชัดเจน หลังจากนั้นได้กระจายตัวหลบซ่อนและพักพิงอยู่กับชาวบ้านที่เป็นแนวร่วมในพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่ามีเป้าหมายในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ ดังนั้นให้ฝ่ายการข่าวออกหาข่าวตามพื้นที่ที่รับผิดชอบ" หน่วยข่าวระบุ
    มีรายงานว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวในเรื่องดังกล่าวแล้ว ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีคำสั่งด่วนให้กำลังในพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเข้มข้นและมีการส่งชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ (ชป.จรยุทธ์) เข้าตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมายอย่างเร่งด่วน 
    ที่โรงแรมปาร์ควิวรีสอร์ท อ.เมืองปัตตานี วันเดียวกัน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมร่วมกับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นและคณะที่ปรึกษาเสริมสร้างความยุติธรรมเพื่อสร้างความเข้าใจในนโยบายรัฐกว่า 200 คน ของจังหวัดปัตตานี เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการอำนวยความยุติธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาตามหลักสันติวิธี 
    มีรายงานว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เสนอนโยบายการดำเนินงาน 5 เรื่อง คือ 1.ทำให้พื้นที่ปลอดเหตุและประชาชนปลอดภัย 2.แก้ปัญหายาเสพติด 3.เป็นมิตรและพูดคุยสันติสุขกับทุกกลุ่ม 4.รวมใจไทยหนึ่งเดียว (พหุวัฒนธรรมภายใต้ธงไตรรงค์) และ 5.กลมเกลียวสร้างสรรค์สันติสุข (ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิต)
    "ที่ประชุมต่างเห็นพ้องต้องกันในการแสวงหาแนวทางป้องกันและขจัดปัญหาของพื้นที่ ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง" แหล่งข่าวระบุ
    จ.ยะลา บรรยากาศการท่องเที่ยวที่ อ.เบตง จ.ยะลา ที่ด่านพรมแดน อ.เบตง จ.ยะลา ตรงข้ามกับด่านเปิงกาลันฮูลู รัฐเประ ประเทศมาเลเซีย มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางมากับรถบัสจัดทริปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของ อ.เบตง  ชมสวนผลไม้เป็นเวลา 3  วัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสีสันใหม่ด้านการท่องเที่ยวของ อ.เบตง และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในด้านความปลอดภัย แม้จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่นักท่องเที่ยวยังมั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยภาพรวมในพื้นที่ จ.ยะลา ไม่มีการก่อเหตุรุนแรง หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบแต่อย่างใด     ส่วนพื้นที่เสี่ยงทั้ง 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 7 อำเภอที่มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ สะเดา อ.เมืองฯ รวมทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย เจ้าหน้าที่ยังคงคุมเข้มเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด.