23 ก.ค.62- ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ถอดความคิดและคำพูดธนาธร เศรษฐกิจพอเพียง คือ การกดขี่ ไม่ให้คนรวยขึ้น ห้ามคนยกระดับฐานะ และชนชั้น เพราะถือเป็นเรื่องชั่วร้าย?
-------------------------
คำพูดของธนาธรตั้งแต่ปี 2555
-------------------------
- คลิปนี้หลายคนคงไม่เคยฟังกัน เป็นคลิปตั้งแต่ปี 2555 ที่เวลานั้น สาวกอนาคตใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักธนาธร และเวลานี้ได้ฟังก็อาจจะแปลกใจ รวมถึงไม่ค่อยเชื่อ
(แต่คนที่รู้จักและต่อสู้กับขบวนการเสื้อแดงสายต่อต้านสถาบันกษัตริย์มาตลอดเป็นสิบปี รู้จักธนาธรกันทุกคน และไม่ได้แปลกใจอะไร)
- ธนาธรวิจารณ์มาตราในรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตราที่ว่า รัฐต้องส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงว่า...
"โดยเนื้อแท้แล้ว คือ การบอกกับประชาชนว่า คุณอย่าริอาจข้ามชนชั้น มึงเป็นชาวนาก็ชาวนาไป เป็นไพร่ก็เป็นไพร่ต่อไป อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง ความโลภและความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นกิเลสตัณหาและเป็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งขัดกับศีลธรรมอันดีงามในสังคมไทย"
-------------------------
โจมตีทุน-ราชการ-ทหาร ก็ทำไป
แต่อย่ามั่วเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
และเอามาโจมตีแนวคิดในหลวง ร.9
-------------------------
- ในคลิปนี้ ประเด็นที่ธนาธรตีพวกทหาร อำมาตย์ ผู้มีอำนาจ ระบบราชการ ทุนใหญ่ที่เอาเปรียบชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องผมเห็นด้วย และคิดว่าคนในสังคมจำนวนมากก็เห็นด้วย
(คือไม่ขัดแย้งอะไรและคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะหยิบมาพูดให้สังคมไทยเห็นและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น)
- แต่สิ่งที่ธนาธรบิดเบือนก็คือ สาระของ #เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ธนาธรบิดเบือนให้ดูเป็นการห้ามให้คนร่ำรวย ห้ามมีความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือยกระดับฐานะ ฯลฯ
ซึ่งเป็นการบิดเบือนที่น่ารังเกียจ!!
- เพราะเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้มีความหมายใกล้เคียงกับสิ่งที่ธนาธรและนักวิชาการบางกลุ่มพูด/บิดเบือน มาตลอดเลย
#พอเพียง = มีพอเพียงต่อการดำรงชีวิตก่อน
แล้วค่อยพัฒนาไปตามลำดับขั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่ห้ามมี ห้ามลงทุน ห้ามพัฒนา ห้ามยกระดับ
แบบที่ธนาธรบิดเบือนเพื่อโจมตีแนวคิดในหลวง!!
-------------------------
รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงกันให้ถูกต้อง
-------------------------
- เศรษฐกิจพอเพียง เกิดจากปัญหาของฝ่ายการเมืองที่ตีกันจนเละเทะมาตลอดหลายสิบปี ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่น้อยคนนักที่จะมาพัฒนาชีวิตของชาวบ้านอย่างยั่งยืน
- ในหลวง ร.9 ท่านจึงเดินสายแก้ปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรในประเทศตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปี ก่อน ในเวลาที่อีสานยังไม่เขียว ภาคเหนือยังเป็นเขาหัวโล้นและแหล่งต้นน้ำยังมีน้อยกว่าปัจจุบัน
- โดยแนวคิดด้านเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาพร้อมกับการทดลองแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรที่เรียกว่า...
#เกษตรทฤษฎีใหม่
- ซึ่งเกิดจากการที่พระองค์เล็งเห็นว่า ราษฎรไทยส่วนใหญ่ทำการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าว แต่ราษฎรยังยากจน
- เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ไม่แน่นอน รวมถึงปัญหาด้านขลประทาน การขาดแคลนน้ำในการทำเกษตรในหลายพื้นที่
- พระองค์จึงได้ทรงริเริ่มแนวคิดว่า ทำอย่างไรให้ปลูกข้าวแล้วมีความมั่นคงมากขึ้น ก็ทรงเห็นว่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือข้าวอย่างเดียวไม่พอ แต่ชาวบ้านจะอยู่ได้ ต้องมี ข้าว-ปลา-อาหาร-หมู-เห็ด-เป็ด-ไก่-พืชสมุนไพร
แต่พูดเชิงแนวคิดใครๆ ก็พูดได้!!
- แต่เวลาที่ชาวบ้านจะเอาไปปฏิบัตินั้น ต้องการตัวอย่างที่ทำให้เห็นและให้พวกเขาได้ลองทำตาม ท่านจึงทดลองในแปลงเกษตรของท่านอยู่นานพอสมควร โดยหลักการเบื้องต้นคือ
1. มีนาปลูกข้าว
2. มีแปลงผักสวนครัว
3. มีการเลี้ยงสัตว์ไว้กินเนื้อ
4. มีการขุดบ่อเพื่อกักน้ำไว้ใช้
โดยเริ่มฐานสูตรจากข้อมูลเชิงสถิติที่ว่า ชาวนาไทย (ในเวลานั้น) มีที่ดินเฉลี่ยประมาณ 15 ไร่ ท่านจึงเอาตัวเลขนี้มาเป็นฐานในการทดลอง
- โดยคำนวนด้วยว่าครอบครัวโดยเฉลี่ยพอ่แม่ลูก 2 คน รวม 4 ชีวิต ปกติ จะต้องกินข้าวและอาหารประมาณเท่าไรต่อปี จึงจะคำนวนได้ว่าที่นาที่ปลูกข้าวมีปริมาณพอหรือไม่
- จากนั้นจึงคำนวนต่อว่า ในแต่ละปี ฝนจะตกประมาณกี่วัน โดยเฉพาะ ในแต่ละวันน้ำจะลดลงไปจากหน้าตัดผิวบ่อ วันละกี่ ซม. จากนั้นจึงได้ตัวเลขว่า ชาวบ้านควรมีน้ำเท่าไรไว้ใช้ในขนาดที่ดินดังกล่าว
จนออกมาเป็นสูตร 3-3-3-1
- คือปลุกข้าว 3 ส่วน เก็บน้ำ 3 ส่วน พืชสวนครัวและสัตว์ 3 ส่วน ที่เหลือ 1 ส่วนคือบ้านที่ใช้พักอาศัย (ถ้าที่ดินแปลงใหญ่กว่านี้ก็เอาสูตรนี้ไประยุกต์ได้)
- เมื่อทดลองจนสำเร็จและลองให้ชาวบ้านนำไปใช้ จนเห็นผล ท่านจึงทรงเห็นว่า แนวทางนี้ดี เพราะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะชาวนาและเกษตรกร ยืนได้ ไม่ลำบากยากจน และมีชีวิตที่มั่นคง
#มีพอเพียงกับการดำรงชีวิตพื้นฐาน
----------------------
จากพอเพียงขยับไปสู่การพัฒนา
----------------------
- หลังจากที่ทรงสำเร็จในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ท่านจึงเล็งเห็นว่าถ้าประชาชนที่เป็นเกษตรกรทำได้เช่นนี้ เมื่อมีสิ่งต่างๆ #พอเพียงกับการดำรงชีวิต ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ไม่ยากจนข้นแค้น
ต่อไปก็จะพัฒนาคุณภาพชีวิตได้เป็นลำดับขั้น
- จาก "มีพอเพียง" สำหรับใช้เองในครัวเรือน ก็ขยายต่อไปถึงการทำขาย แต่ก็ต้องเป็นการทำที่มีเหตุผล ประมาณตนในการพัฒนา ถ้าจะกู้ยืมก็ต้องกู้ยืมในลักษณะที่มีกำลังจ่ายคืนได้
- ไม่ใช่โลภ เห็นคนอื่นรวย เห็นเศรษฐฐีมีเงินเยอะๆ แล้วอยากทำตาม แล้วถูกสอนมาผิดๆ ว่ายิ่งกู้เงินเยอะ ก็เอามาทำธุรกิจแล้วรวยได้ โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจทางธุรกิจหรือด้านที่จะลงทุนดีพอ ซึ่งสุดท้ายก็จะเจ๊งแล้วกลายเป็นหนี้เป็นสิน
- ดังนั้นท่านจึงใช้ตัวอย่างเหล่านี้ ร่างหลักคิดในการ "พัฒนา" ทรัพยากรของประเทศ ทั้งทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และทุนต่างๆ ดังนี้
1. ความพอประมาณ (Moderation)
2. ความมีเหตุมีผล (Reasonable)
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี (Prudence)
คือ จะทำอะไรต้องมีเหตุผล รู้ถึงที่มา รู้ถึงข้อมูลสำคัญ รู้ว่าทำไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ในขณะเดียวกันต้องประเมินกำลังของตนในเวลานั้น ว่าสามารถขยับอะไรได้มากขึ้น
- แท้ที่จริงแล้ว หลักการเช่นนี้ บรรดาเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในประเทศ (ซึ่งน่าจะรวมถึงครอบครัวของธนาธรด้วย) ก็ใช้วิธีคิดเหล่านี้ในการทำธุรกิจจนมั่นคงและร่ำรวย
- เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ออกมาเขียนหรือออกมาพูดบอกคนได้ทั่วประเทศได้รับทราบก็เท่านั้นเอง (ผมดูรายการที่สัมภาษณ์เศรษฐีที่สร้างตัวมาเยอะ แทบจะทุกคนพูดทำนองเดียวกันหมด)
- ในหลวง ร.9 ท่านจึงทรงริเริ่มนำหลักการบริหารนี้มาสอนให้กับ "ราษฎรทั้งแผ่นดิน" เพื่อให้ประชาชนมีเหตุมีผล มีความพอประมาณเดิน "ทางสายกลาง" ไม่สุดโต่ง และสุดท้ายมีภูมิคุ้มกัน
- เมื่อไม่จน ไม่เจ็บ และมีทุกอย่างพอเพียงกับการดำรงชีวิต ก็จะคิดถึงเรื่องการสร้างความมั่งคั่งต่อไปได้ในอนาคตเป็นลำดับนั่นเอง!!
-------------------------
การพัฒนาประเทศเริ่มจากพื้นฐานที่มั่นคง
และค่อยสร้างเศรษฐกิจที่สูงขึ้นตามลำดับ
-------------------------
“การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา
เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป”
*** พระบรมราโชวาทของในหลวง ร.9 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 ธันวาคม 2516
-------------------------
รางวัลจากสหประชาชาติ
-------------------------
- นอกจากนี้ ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 นายโคฟี อานัน เลขาธิการสหประชาชาติในเวลานั้น ได้ให้รางวัลการพัฒนามนุษย์แก่ในหลวง ร.9
- โดยระบุว่า แนวคิดและโครงการของพระองค์ยังประโยชน์แก่ผู้คนนับล้าน และ ช่วยทำให้ชาวโลกหันกลับมามองแนวทาง #การพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่นนี้อีกครั้ง ในเวลาที่โลกกำลังประสบปัญหาเรื่องของทุนนิยมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก
อ้างอิงจากเวปไซท์สหประชาชาติ:
https://www.un.org/press/en/2006/sgsm10479.doc.htm
-------------------------
*** สุดท้ายนี้ ธนาธรและพรรคพวกอีกจำนวนมาก จะโจมตีระบบราชการ ระบบทุน ทหาร-ตำรวจ ก็ทำไป หลายประเด็นเราไม่ได้ขัดแย้ง และเห็นตรงกันด้วยว่าควรต้องเปลี่ยนแปลงเสียใหม่
*** แต่การพูดในทำนองให้ประชาชนเข้าใจว่าระบบเหล่านี้มาจากความผิดของสถาบันกษัตริย์ และหาทางดิสเครดิตทุกอย่างที่ในหลวง ร.9 ท่านทำเพื่อราษฎรมาตลอดทั้งชีวิตของท่านนั้น
ถือเป็นเรื่องที่สกปรกและยอมรับไม่ได้!!!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |