"บิ๊กตู่" สั่งทุกหน่วยขับเคลื่อน "ไทยนิยม" สอดรับภารกิจ 9 แนวทาง มท.ขานรับนโยบาย 4.0 รายงานผลแบบเรียลไทม์ เผย 10 วันลุย 2.4 หมื่นชุมชนแจง 2.8 ล้านคน "ปลอด" ซัดผลาญแสนล้านละลายแม่น้ำ ชี้อภิมหาโกงแห่งศตวรรษ เตือนระวัง "ป้อม 2" โผล่
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่าแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืนนั้น ซึ่งจะทำในพื้นที่ทุกระดับ ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านประกอบด้วยหลัก 9 ประการ ดังนี้ 1.คนไทยรักกัน ด้วยการสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นให้ได้ 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน ด้วยการดูแลผู้มีรายได้น้อย 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข พัฒนาความเป็นอยู่ อาชีพ และรายได้ 4.วิถีไทย วิถีพอเพียง ด้วยการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต 5.รู้สิทธิ์ รู้หน้าที่ ของการเป็นพลเมืองที่ดี 6.รู้กลไกการบริหารราชการในแต่ละระดับ 7.รู้รักประชาธิปไตย โดยเฉพาะเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี และ 9.บูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เพิ่มเรื่องการขับเคลื่อนงานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน ให้ประสานสอดคล้องกับโครงการไทยนิยมฯ ดังกล่าวข้างต้นด้วย ทั้งนี้ จะมีคณะกรรมการในระดับต่างๆ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ กับ 1 พื้นที่ ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนฯ ระดับประเทศ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 2.คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน 3.คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ระดับอำเภอ มีนายอำเภอเป็นประธาน 4.ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล ให้นายอำเภอแต่งตั้งทีม ประกอบด้วย ข้าราชการในพื้นที่ ปราชญ์ชาวบ้าน จิตอาสา อื่นๆ เป็นต้น และ 5.พื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ปลัดกรุงเทพมหานครหรือผู้อำนวยการเขตเป็นผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ โครงการ สำหรับกิจกรรมและผลการดำเนินโครงการ
"ช่วงนี้เป็นช่วงที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ จะลงพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ละประมาณ 4 ครั้ง แล้วจะสรุปความต้องการ ปัญหาอุปสรรคอะไรต่างๆ มาเพื่อจะนำไปสู่การจัดทำโครงการระดับพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้จัดสรรเพิ่มเติมลงไปนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ศูนย์สารสนเทศ กรมการปกครอง ได้พัฒนาโปรแกรมรายงานผล “ไทยนิยม ยั่งยืน” แบบเรียลไทม์ ให้ทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำบล บันทึกผลการลงพื้นที่ผ่านระบบออนไลน์ทันทีเมื่อลงพื้นที่ โดยใช้เครื่องมือสื่อสารทั้งสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเข้าโปรแกรมที่มีชื่อว่า “รายงานผลไทยนิยม ยั่งยืน” เพื่อบันทึกข้อมูลรายงานการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน พร้อมภาพถ่ายเข้าระบบ ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารส่วนกลาง อำเภอ และจังหวัด สามารถทราบผลการปฏิบัติงานได้ทันที
โดยการดำเนินการในรูปแบบนี้ สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ทำให้เกิดความสะดวก ลดระยะเวลาการรายงานผล ลดขั้นตอนการทำงาน และลดการใช้กระดาษในการรายงาน ทั้งนี้ เมื่อทราบปัญหาและความต้องการจากการลงพื้นที่แล้ว ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล จะบันทึกข้อมูลลงในแบบบันทึกข้อมูลของแต่ละหมู่บ้านและชุมชน ก่อนจะนำส่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมบันทึกเข้าระบบปัญหาและความต้องการ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน กล่าวว่า จากการสรุปผลลงพื้นที่ทำประชาคมใน 10 วัน ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล ลงพื้นที่แล้วกว่า 2.4 หมื่นชุมชนและหมู่บ้าน มีประชาชนร่วมทำประชาคมแล้วกว่า 2.8 ล้านคน ซึ่งทีมขับเคลื่อนระดับตำบลจะลงพื้นที่ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ไทยนิยม หรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ว่า โครงการเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ในยุคประชารัฐ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ บอกจิ้มที่ไหนโกงที่นั่น ไหนบอกปราบคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ ทำไมถึงมาโกงเสียเอง หัวไม่ส่ายหางจะกระดิกหรือ อย่าตัดตอนแค่ปลัด ยังมีเหนือกว่านั้นอีก นี่โครงการไทยนิยมฉบับป๊อกกำลังจะตามมา อาจจะเกิดคอร์รัปชันภาคสองก็เป็นได้ คอยดูไปก็แล้วกัน
ทั้งนี้ มีคำถามและข้อสังเกต ดังนี้ 1.กรรมการ 7,000 ชุดเกือบแสนคน ซึ่งเป็นข้าราชการทั้งนั้น งานการอื่นไม่ต้องทำกันแล้วหรือ หากประชาชนเดือดร้อนจะไปหาใครทำงานให้ เพราะต้องออกพื้นที่กันจนหมดสิ้น 2.ประชาชนนับล้านคนจะต้องถูกเรียกมาประชุม ทั้งที่เขามีวิถีชีวิตและภารกิจ (หนีจน) ถูกต้องหรือไม่ 3.บอกว่าต้องลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชน ขอเรียนว่าปัญหาความจน ความแร้นเเค้น มีการเก็บข้อมูลมานับชาติแล้ว ซึ่งการลงพื้นที่เพียง 30 วัน จะได้อะไรเป็นสาระเพิ่มเติม ที่เห็นแน่ๆ คือค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าเดินทางของเจ้าหน้าที่แสนคน เป็นเงินไม่รู้กี่พันล้านบาท
4.บอกว่าจะต้องเปลี่ยนทัศนคติประชาชน แต่คิดว่าตั้งใจจะล้างสมองมากกว่า 5.กำลังเริ่มจ้างบริษัทที่ปรึกษามาช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำโครงการเสนอ ขอถามว่าบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้เป็นใคร เป็นพรรคพวก ญาติกันทั้งนั้นใช่หรือไม่ แล้วทำไมค่าจ้างจึงแพงนัก และ 6.เชื่อว่าจะมีโกงค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าของชำร่วย ค่าทัศนศึกษา อย่างแน่นอน จะมีทั้งข้าราชการผี ประชาชนผีเต็มไปหมด
"ผมมองเห็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำครั้งมโหฬาร คุณคิดยังไงจึงกล้าใช้เงินนับแสนล้านบาททั้งที่ประชาชนกำลังอดอยากจนจะตายกันหมดแล้ว ผมมองเห็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าอดสูกำลังจะเกิดขึ้น ฤานี่จะเป็นอภิมหาโกงแห่งศตวรรษเรา ระวังจะมีคนต้องกลายเป็นป้อม 2 นะครับ" นายปลอดประสพ ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |