มอบตัวแล้ว มือทุ่มกระถางฆ่าลูกน้อง แจ๊ส ชวนชื่น ที่แท้หลบอยู่ในป่าหลังบ้าน อ้างไม่เจตนาฆ่า แต่ป้องกันตัว ตำรวจพบมีคดียาเสพติดพ่วง ส่งฝากขังไร้ญาติยื่นประกันคอตกเข้าเรือนจำ แม่ขอความเป็นธรรมลูกสะสมความเครียด เหตุจากรถบ้านตลกดังชอบจอดปิดทางเข้าออก
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ นายเสฏฐวุฒิ จิรัฐยารังษี ผู้ต้องหาฆ่านายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี ลูกน้องนายผดุง ทรงแสง หรือแจ๊ส ชวนชื่น ตลกดัง เข้ามอบตัวตำรวจ สน.มีนบุรี โดยมีมารดาและภรรยาเดินทางไปด้วย จากการสอบสวนเบื้องต้น นายเสฏฐวุฒิให้การรับว่าฆ่านายพรชัยจริง แต่เป็นการป้องกันตัวเนื่องจากผู้ตายบุกรุกเข้ามาในบ้าน เกรงภรรยาและลูกจะไม่ปลอดภัยจึงเกิดการต่อสู้กัน
ตำรวจได้สอบปากคำนายเสฏฐวุฒินานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้ผู้ต้องหากลับเข้าห้องควบคุม ขณะที่ภรรยาและแม่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่ายังไม่พร้อม
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวว่า หลังจากสอบสวนตลอดทั้งคืน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าทำร้ายร่างกายนายพรชัยจริง แต่อีกฝ่ายมาหาเรื่องก่อน ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำไปเพื่อป้องกันตัว ซึ่งคำให้การดังกล่าวค่อนข้างขัดกันกับฝ่ายแจ๊ส ชวนชื่น แต่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำประจักษ์พยานเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบคราบเลือดบนพื้นถนน เพื่อหาข้อสรุป นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการเคลื่อนย้ายศพไปไว้หน้าบ้านแจ๊ส ในส่วนนี้ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่นายเสฏฐวุฒิต่อไป จากการตรวจสอบประวัติ ทราบว่านายเสฏฐวุฒิเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่ได้ไปรายงานตัวในชั้นศาลจังหวัดมีนบุรี จากนี้พนักงานสอบสวนจะทำเรื่องอายัดตัวดำเนินคดีค้างเก่าไปพร้อมกัน
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ยังกล่าวถึงข่าวที่ระบุว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น เบื้องต้นยังไม่มีรายงาน แต่หากผลการสอบสวนพยานแวดล้อมพบว่ามีการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวจริง ก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น
ด้านแม่ของนายเสฏฐวุฒิที่เดินทางไปเยี่ยมลูกชาย กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกับอีกฝ่ายเรื่องจอดรถขวางทางเข้าบ้าน ชอบเอารถมาจอดปิดขวางหน้าบ้านลูกชาย แม้จะเขียนกระดาษติดไว้ก็ยังคงเจอเหตุการณ์นี้เหมือนเดิม เมื่อสะสมนานเข้าก็ทำให้เกิดอารมณ์ หลังเกิดเหตุคิดว่าลูกหนีไป กระทั่งมารู้ภายหลังว่าลูกหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าหลังบ้าน
ขณะที่ภรรยานายเสฏฐวุฒิกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงเดินออกไปดู พบสามีกำลังมีเรื่องกับผู้ตาย จึงพยายามเข้าไปห้าม ตอนนั้นต่างฝ่ายยังยื้อยุดฉุดกระชากกัน แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีปัญหาเรื่องอะไร โดยยอมรับว่าเมาสุราด้วยกันทั้งคู่ ส่วนการเคลื่อนร่างไปไว้หน้าบ้านแม่ยายแจ๊ส เพราะต้องการขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเห็นผู้ชายกับผู้หญิงเดินออกมา แต่ไม่มีใครมาช่วยแต่อย่างใด โดยฝ่ายตนตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก
พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.3 เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหายังให้การภาคเสธและไม่ประสงค์ที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีว่ามีการเคลื่อนย้ายศพหรือไม่ หากพบว่ามีการเคลื่อนย้ายหรือมีบุคคลอื่นเข้ามาช่วย ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาซ่อนเร้นอำพรางศพเพิ่มเติม สำหรับสำนวนคดีได้มีการสอบปากคำพยานไปหลายปาก ส่วนใหญ่ให้การสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ โดยเร่งรัดให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนให้เสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อส่งฟ้องต่ออัยการได้ทัน โดยกำชับให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาให้เสร็จสิ้น แล้วนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังให้ทันภายในวันจันทร์ เนื่องจากติดวันหยุดราชการ 2 วัน
"ยืนยันว่าไม่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นี้อย่างแน่นอน และหากผู้ต้องหาเคยก่อคดีอื่นๆ ไว้ เช่น กรณีขับรถชนรถแท็กซี่เมื่อหลายปีก่อน ก็ขอให้เจ้าทุกข์มาแจ้งความตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลจังหวัดมีนบุรีในช่วงบ่าย"
รอง ผบก.น.3 กล่าวว่า ที่มีพยานอ้างว่าก่อนผู้ต้องหาจะใช้กระถางต้นไม้ทำร้าย ได้ใช้อาวุธปืนพยายามยิงใส่นายพรชัยนั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นปืนปลอม แต่ต้องตรวจสอบว่ามีการดัดแปลงหรือไม่ หากเป็นอาวุธปืนปลอมถือว่าเป็นข้อหาลหุโทษที่นำมาใช้เพื่อให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่หากมีการดัดแปลงจนสามารถใช้งานเหมือนปืนจริงได้ ก็จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ต้องรอขยายผลและส่งอาวุธปืนดังกล่าวไปตรวจสอบอีกครั้ง ในประเด็นนี้สามารถแจ้งข้อหาภายหลังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายเสฏฐวุฒิออกจากห้องขังไปสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้ต้องหาได้ส่ายหัวปฏิเสธพร้อมบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจฆ่า และกล่าวขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในช่วงบ่าย ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้ควบคุมตัวนายเสฏฐวุฒิ หรือเบียร์ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย เพื่อนบ้านของแจ๊ส ชวนชื่น ตลกชื่อดัง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15-26 ก.ค.นี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังต้องสอบปากคำพยานอีกหลายปาก พร้อมรอผลตรวจประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา
คดีนี้เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 01.00 น. วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.กอบโชค พันธ์แก้ว รอง สว. (สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุคนถูกกระถางต้นไม้ทุบเสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 41/39 ซอยนิมิตรใหม่ 14 แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ใกล้กับบ้านของแจ๊ส ชวนชื่น ตลกชื่อดัง จึงประสานแพทย์เวร รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ตายคือนายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี เป็นคนงานที่บ้านแจ๊ส ชวนชื่น ทำงานล้างเครื่องจักร สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีครีม ไม่สวมรองเท้า นอนตายอยู่ข้างล้อรถตู้ของแจ๊ส ยี่ห้อฮุนได สีดำ ทะเบียน ฮร 474 กรุงเทพฯ ตัวรถมีรอยกระจกร้าวที่ด้านหน้าฝั่งคนขับ
หน้าบ้านหลังดังกล่าวมีร่องรอยเหตุทะเลาะวิวาท กระถางต้นไม้แตก มีกองเลือด รองเท้าแตะกระเด็น พบปืนบีบีกันดัดแปลงตกอยู่ในจุดเกิดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุจากการสืบสวนคือนายเสฏฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 41/39 ติดกับบ้านของแจ๊ส ได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับ
จนเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 14 ก.ค. นายเสฏฐวุฒิได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ทำไปเพราะป้องกันตัว
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี อีกทั้งผู้ต้องหาเคยมีประวัติในคดียาเสพติดและเคยหลบหนีปล่อยชั่วคราวในชั้นศาล
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ภายหลังจนสิ้นสุดเวลาราชการ ไม่ปรากฏว่ามีญาติของผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษมีนบุรีในชั้นฝากขังต่อไป
สำหรับนายผดุง ทรงแสง หรือแจ๊ส ชวนชื่น ได้โพสต์ความคืบหน้าคดีดังกล่าวผ่านอินสตาแกรม jazzpadung ระบุว่า “ขอบคุณตำรวจมีนบุรีทุกท่าน และนักข่าว และชาวโซเชียลทุกคนนะครับ ตอนนี้มันมามอบตัวแล้ว ผมไม่ได้มาเพื่ออยากเป็นพระเอกหรือสร้างกระแสใดๆ แต่ผมสงสารลูกเมียคนที่ตายไปแค่นั้น ผมรู้จักกับผู้ตายในฐานะคนในพื้นที่เดียวกัน ไม่ได้สนิทกันมาก แต่ผมแค่ออกมาเพื่อความถูกต้อง ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับ หน้าที่ผมจบแล้ว ผมไม่ได้เข้าข้างคนตายแต่อย่างใด แต่ผมฟังเรื่องราวมาทั้งหมด คือคนตายไม่ผิด”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |