"ศักดิ์สยาม" แย้มข่าวดี จ่อลดค่าโดยสารสาธารณะทุกระบบ รถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย "อุตตม" ปัดเบี้ยวหั่นภาษีบุคคลธรรมดา 10% สั่งสศค.ศึกษาให้รอบด้าน ทีมเศรษฐกิจ ปชป.ปิ๊งไอเดียยกระดับท่องเที่ยวชุมชน กระตุ้น ศก.ชายแดนใต้
    เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ถนนพระราม 2 อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังปัญหาหลังชาวบ้านร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากการก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย เพื่อแก้ปัญหาจราจรให้ประชาชนเดินทางสะดวก
    นายศักดิ์สยามกล่าวว่า หลังรับฟังปัญหาทราบว่าโครงการปรับปรุงทางหลวงดังกล่าวเซ็นสัญญาปี 2561 เเละจะสิ้นสุดในปี 2563 ทราบว่าก่อนทำสัญญาบริเวณดังกล่าวมีรถไม่หนาเเน่นเท่าหลังทำสัญญา ทำให้เเผนคลาดเคลื่อน ทำให้ขณะนี้ภาพรวมก่อสร้างเเล้วเสร็จเเค่ 38% ล่าช้ากว่า 18% เพราะต้องเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภค เเต่กรมทางหลวงไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเร่งให้เสร็จภายในปลายปี 2563 ให้ได้ เเละได้จัดการปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคได้เรียบร้อยเเล้ว ส่วนทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัดพันท้ายนรสิงห์ มี 2 เเนวทางในการแก้ปัญหาแล้ว
     รมว.คมนาคมเปิดเผยว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ได้เตรียมมอบนโยบายให้กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรวม 23 หน่วยงาน ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ พร้อมทั้งสรุปการแบ่งงานของรัฐมนตรีทั้ง 3 คนด้วย ซึ่งนโยบายหลักที่กระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินการคือ การลดภาระค่าครองชีพและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดยการลดค่าโดยสารการเดินทางในทุกระบบ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และไม่เป็นภาระของรัฐบาลในอนาคต 
    ส่วนนโยบายของพรรคร่วมที่เสนอให้ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสายนั้น จะต้องมาศึกษาถึงความเป็นไปได้ โดยยืนยันว่าการลดค่าโดยสารจะมีราคาไม่ต่างจากนี้ และจะดำเนินการทันภายในปีนี้อย่างแน่นอน
    “การลดค่าโดยสาร ย่อมทำให้รัฐต้องมาอุดหนุน แต่สิ่งจำเป็นที่สุดคือการลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เช่น ที่ผ่านมาเคยมีรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี โดยหลังจากมอบนโยบายในวันที่ 30 ก.ค.นี้ จะมีข่าวดีให้กับประชาชนแน่นอน ซึ่งผมจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในการศึกษาลดค่าโดยสาร ในรูปแบบที่สมดุลและเหมาะสม ซึ่งในเรื่องนี้จะไม่ช้า เพราะผมมี KPI (ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน) ที่จะวัดประเมิน 1 เดือน ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีนโยบายในการลดค่าโดยสารในช่วงตอนหาเสียง แต่ตอนนี้อย่าพูดว่าเป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ให้ถือว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล” นายศักดิ์สยามระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายด้านคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าโดยสารนั้น คือพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายในการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่รัฐบาลลงทุนเอง 100% เป็น 15 บาทตลอดสาย ขณะที่พรรคภูมิใจไทยจะเน้นการแก้กฎหมาย และผลักดันให้ Grab ถูกกฎหมาย เพื่อหวังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับคนกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้น จะต่อยอดทุกโครงการที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้แล้วให้เป็นรูปธรรม และเสนอให้มี Bangkok Card หรือบัตรใบเดียวที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมในการเดินทางขนส่งสาธารณะทุกประเภท 
    ทางด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายของพรรคที่ไม่เป็นไปตามที่หาเสียง โดยเฉพาะเรื่องของการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาร้อยละ 10 ว่า ยืนยันว่าจะทำทันที แต่ต้องมีขั้นตอน เบื้องต้นได้สั่งการให้สำนักเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาเพื่อเตรียมการอย่างรอบด้าน ส่วนจะลดหย่อนภาษีได้ถึงร้อยละ 10 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์
    วันเดียวกัน นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า ทีมเศรษฐกิจทันสมัย นำโดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีม พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยเป็นการต่อยอดนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ภายหลังจากที่นายจุรินทร์ได้ไปร่วมรับฟังปัญหาที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) จังหวัดยะลา เพื่อหาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
    นายปริญญ์กล่าวว่า จะนำโมเดลการท่องเที่ยวชุมชนมาปรับใช้เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับจุลภาค ทั้งนี้ ทีมได้ลงพื้นที่ในจังหวัดปัตตานี เพื่อสำรวจแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พบว่าพื้นที่หลายแห่งมีศักยภาพเป็นอย่างมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญไปช่วยบริหารจัดการและจัดระบบจะสามารถทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้ และเกิดการสร้างงาน ซึ่งจากการลงพื้นที่ 2-3 ครั้ง ทำให้มีข้อเสนอที่พร้อมนำไปปฏิบัติ 3 ประเด็น คือ 1.ทำ Eco Tourism และ Green Tourism ให้เกิดในหมู่บ้านที่เป็นเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยเน้นการร่วมงานกับ Eco Tourism กับบางประเทศเพื่อทำหมู่บ้านต้นแบบ 2.ยกระดับท่องเที่ยวชุมชน ให้เป็น Preferred Luxury Village เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายสูง และ 3.พัฒนาเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนสามจังหวัดชายแดนใต้ เน้นเรื่อง Peace Tourism เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว
    นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการพัฒนาสินค้าท้องถิ่น การพัฒนาสินค้าฮาลาลที่ต้องนำออนไลน์มาช่วย การแก้ปัญหาประมง และสินค้าเกษตรที่ทางทีมเศรษฐกิจทันสมัย พร้อมจะเป็นคลังสมองให้กระทรวงที่พรรครับผิดชอบนำไปใช้เพื่อยกระดับชีวิตผู้คน โดยเชื่อว่าหากประชาชนในท้องที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความสงบในพื้นที่ได้
    ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต จ.ภูเก็ต นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวรณรงค์การขับเคลื่อนกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ.2561 ภายใต้แนวคิด “สถานที่จำหน่ายอาหารสะอาด ปลอดภัย ผู้บริโภคสุขภาพดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย”
    นายสาธิตกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ.2561 โดยทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำกับดูแลสุขาภิบาลร้านอาหาร ภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านข้าวแกงก๋วยเตี๋ยว สตรีทฟู้ด ร้านกาแฟและเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารมีความรู้ สามารถปรุง ประกอบอาหารที่สะอาด ปลอดภัยจากการปนเปื้อนเชื้อโรค สารเคมี หรือโลหะหนัก สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว.