“พล.อ.ประวิตร” โผล่ร่วมปิดสัมมนาพรรคพลังประชารัฐที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท วังน้ำเขียว ชี้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน! เตือนอย่าแบ่งก๊กแยกก๊วนอีก ถ้าสามัคคีอยู่ยาว 4 ปีแน่ แต่ยังกั๊กสมัครสมาชิกแบบอารมณ์ดี “สมศักดิ์” โวตอนนี้ พปชร.หลอมรวมเป็นแก้วที่ตกผลึกแล้ว วีระกรแนะ “ลุงป้อม-ลุงตู่” ยิ้มรับอภิปรายเหมือนยุค “ป๋าเปรม” อย่านอตหลุดเชื่ออยู่ถึง 4-12 ปีแน่ เผยเตรียมทีมตอบโต้เร็ว 20 รายไว้พิทักษ์นายกฯ แล้ว “เพื่อไทย” รับต้องให้ฝ่ายกฎหมายเคาะก่อนอภิปรายคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแล้ว
เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่งานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และแกนนำพรรค พร้อมนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาให้การต้อนรับ
โดย พล.อ.ประวิตรได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาจากกรุงเทพฯ มาลงที่ค่ายสุรนารี ก่อนนั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุน ทะเบียน ฌบ 7902 กรุงเทพมหานคร มาที่รีสอร์ต โดยใช้รถส่วนตัวไม่ได้ใช้รถประจำตำแหน่ง และไม่มีรถนำ ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและสวมกอดทักทาย ส.ส.พรรค พปชร.
เมื่อมาถึง พล.อ.ประวิตรได้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับบรรดา ส.ส.พรรคพร้อมพูดคุยถึงการเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยนายวีระกรแจ้งว่า พปชร.ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแถลงนโยบายไว้แล้วไม่ต้องเป็นห่วง มีทีมที่เตรียมไว้ทั้งการอภิปรายเรื่องส่วนตัวและเรื่องคุณสมบัติ โดยให้คอยช่วยกัน ส่วนเรื่องเนื้อหาสาระนั้น พล.อ.ประวิตรตอบเองก็จะเก่งที่สุด เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุด
“สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องอารมณ์ในระหว่างที่มีการอภิปราย ขอให้ พล.อ.ประวิตรใจเย็นๆ ยิ้มอย่างเดียวก็ชนะใจแล้ว กินน้ำแข็งเยอะๆ ในการอภิปราย เรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และของท่านอาจโดนเยอะหน่อย ซึ่งต้องใจเย็นๆ ขอให้มีหน้าตาสดใสเหมือนกับที่เดินทางมาในวันนี้ นั่งยิ้มแบบนี้ตลอดการอภิปรายก็ถือว่าเป็นเรื่องดี” นายวีระกรกล่าวกับ พล.อ.ประวิตรกล่าว
และในเวลา 08.55 น. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานพิธีปิดสัมมนา "เสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (เขี้ยวและเล็บ)" โดยกล่าวปิดว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานปิดการสัมมนาในวันนี้ ขอชื่นชมคณะกรรมการบริหารพรรค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เล็งเห็นความสำคัญของเพื่อนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้นจึงได้จัดสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับทักษะการเป็นผู้นำทางการเมือง เพื่อสามารถนำทักษะดังกล่าวนี้ไปประยุกต์ใช้ทั้งในและนอกสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับบุคลากรภายในพรรคของเรา ครอบครัวของเราครอบครัวเดียวกัน
"ครอบครัวพลังประชารัฐเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมพลังของภาคประชาชนกับภาครัฐเข้าด้วยกัน ถือเป็นการรวมพลังเพื่อนำพาประเทศชาติให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน พร้อมร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนตลอดไป" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังปิดสัมมนาพรรคว่า การรับมืออภิปรายแถลงนโยบายนั้น เป็นเรื่องของพรรค พปชร. วันนี้เพียงมาให้กำลังใจเฉยๆ ในฐานะผู้สนับสนุนพรรค พปชร. ทั้งนี้ไม่กังวลใดๆ ในการแถลงนโยบายรัฐบาล
บิ๊กป้อมยิ้มร่าถก พปชร.
เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่าไม่ตอบ รอให้การอภิปรายแถลงนโยบายเสร็จสิ้นเสียก่อน เมื่อถามย้ำว่าหลังแถลงนโยบายจะสมัครใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่รู้ ยังไม่ตอบ
ถามว่ากังวลที่ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายประเด็นคุณสมบัติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นการอภิปรายนโยบายจะไปซักฟอกอะไร คุณสมบัติตนเองเป็นอย่างไร คุณสมบัติครบ แล้วจะมาอภิปรายอะไร
ทั้งนี้ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่าหลัง พล.อ.ประวิตรปิดสัมมนา ได้เชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุมเหลือเพียงรัฐมนตรีและ ส.ส.ภายในห้องประชุม จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้พูดกับ ส.ส.ว่าขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว จากนี้ไปขออย่าให้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอีก นอกจากนี้ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมา และขอบคุณที่มากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึงความร่วมมือ ส่วนการที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้น ไม่ต้องกลัวถ้าทุกคนร่วมมือกันอยู่อย่างนี้ก็จะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ให้ได้ถึง 4 ปี การที่มาวันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุนที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้ ส่วนเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จจะพิจารณาเรื่องการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ขณะที่เรื่องการอภิปรายที่ขอให้ตนเองใจเย็นอย่านอตหลุดนั้น ก็จะนั่งยิ้มอย่างเดียวไม่ตอบโต้ และจะไปเตือนนายกฯ ให้ยิ้มด้วย ไปบอกว่าน้องๆ ฝากมาบอกว่าอย่านอตหลุด
หลัง พล.อ.ประวิตรพูดเสร็จสิ้น นายสมศักดิ์ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน ส.ส.พรรคพร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้พรรคอาจมีความเห็นที่หลากหลาย มีกลุ่มมีก๊วนจนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่วันนี้ยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อนวันนี้ก็เกิดการหลอมรวมเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน เมื่อพรรค พปชร.เป็นแกนนำรัฐบาลแล้วจะรักษาขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดจากผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี ต่อไปนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าและรักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุดให้อยู่ได้นาน 4-12 ปี
ขณะที่นายวีระกรกล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์รับฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วยความนิ่ง และนำสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายไปแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกับสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรมที่รับฟังคำแนะนำปัญหาไปแก้ไข จนทำให้รักษารัฐบาลอยู่ได้อย่างยาวนาน
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังคงเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยตอบคำถามสั้นๆ ถึงการไปร่วมสัมมนาพรรค พปชร.ว่าไม่ไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง
ต่อมานายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงการที่ พล.อ.ประวิตรมาร่วมสัมมนาว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ท่านได้มาพบปะพูดคุยกับพวกเรา เพราะก่อนหน้านี้พรรคยังไม่มีโอกาสได้พบปะหารือกับท่านเลย ซึ่งพรรค พปชร.เป็นพรรคใหม่ แต่วันนี้เราได้เริ่มงานแล้ว เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้วและสามารถนำมาใช้งานเป็นประโยชน์กับประชาชนได้ แต่ก่อนจะมาเป็นแก้วมันคือเศษหินเศษดินทราย วิธีการทำแก้วต้องผ่านการหลอมด้วยความร้อนและสารเคมี ในขณะที่หลอมมันจะมีปัญหาบ้าง และต้องใช้ความร้อนที่แตกต่างกัน วันนี้หลอมแล้วออกมาคือพรรคพลังประชารัฐ อยากให้ทุกคนในพรรคประคองแก้วชิ้นนี้ให้ได้นานที่สุดเหมือนอายุของรัฐบาล
“แก้วมันอาจแตกร้าวได้ แต่หากเราประคองดีๆ มันก็จะอยู่ได้นาน เหมือนรัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำ หากทุกคนในพรรคและรัฐบาลมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน แก้วใบนั้นจะแข็งแกร่ง และเมื่อประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐบาลที่ทำงานตามนโยบายที่วางเอาไว้ ก็จะยิ่งเป็นเกราะอีกชั้นหนึ่ง และผมเชื่อว่าแก้วเมื่อผ่านการหลอมแล้วจะไม่กลับไปเป็นเศษดินเศษทรายอีก” นายสมศักดิ์กล่าวและว่า วันนี้พรรคผ่านพ้นช่วงของความขัดแย้งไปแล้ว ไม่สมควรที่จะมีกลุ่มอะไรหรือใครให้น่าลำบากใจอีก
ข้องใจที่ประชุม-ใช้ ฮ.
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งข้อสังเกตถึงสถานที่พรรค พปชร.ใช้จัดสัมมนาว่า รีสอร์ตดังกล่าวมีความน่าสงสัยในเรื่องคดีบุกรุกพื้นที่ในขณะที่รัฐบาลกำลังจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งควรประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่กลับทำในสิ่งที่น่าผิดหวัง ทั้งที่น่าจะมีโรงแรมหรือรีสอร์ตที่ประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมายจำนวนมาก แต่กลับเลือกเอารีสอร์ตที่กำลังมีปัญหาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ถึง 34 รายการและพบสิ่งปลูกสร้างอีก 18 รายการ เคยถูกจับกุมมาแล้วถึง 2 ครั้ง กรมอุทยานฯ กำลังสั่งให้รื้อถอนและอัยการกำลังทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึง พล.อ.ประวิตรที่เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปร่วมประชุมพรรค พปชร.ว่า เป็นการเอากำหนดการประชุมร่วมกับ พปชร.เป็นตัวตั้ง แล้วทำโครงการปฏิบัติราชการต่างจังหวัดเสริมเพื่อจะใช้เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยงานราชการหรือไม่ ซึ่งในแง่กรอบคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และแง่ความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณภาครัฐ หากนำไปใช้แก้ปัญหาภัยแล้งที่หนักสุดในรอบ10 ปี น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าหรือไม่
"ประชาชนตั้งคำถามกับ พล.อ.ประวิตรหลายครั้ง ตั้งแต่ทริปฮาวาย ไข่ปลาคาเวียร์ ทริปลพบุรีนั่งเจ็ตหรู ถ้าเครื่องบินเจ็ต เฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะส่วนตัวหรือยืมเพื่อนมา สังคมก็ควรได้รับคำตอบ แต่ถ้าเกี่ยวเนื่องกับเรื่องงบประมาณของรัฐที่มาจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทุกภาคส่วนก็มีสิทธิ์ในการตั้งคำถามและต้องได้รับคำตอบ” นายอนุสรณ์กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรค พปชร. ในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้เลือกสถานที่สัมมนา ชี้แจงกรณีเลือกรีสอร์ตดังกล่าวว่า เรารู้อยู่แล้วว่าที่ตรงนี้มีปัญหา ผู้ใหญ่ในพรรคเองก็ทักท้วงเกรงว่าจะถูกโจมตีที่มาที่นี่ ซึ่งการเลือกดังกล่าวเพื่อเป็นการสะท้อนปัญหาการกำหนดเขตพื้นที่อุทยานฯ ที่ทำหลังจากมีผู้อยู่อาศัย โดยไม่มีการกำหนดเขตให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ทุกคนรับรู้เหมือนกันให้เห็น เพราะเรื่อง ส.ป.ก.ก็เป็นนโยบายพรรค ที่เราอยากนำเสนอให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ให้ชัดเจน ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมได้หรือไม่ เอาวังน้ำเขียวเป็นตัวนำร่อง
“อยากให้มองที่เจตนาที่ต้องการให้ทุกคนรับรู้เข้าใจเหมือนกัน ถ้าต้องการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ต้องการพามาดูให้เห็น อยากให้รับรู้เมื่อเป็นนโยบายพรรค เป็นปัญหาของคน 2,400,000 ครอบครัว เราต้องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้เขา ถ้าไม่เดือดร้อนก็ทำการเกษตร และอยากถามว่าที่เป็นบ้าน ร้านค้า วัด แล้วจะทำอย่างไรในชุมชน” นายสมศักดิ์ระบุ
ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายกำหนดตัวรัฐมนตรีอยู่ในข่ายต้องถูกอภิปราย 4 กลุ่ม ว่ายังพูดอะไรไม่ได้จนกว่าจะถึงวันแถลงนโยบาย ส่วนการจัดกลุ่มอภิปรายก็ถือเป็นการเตรียมการและเป็นการทำการบ้าน รวมถึงการบริหารเวลาที่มีกว่า 10 ชม.ให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วน จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว.ก็ต้องเตรียมการ ซึ่งขณะนี้ไม่มีใครมาปรึกษาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า มีหลายคนมองว่าเนื้อหาที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิษณุกล่าวว่าแต่ละคนก็เป็น ส.ส.มาหลายสมัย ซึ่งก็ต้องระมัดระวังมากมายหลายอย่าง เพราะมีการถ่ายทอดออกอากาศ ซึ่งหากเข้าข่ายมีความผิดก็จะเป็นความผิดได้ แม้การอภิปรายในสภามีเอกสิทธิ์ไม่สามารถฟ้องร้องกันได้ แต่เราเชื่อมั่นในองค์ 4 คือ 1.เกียรติยศศักดิ์ศรีของสมาชิกรัฐสภา 2.เชื่อมั่นในประธานสภาและรองประธานสภา 3.เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์กติกา และ 4.เชื่อมั่นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การพูดกันเอง 750 คน แต่พูดกับคนทั้งประเทศ ดังนั้นทุกคนก็ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เปิด 20 ส.ส.ตอบโต้เร็ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า "อย่าทิ้งผม อย่าให้ผมพูดคนเดียว" เป็นการสะท้อนถึงความกังวลของนายกฯ ในการแถลงนโยบายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ได้สะท้อนอะไร นายกฯ อาจเปรยขึ้นมาเล่นๆ หรือพูดจริงบ้าง ซึ่งนายกฯ จะสื่ออะไรไม่ทราบและไม่ได้ยินประโยคดังกล่าว
นายวีระกรกล่าวถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า พรรคได้เตรียม ส.ส. 20 คนเป็นทีมตอบโต้แบบรวดเร็วในสภา หากมีการอภิปรายนอกประเด็นจะสวนกลับในทันที ซึ่งพรรคยืนยันว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายในเนื้อหาสาระก็จะปล่อยให้ดำเนินไปตามปกติ ไม่ประท้วงอะไรทั้งนั้น แม้ว่าจะต่อว่านโยบายรัฐบาลว่าไม่ดีก็ทำได้เต็มที่ อันไหนไม่ดีก็ว่าได้เลย เราไม่ประท้วงแน่
นายวีระกรกล่าวว่า ส่วนที่พรรค พท.จะอภิปรายโจมตีหรือพูดนอกประเด็น ที่จะเจาะจงอภิปรายรายบุคคลในเชิงลึกทั้งนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี เราก็เตรียม ส.ส.ทั้ง 20 คนไว้ตอบโต้แล้ว ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) คาดว่าเขาจะพูดในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และอาจพูดถึง คสช.ที่ผ่านมา หรือหยิบยกประเด็นการทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตอบได้ เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เราไม่หนักใจ เพราะพรรค อนค.เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะพูดอยู่ในกรอบ
สำหรับ 20 ส.ส.ชุดเคลื่อนที่เร็วประกอบด้วย นายวีระกร, น.ส.ภาดา วรกานนท์ ส.ส.กทม., น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม., นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม., นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม., นายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม., นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม., นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี, น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี, นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชัยวุฒ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร, นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์, นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง
ที่อาคารสุขประพฤติ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้จัดสัมมนา ส.ว.เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าการจัดสรรเวลาให้อภิปราย 2 วันจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลาดังกล่าวไม่รวมเวลาประท้วงของ ส.ส.แต่ละฝ่าย รวมถึงไม่นับรวมเวลาที่นายกฯ นำเสนอนโยบาย ดังนั้นจึงกังวลว่าเมื่อเวลาใกล้หมด ส.ว.ที่อยู่ในลำดับท้ายๆ อาจไม่ได้อภิปราย
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.กล่าวว่า ในวันที่ 23 ก.ค. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาจะเรียกตัวแทนของ 3 ฝ่าย คือ วิปฝ่ายค้าน วิปฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.หารือ ขอให้ทบทวนการจัดสรรเวลาให้เพียงพอต่อการอภิปรายของ ส.ว.ด้วย เพราะอ่านข่าวเห็นว่ารัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีประมาณ 20-30 คนเพื่อตอบโต้ฝ่ายค้าน ซึ่งการแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวบุคคล แต่เชื่อว่าฝ่ายค้านจะอดไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เป็นห่วงคือจะใช้เวลามาก ต่อให้จัดประชุม 3 วันอาจไม่พอ
“ส.ว.ไม่มีหน้าที่อภิปรายสนับสนุนหรือปกป้องตัวบุคคล เว้นแต่อภิปรายถึงผลงานที่ผ่านมาว่าทำได้ดีอย่างไร ดังนั้น ส.ว.ควรเน้นนโยบายในเชิงให้ข้อเสนอแนะแบบผู้ใหญ่” นพ.เจตน์กล่าว
ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปราย โดยเฉพาะการอภิปรายถึงคุณสมบัติของนายกฯ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคเตรียมความพร้อมในการให้ความรู้ หากไม่ไปชี้นำก็เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา มั่นใจหากทำความเข้าใจกันทั้งหมด จะรู้ว่ากรอบในการอภิปรายสามารถทำได้เพียงใด เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก โดยในวันที่ 23 ก.ค.จะมีการประชุมร่วมวิปฝ่ายค้านของทั้ง 7 พรรคซึ่งจะชัดเจนมากขึ้น โดยพรรค อนค.ยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเข้าร่วม แต่เบื้องต้นเรามีสูตรในการคิดคำนวณด้วยกันมาตลอด ที่จะแบ่งเวลาในการขึ้นอภิปรายของแต่ละพรรคให้ลงตัวเหมาะสม
เมื่อถามถึงกรณีของ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์จะลงเล่นการเมืองในสังกัดพรรค พปชร. นายสุทินกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นสิ่งที่สังคมรับรู้มาตามลำดับ เราเองก็รับรู้มาว่า พล.อ.ประวิตรคือตัวจริง เจ้าของตัวจริง หรือคนก่อตั้งตัวจริงของพรรค พปชร. เพียงแต่จะใช้จังหวะเวลาใดในการเปิดตัว ดังนั้นเป็นเรื่องน่ายินดีด้วยซ้ำที่จะลงมาเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าเปิดตาชัดเจน เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบผ่านพรรคนั้นได้อย่างชัดเจน
ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงนายกฯ เป็นอย่างมาก จากที่ผ่านมา 5 ปี การทำงานของท่านไม่เคยมีการอภิปราย ไม่ว่าจะในสภาหรือที่ใดๆ ขนาดประชาชนทั่วไปที่เห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์ท่าน หรือ คสช. ก็มักถูกดำเนินคดีหรือถูกเรียกไปปรับทัศนคติ และเพียงแค่การตอบคำถามนักข่าว เราก็มักจะเห็น พล.อ.ประยุทธ์แสดงกิริยา คำพูดคำจาที่แสดงออกถึงความเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่บ่อยๆ จึงเป็นห่วงจริงๆ ว่าจะควบคุมอารมณ์ได้หรือไม่ แต่ก็หวังว่านายกฯ จะเรียนรู้ และปรับตัว สำหรับการทำงานครั้งแรกในระบอบประชาธิปไตยที่เจือจางไม่เต็มใบ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |