16 ก.ค.62- เพจ Gossipสาสุข โพสต์ข้อความระบุว่า บุคลากรสาธารณสุขกุมขมับ! แผน “อนุทิน” ตั้ง อสม.เป็นผู้เผยแพร่ “กัญชา” ทั้งที่ สธ.ยังมีเรื่องอื่นให้ทำอีกแยะ
จบลงไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับงานคิกออฟสัมมนาเชิงปฏิบัติการ“กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์” ที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เดินทางไปเปิดงานเองเมื่อวันศุกร์ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา
งานนี้ไม่ใช่น่าจับตาเฉพาะตัวอนุทินอย่างเดียวแต่ต้องโฟกัสไปที่บรรดาผู้บริหารกระทรวงหมอทั้งหลายต่างพากันไปยืนต้อนรับรัฐมนตรีใหม่กันพรึ่บพรั่บ
ที่เห็นหน้าชัดๆก็เช่นหมอสุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวง นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (ตัวเก็งว่าที่ปลัดฯคนต่อไป) และ นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัด
นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมของบรรดาเซเล็บ “กัญชา supporter” ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา จากคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จาก ม.รังสิต, ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ จากสภาเกษตรกร หรือ รสนา โตสิตระกูลซึ่งก็น่าเสียดายที่บรรดาผู้สนับสนุนกัญชาเสรี ยังมีเฉพาะคนหน้าซ้ำไม่สามารถขยายวงกว้างออกไปไกลกว่านี้ได้
ทั้งที่เอาเข้าจริง หากจะออกเป็นกฎหมายขับเคลื่อนกันเป็นวาระทางสังคม คนจำนวนนี้ไม่พอแน่นอน โดยเฉพาะองคาพยพที่สำคัญที่สุด ที่อนุทินต้องการ คือบรรดา“หมอ” ซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบการใช้ “กัญชาทางการแพทย์” โดยตรง ให้เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ไม่ใช่มีแค่หมอระดับ “หัวๆ” ในกระทรวงสาธารณสุข (ที่ต้องเอาใจนายใหม่) แต่ควรขยายไปครอบคลุมถึงราชวิทยาลัยแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงสภาวิชาชีพต่างๆ ให้เห็นดีเห็นงามด้วย
นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปลายปีที่ผ่านมา ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เพิ่งแถลงจุดยืน แสดงความกังวลว่า กัญชาทางการแพทย์ มีฤทธิ์รบกวนการทำงานของสมอง และเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการทางจิตเวชได้
หรือราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ก็ออกแถลงการณ์แสดงความกังวล เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยระบุว่า แม้สาร THC ในกัญชา จะสามารถลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือลดปวดได้ และสาร CBD ในกัญชาจะลดปวด และลดอาการชักได้ แต่ก็มีเปเปอร์ในออสเตรเลีย และในแคนาดา ที่เน้นย้ำว่าการใช้กัญชา ควรเป็นทางเลือกท้ายๆ เมื่อการรักษาอื่นไม่ได้ผล
นอกจากนี้ ยังมีข้อแนะนำจากราชวิทยาลัยจิตแพทย์ด้วยว่าผลระยะยาวของการ “เสพกัญชา” สัมพันธ์กับการเกิดโรคจิต การฆ่าตัวตาย การติดยา สมองฝ่อ ความคิดความจำผิดปกติ เส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ถุงลมโป่งพอง และมะเร็งอัณฑะ
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า “กัญชา” ไม่ได้เป็นยาวิเศษ เพียงแต่สามารถใช้ทางการแพทย์ เฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด,โรคลมชักรักษายากในเด็ก, โรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา,ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และอาการปวดประสาท
ขณะเดียวกัน โรคที่ “น่าจะ” ได้ประโยชน์ ก็เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ ปลอกประสาทอักเสบ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง และผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายๆ
เท่าที่Gossipสาสุขถามไถ่มาบรรดาหมอๆ หลายคนดูจะไม่กล้าออกตัวแรง เพราะดูการเร่งเครื่องของ“เสี่ยหนู” แล้วยังเกิดคำถามขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ “จำกัดวง” กัญชาให้อยู่เฉพาะการแพทย์ โดยเคลมว่ารักษา “ครอบจักรวาล” ทั้งที่กัญชาในทางการแพทย์ก็ยังมีขอบเขตเฉพาะบางโรค และไม่ได้มีข้อจำกัดที่สามารถใช้ได้กับทุกคน
ไปจนถึงความ “ย้อนแย้ง” ระหว่างการเป็น “พืชเศรษฐกิจ” กับการทำให้กัญชาถูกใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งขัดกันเองโดยสิ้นเชิง
และแม้จะเคลมว่ามี 12 องค์กรสนับสนุนแต่ในทางการแพทย์เอาเข้าจริงอาจารย์ผู้ใหญ่ รวมถึงหมอในโรงเรียนแพทย์ หมอในโรงพยาบาลชุมชนอีกจำนวนมาก ไม่ได้คิดว่าต้องทำเรื่องนี้ให้ “เอิกเกริก” ขนาดนั้น
เพราะในระบบสาธารณสุขยังมีงานจำเป็นเร่งด่วนมากกว่าอีกหลายอย่าง ตั้งแต่การแก้ปัญหางบประมาณในระบบ การบรรจุบุคลากร หรือการจัดการระบบหลักประกันสุขภาพ
แต่ดูเหมือนเสี่ยหนูและทีมงานจะมุ่งไปทางเดียว คือพยายามเอาทรัพยากรทุกอย่างทุ่มไปทั้งหมด และเตรียมใช้สรรพกำลังถึงขั้นประกาศว่าจะอบรมการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์โดยเริ่มต้นจากการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศให้ทำหน้าที่“โปรโมต” กัญชา เสมือนหนึ่งว่าเป็น “ทูตกัญชา” ด้วยการทดลองปลูกในบ้าน ในครัวเรือนของตัวเองก่อน
น่าสนใจอีกอย่างก็คือนอกจากอสม.จะมีหน้าที่โปรโมตกัญชาแล้วกระทรวงหมอยุคภูมิใจไทยยังติดอาวุธให้ อสม. มีบทบาทเป็น“หมอพื้นบ้าน” โดยเพิ่มเงินเดือนจาก 1,000 บาทให้เป็น 5,000 บาทอีกด้วย
เท่ากับว่า อสม.ล้านคนจะมีบทบาทสำคัญยิ่งยวดและได้รับ “ซีน” สำคัญในนโยบายหลักของภูมิใจไทยเกือบทั้งหมด โดยที่บรรดาหมอพยาบาลต่างก็พากันมองอยู่ห่างๆ
ในความไม่ชัดเจน ก็มีความชัดเจนอยู่บ้าง เพราะในที่สุด อนุทิน ก็ “จำกัดวง” กัญชาเป็นที่เรียบร้อยตัดคำว่าเพื่อการ“นันทนาการ” ออกทั้งที่นโยบายดราฟท์แรกที่ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้นมีคำว่า “นันทนาการ” เขียนอยู่ชัดๆ แต่คราวนี้ เน้นย้ำ เป็นเรื่อง “การแพทย์” ล้วนๆ
ทั้งหมดนี้ Gossipสาสุข ติเพื่อก่อ เพราะยังเห็นประโยชน์จากการใช้กัญชาในการรักษาโรค แต่ไม่เห็นด้วยกับการทำให้ถนนทุกสายมุ่งสู่กัญชา โดยไม่มองไปถึงปัญหาอื่นในระบบสุขภาพ ที่มีอีกร้อยแปด
หากตั้งใจจะทำเรื่องกัญชาให้เป็นวาระระดับชาติ ก็ควรเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ประกาศแต่หัวข้อ ให้แฟนคลับดีใจ แต่เนื้อในยังจับต้องไม่ได้ และมีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด
หวังว่า “เสี่ยหนู” และพรรคภูมิใจไทย จะมีเวลากลับไปนั่งคิดดีๆ อีกครั้ง ยกเว้นแต่จะมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝง ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเท่านั้นเอง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |