อยู่ที่ใจ...จะไขว่คว้า


เพิ่มเพื่อน    

      ความคิดด้านบวกเป็นสิ่งที่หายากมากขึ้นหรือเปล่า??? เมื่อถึงวัยที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สูงอายุ

      มันคือคำถามบนโต๊ะกินข้าวระหว่างเพื่อนฝูงที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน โดยนัดพบกันเจอปีละหน

      ถือเป็นคำถามน่าคิด และมีการอภิปรายอย่างหลากหลาย ทั้งนี้มีสาเหตุจากการที่พบว่า ระยะหลังนี้ เพื่อนในห้องไลน์และในโลกโซเชียลบางคนมักจะหาเรื่องที่จะโกรธ โมโห แสดงความไม่พึงพอใจในสังคมประเทศของตัวเอง ด้วยวิธีการนำเอาประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็ประเทศเจริญแล้วทั้งหลาย มาเปรียบเทียบว่า เขาดีกว่า เขาเจริญกว่า เขาพัฒนาไปไกลกว่า เพราะนักการเมืองและผู้บริหารบ้านเรานั้น..เฮงซวย

      ประเด็นปัญหาที่น่าสนใจคือ เพื่อนที่ชังสังคมตัวเอง และมองเห็นสังคมเพื่อนบ้านดีเลิศประเสริฐศรีนั้น ใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการวัดว่า เขาดีกว่า เจริญกว่า และพัฒนากว่า

      มาตรฐานที่ใช้วัดนั้น ใช่มาตรฐานสากล หรือมาตรฐานความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ

      เครื่องชังตวงวัด ใช้ประสบการณ์ส่วนตัว หรือประสบการณ์จากการท่องโลกอินเตอร์เน็ต แล้วเอามาบวกลบคูณหาร สรุปเองเออเอง

      ฟังไปกินไปในวันนั้น มนุษย์ป้าก็ให้รู้สึกว่า มันค่อนข้างเหมือนบรรยากาศทางการเมืองในบ้านเรายามนี้ ที่มีเด็กรุ่นหลัง เชื่อตามๆ กันว่า ประเทศไทยล้าหลัง เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย

      สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความเชื่อและความจริง ระหว่างคนสองวัยนั้น มีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันมาแต่ไหนแต่ไร จากอดีตจนถึงปัจจุบันเด็กกับผู้ใหญ่ ยากที่จะมีความคิดความเห็นสอดคล้องกัน

      แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ผู้ใหญ่บางคน กลับเลือกที่ไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ตัวเองอยู่ และตัวเองเป็น แล้วความรู้สึกเหล่านี้ก็สะสมกลายเป็นลัทธิชิงชังสังคมของตัวเองโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่กลับเชื่อว่าความคิดของตัวเองนั้นเป็นการอยากเห็นสังคมตัวเองดีขึ้น และเจริญทัดเทียมชาวบ้าน

      บอกตามตรงว่า เมื่อเห็นมนุษย์เพื่อนแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า อยากจะเอาปี๊บคลุมหัวตัวเองที่ประเทศเพื่อนบ้านเจริญกว่า มนุษย์ป้าให้คันไม้คันมือเสียเหลือเกิน อยากจะเมนต์ไปว่า...ใครห้าม!!! อายุปูนนี้แล้ว อะไรที่ทำให้มีความสุข..ทำเลย เพราะชีวิตเหลือน้อย

      555 แต่มนุษย์ป้าไม่นึกอยากจะเขียนตามอำเภอใจ เพราะอายุที่เยอะขึ้นสอนให้รู้ว่า ความคิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่ความคิดที่ผิดนั้น เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตราบเท่าที่ยังหายใจ และเปิดใจยอมรับในสิ่งต่างๆ รอบข้างเข้ามานะคะ

      มันเป็นเรื่องของอิสรภาพแห่งความคิดค่ะ เราเลือกที่จะมองว่าประเทศไทยมีมุมน่ารักมากมาย หรือเลือกที่มองว่าบ้านเรามีแต่ขยะ ...ห้ามหรือบังคับกันไม่ได้     

      สำหรับป้าเอง ขอยืนยันว่า โชคดีที่เกิดเป็นคนไทยค่ะ.

     

                                                              "ป้าเอง"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"