คุณประโยชน์ของการอยู่เฉยๆ


เพิ่มเพื่อน    

                                                          (1)

        หลังวันหยุดสุดสัปดาห์...เสาร์ที่ 13 อาทิตย์ที่ 14 ก.ค. เหลื่อมไปถึงวันอังคารที่ 16 ก็ตรงกับวัน อาสาฬหบูชา จนเลยไปถึงวันพุธที่ 17 ก.ค. ก็พอดีวัน เข้าพรรษา ด้วยจังหวะและโอกาสที่สามารถ หยุดยาวว์ว์ว์ ได้เช่นนี้ ท่าทาง ป๋าเปลว สีเงิน ของชาวเรา ท่านน่าจะได้เวลา หนีเที่ยว กันอีกซะแร้นน์น์น์...

                                                          (2)

        เหลือแต่ อันตัวข้าพเจ้าเอง นี่แหละ...ที่ยังคงต้องนั่งปั่น นั่งมั่ว อยู่กับการจิ้มๆ ทิ่มๆ อะไรต่อมิอะไรให้ออกมาเป็น ต้นฉบับ แทบไม่เคยมีโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศ ไปไหน-มาไหน เหมือนๆ กะใครเขาเลย ไม่ว่าจะหยุดตามปกติธรรมดา หยุดสั้น หยุดยาว หยุดสงกรานต์ ปีใหม่ ตรุษไทย ตรุษจีน ตรุษฝรั่ง ฯลฯ มีแต่ต้องถลกกางเกงแพร บางครั้งถึงกับต้องถอดเสื้อ ถอดผ้า จิ้มๆ ทิ่มๆ พิมพ์ดีด หรือคอมพิวเตอร์ หยิบเอาเรื่องโน้น เรื่องนี้ มาพูดจาว่ากล่าวกับท่านผู้อ่าน ท่านผู้ชม ไปตามสภาพ...

                                                      (3)

        การที่ไม่เคยได้ไป เที่ยว เหมือนอย่างใครต่อใครเค้าเลย ชนิดเกือบใกล้ๆ ครบทศวรรษเข้าไปแล้ว ดูเหมือนครั้งหลังสุด...ก็น่าจะเป็นครั้ง หนีน้ำท่วม หรือครั้งที่คุณน้อง ปู ยิ่งลักษณ์ ดัน เอาไม่อยู่ โน่นเลย หรือประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ทำให้บางครั้ง-บางครา อดไม่ได้ที่จะต้องตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาดื้อๆ ว่ามันอาจส่งผลก่อให้เกิด ปฏิกิริยา แบบใด แบบหนึ่ง ขึ้นมากับตัวของตัวเอง หรือไม่ อย่างไร เพราะถ้าว่ากันตาม ภาษิต ในวรรณกรรมอันเก่าแก่และสุดยอด อย่างใน นิทานเวตาล เป็นต้น ผู้ที่ถือเป็นนักคิด นักปราชญ์ เมื่อครั้งโบร่ำ โบราณ ท่านก็เคยรจนาออกมาเป็นบทกวี ชนิดพูดเอาไว้ชัดประมาณว่า... ชายใดไม่เที่ยวเทียวไป-ทุกแคว้นแดนไพร-มิอาจประสบพบสุข-ชายใดอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์-ไม่ได้ซนซุก-ก็เรียกว่าชั่วมัวเมา ทำนองนั้น...

                                                       (4)

        แต่การที่ไม่ได้เที่ยวเทียวไป ไม่ได้ไปไหน-มาไหน เหมือนกะใครๆ เขา อาจไม่ถึงกับเสียดม เสียดาย อะไรมากมาย ด้วยเหตุเพราะสุขภาพร่างกาย วัยและสังขาร มันออกจะอ่อนเปลี้ยเต็มที การอยู่เฉยๆ หรืออยู่เหย้ากันไปเรื่อยๆ เลยน่าจะเหมาะสม สอดคล้องกับเงื่อนไขและเหตุปัจจัยของตัวเองมากกว่า อีกทั้งมันก็ไม่ถึงกับต้องทุกข์ ต้องเดือดร้อน กระวนกระวายอะไรเอาเลยแม้แต่น้อยสำหรับการนั่งๆ-นอนๆ ดูหนัง-ฟังเพลง ดูบอล ดูเทนนิส ดูแบดมินตัน ฯลฯ ที่มีให้ดูชนิดต้องเบื่อกันไปข้าง ก่อนใช้ช่วงเวลาที่เหลือๆ มานั่งจิ้ม นั่งทิ่ม ค้นโน่น ค้นนี่ หานั่น หานี่ มาแปลงให้เป็น ต้นฉบับ กันในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์...

                                                      (5)

        แต่ที่ออกจะกลัวๆ อยู่มั่ง...ก็คือกลัวว่าจะส่งผลให้ตัวเองต้อง ชั่วมัวเมา หรือไม่ อย่างไร เท่านั้นเอง แต่หลังจากคิดมา-คิดไปอยู่ซักครู่ ก็ชักรู้สึกขึ้นมาว่า...การอยู่เฉยๆ อาจทำให้โอกาสที่จะออกไปทำ ความชั่ว หรือทำความทุกข์ ความเดือดร้อน ให้ผู้อื่น มันน่าที่จะน้อยลงๆ ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แบบเดียวกับที่คนแก่ คนเฒ่า ท่านปรารภ รำพึง ถึงลูกๆ หลานๆ บางคน บางราย ประเภทที่ออกไปทางเกะกะ เกกมะเหรก ทั้งหลาย ประมาณว่า ดีแล้วที่มันรู้จักหลับ รู้จักนอน (หรือที่มันยังคิดอยู่บ้าน) ไม่งั้น...ชาวบ้าน ชาวช่อง เขาอาจจะเดือดร้อน อะไรทำนองนั้น...

                                                        (6)

        คือออกไปทาง ความชั่วไม่มี-ความดีไม่ปรากฏ ซึ่งยังน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า หรือน่าจะเข้าท่ากว่า ประเภทที่หนักไปทาง ชั่วเบ็ดเสร็จ หรือ ชั่วสมบูรณ์แบบ อันเนื่องมาจากความขยัน เมามันซ์ซ์ซ์ ในการประกอบกิจกรรม ธุรกรรม ความพยายามดิ้นรน กระวนกระวาย ที่จะต้องไปนั่น มานี่ ทำโน่น ทำนี่ จนสิ่งที่ตัวเองทำ หรือสิ่งที่ผ่านไป-ผ่านมาในระหว่างการประกอบกิจกรรมของตัวเอง อาจมีอันต้องพังพินาศ ฉิบหาย ต้องเป็นเดือด เป็นร้อน เป็นทุกข์ไปตามแรงผลักดันของ เชื้อชั่ว ที่มีอยู่ภายในตัวตนของตน ซึ่งแทบไม่มีวันตาย หรือแทบไม่มีวันสูญหายกันไปง่ายๆ...

                                                      (7)

        แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ขึ้นชื่อว่า มนุษย์ อันถือเป็น สัตว์สังคม ชนิดหนึ่ง จะให้อยู่เฉยๆ ไม่ไปโน่น-ไปนี่ ไม่ต้องข้องแวะกับใครๆ เขาเลย ก็คงมีแต่ประเภทฤาษี ชีไพร หรือประเภทผ่านวัย ผ่านสภาพ ความเป็นพรหมจรรย์ คฤหัสถ์ วานปรัสถ์ จนเข้าสู่ระดับ สันยาสี เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว การดิ้นรน กระวนกระวาย ที่จะต้องไปโน่น-มานี่ ทำโน่น-ทำนี่ มันจึงกลายเป็น ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธ ของความเป็นมนุษย์ หรือของความเป็น สมาชิกในสังคม แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่ยังพอรับรู้ได้บ้างว่า บรรดา เชื้อชั่ว ในร่างกายตัวเอง ยังคงหนาแน่น ยังพอกพูนไปด้วยกิเลส ก็น่าที่จะรู้จักหลับ รู้จักนอน น่าที่จะอยู่เฉยๆ จะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน หรืออยู่ว่างๆ ลองหยิบเอาอ่างทองคำ อ่างพลาสติก มาล้างมือตัวเองให้สะอาดๆ เข้าไว้ อย่าได้ดิ้นรน กระวนกระวาย คิดเป็นโน่น เป็นนี่ ทำโน่น ทำนี่ จนชาวบ้าน ชาวช่อง อาจต้องเดือดร้อนกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง หรือทั่วทั้งสังคมเอาเลยก็เป็นได้...

                               -----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"