ถึงเวลาภาครัฐต้องทำสงครามข่าวสาร


เพิ่มเพื่อน    


    บัดนี้มีฝ่ายที่ตั้งหน้าตั้งตาทำสงครามข่าวสารด้วยยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประสงค์ตามที่พวกเขามีความตั้งใจไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว เขาสามารถแย่งพื้นที่ข่าวได้ เขาสามารถทำให้ประเด็นที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นกระแสข่าวสารที่พูดคุยกันเป็น Public Discourse เป็น Online Conversation ที่ทำให้เนื้อหาของเขาได้ Share of Voice ที่สูง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง และมีความถี่ที่สูง เพราะพวกเขาทำสงครามอย่างต่อเนื่อง คงเส้นคงวา มีความคิดสร้างสรรค์ในการจัดการกับเนื้อหาที่ทำให้มีความน่าสนใจและมีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ในการใช้หลากหลายช่องทางของการสื่อสารที่ทำให้ข่าวสารของพวกเขาเป็นที่รับรู้ของกลุ่มเป้าหมาย และสามารถปลูกฝังข้อมูลที่เป็นความรู้ (Cognitive Knowledge) เข้าไปในสมองของกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่เขาต้องการ ก่อให้เกิดทัศนคติ (Affective Attitudes) ตามที่เขาต้องการ จนทำให้เกิดพฤติกรรม (Behaviors) ตามที่เขาต้องการ เช่น เป็นแนวร่วมของเขา ลงคะแนนเสียงให้เขา ออกมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองของเขา ออกมาปกป้องเขา ถ่ายรูปกับเขาเพื่อแสดงความชื่นชมเขาอย่างออกหน้าออกตา จนทำให้ผู้คนที่ห่วงใยความมั่นคงของประเทศเกิดความหวั่นไหววิตกกังวล
    หากคนที่สามารถทำสงครามข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขนาดนี้ เป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่ดี มีความคิดที่ดีในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง เป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นคนที่ภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความมุ่งมั่นในการดำรงรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมที่เป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศ เป็นคนให้เกียรติคนอื่น ปรารถนาที่จะจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดี ไม่ได้มุ่งที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างผู้ใหญ่กับเยาวชนให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัย พวกเขาก็น่าจะดีใจและยกย่องการทำงานของพวกเขา แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ได้ทำให้พวกเราที่ติดตามการทำสงครามข่าวสารของพวกเขาจะสบายใจได้เลย ทั้งนี้เพราะข้อมูลข่าวสารที่เขาพยายามจะใส่เข้าไปในหัวของเยาวชนนั้นเป็นเรื่องที่เราห่วงใยว่าจะทำลายความมั่นคงของประเทศ
    พวกเขาแสดงอาการชังชาติ กล่าวหาว่าร้ายประเทศไทยเหมือนประหนึ่งว่าประเทศไทยไม่มีอะไรดีเลย เขาชิงชังขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของประเทศ เขาไม่ชื่นชมวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบสานกันมานานจนเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ และเขาพยายามจะพูดให้กลุ่มเป้าหมายของเขาเห็นด้วยกับสิ่งต่างๆ ที่เขาพูด และเขาก็ทำได้ผล เพราะกลุ่มเป้าหมายของเขาก็เป็นพวกที่ต้องการหลุดจากกรอบของขนบธรรมเนียมประเพณี ต้องการมีอิสรภาพ มีสิทธิเสรีในการจะทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นการหลุดออกจากกรอบของกฎเกณฑ์ ขนบธรรมเนียมและประเพณีเดิมๆ เมื่อมีผู้คนรับรู้ข้อมูลของพวกเขา เชื่อตามที่เขาพูด มีทัศนคติตามที่เขาต้องการ และมีพฤติกรรมที่กลายเป็นแนวร่วมของพวกเขา ก็จะทำให้ประเทศเสี่ยงกับภัยด้านการทำลายความมั่นคง ต่อไปจะมีคนชังชาติมากขึ้น ต่อไปจะมีคนจำนวนมากไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณีมากขึ้น ต่อไปจะมีคนไม่ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์มากขึ้น หากเราปล่อยให้พวกเขาทำสงครามข่าวสารเพียงข้างเดียว พวกเขาก็จะรุกกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถยึดครองจำนวนมวลชนได้จำนวนมาก จนพวกเขาอาจจะเปลี่ยนประเทศของเราไปในทิศทางที่เขาต้องการ
    เวลานี้อย่าว่าแต่การทำสงครามข่าวสารเชิงรุกเลย แม้แต่การทำสงครามข่าวสารเชิงรับ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ยังไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการรุก ไม่มีการรับ ไม่มีใครออกมาทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจะเป็นเสนาธิการในการทำสงครามข่าวสารในครั้งนี้ ขณะที่พวกเขามองว่าข่าวสารคืออาวุธในการทำสงครามแย่งมวลชน (Weaponization of Information) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลข่าวสารภาครัฐก็มองข่าวสารเป็นเพียงสิ่งที่ต้องเผยแพร่ (Publicity) ให้ประชาชนได้รู้เท่านั้น จึงขาดยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะอะไร (1) ทำไม่เป็น หรือ (2) ทำเป็น แต่ขี้เกียจทำ หรือ (3) ทั้งทำไม่เป็นและขี้เกียจทำ หรือ (4) ทำเป็นและไม่ได้ขี้เกียจด้วย แต่เจ้านายไม่เห็นความสำคัญเรื่องการทำสงครามข่าวสาร หรือ (5) ไม่เชื่อพลังของการสื่อสาร หรือ (6) ทำเป็น ไม่ขี้เกียจ เจ้านายสนับสนุน เชื่อในพลังของการสื่อสาร และตระหนักรู้แล้วว่ายุคนี้เกิดสงครามข่าวสาร แต่ไม่มีงบประมาณที่จะทำ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอันใด เราก็อาจจะสรุปได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการก่อการร้ายด้านข่าวสาร (Information Terrorism) ที่อาจจะร้ายแรงกว่าอาวุธด้วยซ้ำไป เพราะการก่อการร้ายเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ ทำลายชีวิตคนจำนวนหนึ่ง แต่การก่อการร้ายทางข้อมูลข่าวสารส่งผลกระทบทั่วประเทศ และฆ่าความคิดที่ดี ทัศนคติที่ดี พฤติกรรมที่ดีๆ และค่านิยมที่ดีๆ วัฒนธรรมที่ดี และสถาบันที่สำคัญของประเทศได้อย่างกว้างขวาง
    สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือพวกเขาที่กำลังทำสงครามข่าวสารมีความเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพเป็นเกราะกำบังในการลงสู่สมรภูมิรบ ทำให้ฝ่ายที่ต้องการรักษาความมั่นคงของประเทศทำอะไรได้ยาก เพราะถ้าหากทำอะไรไปอาจจะถูกกล่าวหาว่าข้าราชการหรือกองทัพไม่เป็นกลางทางการเมือง ทำลายพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่การกระทำของเขานั้นไม่ใช่พรรคการเมืองธรรมดาที่มุ่งมั่นเข้ามาพัฒนาเพื่อปรับปรุงบ้านเมือง แต่พวกเขามีเจตนาที่ทำให้คนจำนวนมากห่วงใยสถาบันหลักของประเทศ หลายคนมองว่าพวกเขาเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ หากคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำสงครามข่าวสารในครั้งนี้ยังติดกับดักความเป็นกลาง ไม่กล้าที่จะทำสงครามข่าวสารกับพวกเขา ประเทศไทยของเราก็คงน่าเป็นห่วง เพราะพวกเขาคงจะปลูกฝังความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมที่พวกเขาต้องการได้สำเร็จจนพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ แต่คนส่วนใหญ่ที่รักชาติรักแผ่นดินไม่ต้องการ ถึงเวลาที่เราจะมาช่วยกันทำสงครามข่าวสารอย่างมียุทธศาสตร์กันแล้วหรือยังคะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"