นักวิชาการแนะรัฐบาลต้องเปิดเกมรุกสงครามสื่อ ยก 'ปธน.ทรัมป์' เป็นตัวอย่างผู้นำการข่าว


เพิ่มเพื่อน    

25 ก.ค.62 - นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สงครามข่าวสารนั้นไม่ใช่ใครก็ทำได้ ผมบอกได้เลยว่าตลอดห้าปีของรัฐบาลตู่1 นั้นสอบตกเรื่องสงครามข่าวสารมาตลอด เพราะปล่อยให้นักข่าวเป็นคนตั้งคำถามรัฐบาลรายวันมาตลอด ถ้าคำถามไม่ถูกใจทั้งลุงตู่และลุงป้อมก็จะทำท่าทีหน้าตาไม่พอใจที่เข้าทางนักข่าวให้ยั่วรายวันให้เกิดข่าวในแนวนี้มาตลอด 5 ปี เพราะพื้นที่ข่าวนั้นผู้ถามนำในข่าวแบบพับสนามเล่นอยู่ฝ่ายเดียวคือนักข่าว แต่ไม่ใช่ข่าวที่ทางรัฐบาลต้องการสื่อให้ประชาชนได้ทราบ

ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะไม่รู้จักการใช้วิธีแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน (Press Statement) ที่เป็นการชี้นำคำตอบของรัฐบาลไปยังนักข่าวที่เป็นเรื่องปกติของทำเนียบขาวหรือรัฐบาลอื่นๆ ทั่วโลกที่จะมีการแถลงข่าวของรัฐบาลทุกวัน ใครสงสัยอะไรก็ถามกันเป็นเรื่องเป็นราวในห้องแถลงข่าวโดยโฆษกรัฐบาล โฆษกกระทรวง หรือแม้กระทั่งตัวรัฐมนตรีหรือตัวนายกรัฐมนตรีมาเป็นคนตอบคำถามเองสดๆ โดยที่ไม่ต้องให้นักข่าวไปดักหน้าดักหลังผู้นำรัฐบาลแบบที่เห็นในข่าวของบ้านเรา และทั้งนายกและบรรดารัฐมนตรีต้องตอบคำถามระหว่างที่เดินขึ้นรถบ้างหรือเดินไปประชุมที่อื่นบ้าง นั้นคงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสักเท่าไรในการเตรียมตัว "ตอบคำถามอย่างฉลาด" ในแถลงข่าวต่างๆ ของรัฐบาลที่ต้องการสื่อไปยังประชาชน และที่สำคัญคือเรื่องนั้นๆ คือเรื่องที่รัฐบาลหรือผู้บริหารของกระทรวงต่างๆ ควรจะต้องตอบคำถามนั้นตามที่นักข่าวชี้นำหรือไม่ ผมยังคิดเลยว่าข่าวดาราเตียงหักหลายข่าวที่มีทั้งปีนั้น เหล่าดาราและเซเล็ปในวงการบันเทิงยังรู้จักใช้วิธีการนัดแถลงสื่ออย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าผู้นำรัฐบาลเสียอีก

เคยสงสัยกันไหมครับว่าเวลานี้ทำไมนักข่าวทั้งโลกจะอ่านทวีตเตอร์ของ ปธน.ทรัมป์กันเป็นอาหารเช้าก่อนเข้าสำนักข่าว เพราะเวลานี้การสื่อสารของรัฐบาลและผู้นำประเทศต่างๆ นั้นเปลี่ยนรูปแบบไปไกลมากแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐก็แถลงว่าวันนี้จะทำอะไร จะพบกับใคร จะคุยเรื่องอะไร ก็จะบอกบนทวีตเตอร์ให้นักข่าวและคนที่ติดตามข่าวได้รู้กันสดๆ ปธน.ทรัมป์ ก็สื่อบนทวีตเตอร์ว่าจะคุยอะไรกับคนโน้นคนนี้ก่อนเวลาพบไม่กี่ชั่วโมง แม้แต่การคุยกันกับตี๋คิมครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้วก็นัดคุยกันบนทวีตเตอร์ที่นักข่าวก็ต้องอ่านกันบนนั้นสดๆ พร้อมกับคนอีกหลายร้อยล้านคนที่ตามอ่านทวีตเตอร์ของทรัมป์

นั่นคือนักข่าวไม่ได้เป็นคนนำเสนอข่าวตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว แต่ผู้นำเสนอข่าวคือรัฐบาลและผู้นำภาคส่วนต่างๆ ของรัฐบาล ส่วนคำถามจะมีต่อด้วยอะไรนั้นเป็นหน้าที่ของนักข่าวจะต้องฉลาดคิดคำถามกันสดๆ ในตอนนั้น ซึ่งแน่นอนว่าบรรดารัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีจะเตรียมคำตอบมาแล้วในทุกมิติของคำถามล่วงหน้า แต่นักข่าวจะฉลาดพอที่จะถามสดๆ หลังจากที่ได้ฟังแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนั้นหรือไม่เท่านั้น นั่นคือการพับสนามเล่นในสงครามข่าว แทนที่จะให้นักข่าวเป็นคนพับสนามเล่นนำเสนอเสียเองแบบทุกวันนี้

พัฒนาตัวเองในสงครามข่าวสารเถอะครับ ผมเชื่อว่ารัฐบาลนี้ไม่โง่และมีคนเก่งในมือมากมาย เพียงแต่จะใช้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่หรือไม่ หรือจะยังเน่ากับสงครามการนำเสนอข่าวสารที่ปล่อยให้นักข่าวดักหน้าดักหลังตั้งคำถามที่เจ้าตัวไม่ได้คิดคำตอบที่ "ฉลาดพอ" ไว้ล่วงหน้าแบบทุกวันนี้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"