หลังคณะรัฐมนตรี-รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นก็จะไปเป็นตามสเต็ป คืออังคารนี้23 ก.ค. จะไม่มีการประชุมครม.เพราะต้องรอให้เสร็จสิ้นขั้นตอนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาช่วง 25-26ก.ค.เสร็จก่อน โดยนายกรัฐมนตรีได้นัดประชุมครม.เต็มรูปแบบนัดแรกอังคารที่ 30ก.ค.

มีกระแสข่าวในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลว่า การประชุมครม.เต็มรูปแบบนัดแรกดังกล่าว วาระสำคัญก็คือการตั้ง”ข้าราชการการเมือง”โดยเฉพาะตำแหน่งหลักๆ เช่นโฆษก-รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหรือโฆษกรัฐบาลนั่นเอง รวมถึงคาดว่ารัฐมนตรีแต่ละคน แต่ละกระทรวงจะเสนอรายชื่อ”กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี-เลขานุการรัฐมนตรี-รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี”ให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบ เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องผ่านครม.และมีเงินเดือน-เงินประจำตำแหน่งให้หลายหมื่นบาท ซึ่งขณะนี้หลายกระทรวง รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง แต่ละพรรค ก็ทำโผเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าจะให้ใครมาเป็นทีมงานหน้าห้อง

อย่างไรก็ตาม การทำโผดังกล่าว ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะในการเป็นรัฐบาลผสม 19 พรรคการเมือง ตอนตั้งรัฐบาล บรรดา แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปเที่ยวทาบทาม รับปาก แต่ละพรรค ทั้งพรรคกลาง-พรรคเล็ก กันไว้มากมาย ว่าขอให้มาร่วมตั้งรัฐบาล จะมี”สิ่งตอบแทน”ให้หลายโปรโมชั่น

โดยโปรโมรชันแรก ข่าวว่าบรรดาพรรคเล็ก ที่มีส.ส. 1-3 คน ได้กันไปครบหมดแล้ว หลายพรรค”ปิดบัญชีค่าใช้จ่ายการเลือกตั้ง”เสร็จเรียบร้อย ส่วนโปรโมรชั่นที่หลายพรรคโดยเฉพาะพวกพรรคเล็กที่มีส.ส. 1-3 คน กำลังรอติดตามทวงถามอยู่ก็คือ พวกเก้าอี้การเมืองทั้งหลาย ที่บรรดาแกนนำรัฐบาลพลังประชารัฐโดยเฉพาะ”ผู้กองคนดังแห่งพลังประชารัฐ” รับปากไว้ ว่าจะให้ ทั้งเก้าอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี-เลขานุการรัฐมนตรี แม้แต่พวก”ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาฯ “ที่พลังประชารัฐ จะเอาโควตาพรรค มาให้กับพวกพรรคพันธมิตรฯ ตลอดจน “โควตาเก้าอี้บอร์ดรัฐวิสาหกิจ” เพื่อแลกกับการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และการเป็น”เด็กดี”ห้ามออกมาเรียกร้องทวงเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งข้อตกลงทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี หลังก่อนหน้านี้ เคยมีบางพรรคในกลุ่มพรรคเล็ก ออกมาก่อหวอด ทวงเก้าอี้รัฐมนตรี แต่พอเจอ”ธรรมมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ” ไปเคลียร์กลางโรงแรมแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว เสียงโหวกเหวก ก็เงียบหาย หายซ่าทันที

จนกระทั่งเมื่อการตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น และเริ่มจะมีการโผข้าราชการการเมือง ในกระทรวงต่างๆ การส่งสัญญาณทวงถามเริ่มดังขึ้นๆ เรื่อย ตามสไตล์นักการเมือง หลังมีกระแสข่าว รัฐบาล จะเอาตำแหน่งการเมืองต่างๆ ให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบ อังคารที่30ก.ค. เลยทำให้บรรดาพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเล็ก “กลุ่มสิบพรรค”เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

จนเป็นที่มาของการที่ “กลุ่มสิบพรรค”ส่งตัวแทน เอาโผรายชื่อ คนที่พรรคตัวเองจะส่งให้ไปเป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ไปให้กับ”บิ๊กรัฐบาล”คนหนึ่ง

โผดังกล่าว กลุ่มสิบพรรคเล็ก ทำซองน้ำตาล เสนอชื่อบุคคลที่กลุ่มสิบพรรค จะให้ครม.ตั้ง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยใช้วิธี “หนึ่งพรรคหนึ่งคน”เท่ากับเสนอไปแล้วสิบคน ทั้งที่ รัฐมนตรีมีแค่ 35คน เท่ากับจะทำให้รัฐมนตรีจากแต่ละพรรคการเมือง เช่นพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย อาจไม่สามารถตั้งคนจากพรรคตัวเองไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีได้ อีกทั้งโดยธรรมชาติ รัฐมนตรีแต่ละคน ก็คงไม่สะดวกใจที่จะให้คนจากพรรคการเมืองอื่นมาทำงานกับตัวเอง มารู้ความลับ เห็นความเคลื่อนไหวต่างๆ ในกระทรวง เพราะคงไว้ใจไม่ได้มากเหมือนกับตั้งคนจากพรรคตัวเองมาเป็นทีมงาน

ผลก็คือ การนัดส่งโผรายชื่อผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่กลุ่มสิบพรรค เอาชื่อคนของพรรคตัวเองพร้อมประวัติต่างๆ ไปให้ส่งให้”บิ๊กรัฐบาล”คนดังกล่าว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา เลยทำให้ ตอนแรกที่คิดว่า พอส่งแล้ว จะได้คำตอบทันทีเลยว่า โอเค ไม่มีปัญหา ก็ปรากฏว่า บิ๊กรัฐบาล คนดังกล่าว ตอบว่า “รายชื่อยังไม่นิ่ง โควต้าเกินมา ต้องส่งให้นายกฯตัดสินใจ แต่จะเอาข้อเสนอทั้งหมดไปหารือกับนายกฯ ” จากนั้นกลุ่มสิบพรรค ก็แยกย้ายกันออกจากเซฟเฮ้าส์ของบิ๊กรัฐบาลคนดังกล่าว พร้อมกับส่ายหัวนิดๆ หลังดูแล้ว งานนี้หลายคนอาจต้องผิดหวัง

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า บิ๊กรัฐบาล ที่รับหน้าที่ทำโผการเมืองต่างๆ ก่อนเอาชื่อเข้าที่ประชุมครม. มีคนบอกว่า เห็นรถหลายคันของนักการเมืองจากกลุ่มสิบพรรค วิ่งเข้า-วิ่งออก แถวๆ สำนักงานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และคนที่มาพูดคุยกับ กลุ่มสิบพรรค เพื่อรับโผการเมืองต่างๆ ก็มีคนบอกว่าหน้าคล้ายๆ “บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ซึ่งคงไม่ใช่แค่กับกลุ่มสิบพรรค แต่น่าจะทำกับอีกหลายพรรค หลายตำแหน่ง เพื่อกลั่นกรองชื่อ ก่อนส่งให้ นายกฯพิจารณา

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้พลเอกประวิตร จะเหลือแค่เก้าอี้ รองนายกฯ ไม่ได้เป็นรมว.กลาโหม แต่ก็ยังแสดงให้เห็นว่า บิ๊กป้อม ยังไง ก็ยังเป็น ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง.