ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) งานด้านเศรษฐกิจอยู่ในการดูแลของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี แบบเบ็ดเสร็จ!!!
ไม่ว่าจะการคิดนโยบาย การกำกับดูแล "บิ๊กตู่" มอบให้ "สมคิด" ดูแล โดยไม่เข้ามาก้าวก่ายหรือแทรกแซงใดๆ
จะเรียกว่า "บิ๊กตู่" เชื่อมือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หรือถึงขั้นชื่นชมการทำงานก็ไม่แตกต่างกันนัก
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 มีจำนวน 5 คน ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, วิษณุ เครืองาม, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ อนุทิน ชาญวีรกูล
โดยความเข้าใจกัน พล.อ.ประวิตร กำกับดูแลด้านความมั่นคง "สมคิด" กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ และ "วิษณุ" กำกับดูแลด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นเนื้องานเดิมในยุค คสช.
หากแต่ในทางปฏิบัติ กรณีของนายสมคิดอาจมีปัญหา เพราะปัจจุบันกระทรวงเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในการดูแลของพรรคพลังประชารัฐทั้งหมด แต่กระจายอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยด้วย
โดยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่กับพรรคภูมิใจไทย
กระทรวงเศรษฐกิจจริงๆ ที่ยังเหลืออยู่กับพรรคพลังประชารัฐ มีเพียงกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
การจะกำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดเฉกเช่นเดิมยังเป็นเรื่องยาก เพราะทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยต่างมีรองนายกรัฐมนตรีของตัวเอง
โดยเฉพาะ "จุรินทร์" ที่นอกจากเป็นรองนายกรัฐมนตรี ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจอย่าง พาณิชย์อีกด้วย ดังนั้น จึงเป็นที่แน่นอนว่าจะกำกับดูแลเอง ไม่ยอมอยู่ภายใต้นายสมคิดที่มีศักดิ์เท่ากัน
เช่นเดียวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกหนึ่งกระทรวงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ "จุรินทร์" จะกำกับเอง
ที่สำคัญ แนวคิดของนายสมคิดกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เรื่องนโยบายเป็นไปคนละทาง ชนิดตรงข้ามกัน
ไม่ต่างจากพรรคภูมิใจไทย แม้ "สมคิด" จะมีความสัมพันธ์อันดีมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเคยร่วมงานกันสมัยรัฐบาลไทยรักไทย แต่ขึ้นชื่อ "เนวิน ชิดชอบ" ผู้มากบารมีในพรรค ย่อมไม่ต้องการให้ "สมคิด" มาจุ้นจ้านกับงานของพรรค
ดังนั้น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข
การจะเรียกว่า "สมคิด" เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงอาจไม่ค่อยถูกนัก แม้แต่ "สมคิด" เองก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านนี้อยู่หรือไม่
ซึ่งการไม่สามารถกำกับดูแลได้ทั้งหมด อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ในส่วนงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล
การเสนอตั้ง "ครม.เศรษฐกิจ" ของ สมคิด ที่มีไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งระบุว่า เพื่อต้องการให้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่มาจากคนละพรรคให้เป็นเนื้อเดียวกัน จริงแล้วคือการแก้เกม
โดยเฉพาะการให้ "บิ๊กตู่" เป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจแทนที่ "สมคิด" จะเป็นเอง นั่นเพราะ "สมคิด" รู้ว่าสถานะตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลได้
แต่การให้ "บิ๊กตู่" นั่งเป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจนั้น ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีน้ำหนักและสามารถสั่งการได้แน่นอน โดยมีสมคิดเป็นมันสมอง เวลาคิดหรือจะดำเนินการอะไรเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ
นายกฯ จะเป็นดัง "ข้อต่อ" ให้นโยบายเศรษฐกิจยังอยู่ในการคอนโทรลของแกนนำรัฐบาล
ซึ่ง "บิ๊กตู่" เองน่าจะรับข้อเสนอนี้
ถือเป็นการปัดฝุ่น "ครม.เศรษฐกิจ" ที่หายไปนานในยุคของ คสช. ที่ไม่จำเป็นต้องมี เพราะอยู่ในการควบคุมของนายสมคิดทั้งหมด แต่ครั้งนี้ต้องทำ
เพราะสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเชื่อมือ "สมคิด" ที่ช่วยกันปลุกปั้นงานด้านนโยบายเศรษฐกิจมาตลอด 5 ปี.
"การให้บิ๊กตู่เป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจแทนที่สมคิดจะเป็นเอง นั่นเพราะสมคิดรู้ว่าสถานะตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลได้ แต่การให้บิ๊กตู่นั่งเป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจนั้น ในฐานะผู้นำรัฐบาลมีน้ำหนักและสามารถสั่งการได้แน่นอน โดยมีสมคิดเป็นมันสมอง เวลาคิดหรือจะดำเนินการอะไรเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ นายกฯ จะเป็นดังข้อต่อให้นโยบายเศรษฐกิจยังอยู่ในการคอนโทรลของแกนนำรัฐบาล"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |