รมว.กระทรวงทรัพย์ยืนยันหลักฐานชัด "เปรมชัย" ออกล่าเป็นขบวนการ ขณะที่ "จรัมพร" ระบุคดีคนรวยคนจนมาตรฐานเดียวกัน แค่ชาวบ้านไม่มีเงินประกันตัว เผยข้อมูลใหม่เสือดำเป็นตัวเมีย ไม่มีการเปิบตัวเดียวอันเดียว ด้าน "หัวหน้าวิเชียร" ต้องย้ายที่นอนบ่อยเพื่อความปลอดภัย
    ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  (ทส.) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการจัดประชุมคณะกรรมการติดตามคดีการล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฝั่งตะวันตก พร้อมด้วย พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ, นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมเกือบ 2 ชั่วโมง
        พล.อ.สุรศักดิ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้หารือ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.เรื่องพนักงานสอบสวนว่าทางกระทรวงจะสามารถให้ข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมได้ตรงไหนบ้าง 2.เรื่องของการพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันว่าหลักฐานที่มีแน่นหนา มีหลักฐานเพิ่มเติมครอบคลุมทั้ง 9 ข้อหาที่แจ้งความไปแล้ว 3.เรื่องนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าซากเสือดำที่ตรวจพบนั้นถูกล่าโดยนายเปรมชัยและพวกอย่างแน่นอน รวมทั้งอาวุธปืนที่ถือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ปลอกกระสุนที่พบในตัวเสือดำเป็นลูกปรายจากปืนลูกซองจำนวน 8 เม็ด และปลอกกระสุนที่พบในบริเวณดังกล่าวมาจากปืนกระบอกเดียวกัน 
    "ดังนั้นข้อมูลหลักฐานทุกอย่างมีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน มีการทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน จากนี้กระทรวงจะเร่งรัดดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกโดยเร็ว" พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว 
         ด้าน พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวต่อว่า หลักฐานที่พบเพิ่มเติมมีความเชื่อมโยงกับหลักฐานที่พบในวันแรก ทั้งอุปกรณ์ดักสัตว์ อาวุธปืน ยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดเชื่อมโยงว่ามีจุดประสงค์เพื่อเข้าไปล่าสัตว์ ส่วนกระแสสังคมที่มีประเด็นเปรียบเทียบระหว่างคดีของชาวบ้านมีการดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว ผิดกับคดีของนายเปรมชัย ที่ดูว่าล่าช้านั้น มันไม่เกี่ยวกับคนรวยหรือคนจน เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันตามหลักรัฐธรรมนูญ โดยตามกระบวนการกฎหมายจะให้สิทธิประกันตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ชาวบ้านไม่มีเงินในการประกันตัว
       ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการฯ ได้ข้อสรุปหรือยังว่าใครเป็นคนยิงเสือดำ พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า ซึ่งมีการเตรียมการเข้ามาอย่างชัดเจน หลักฐานที่ปรากฏเห็นชัดว่าพกอาวุธเข้าไปในป่า กรณีแบบนี้ผู้ถูกกล่าวหาคงดิ้นหลุดไม่ได้ แต่ต้องดูว่านายเปรมชัยและพวกจะแก้ข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง ซึ่งตนเชื่อว่าในวันที่ 5 มี.ค.นี้ นายเปรมชัยจะมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก เพราะหนีไปก็ไม่มีประโยชน์
         ถามว่าคดีนายเปรมชัยมีความล่าช้าหรือไม่  พล.ต.อ.จรัมพรตอบว่า ตำรวจทำตามขั้นตอน อย่าไปมโนหรือจินตนาการเอาเอง ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหาตั้งแต่วันแรก และจำเป็นต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถามเพิ่มเติม เพราะเป็นผู้ที่ทำการจับกุมและพบเห็นการกระทำผิด ทั้งนี้ก็เพื่อให้พยานหลักฐานแน่นหนาขึ้น ยืนยันหลักฐานทำอย่างเชื่อมโยงกันหมด ทั้งพฤติกรรม การแบ่งงานกันทำ เตรียมการ รวมทั้งการตรวจซากเนื้อสัตว์ก็พบว่าเป็นเสือดำ ทำอาหารเป็นซุปเสือดำ 
    ซักว่านายเปรมชัยและพวกได้กินอวัยวะเพศผู้ของเสือดำใช่หรือไม่ ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ ชี้แจงว่า เสือดำที่ถูกยิงเป็นเสือดำตัวเมีย แล้วจะไปกินอวัยวะเพศตรงไหน "ตัวเดียวอันเดียวไม่มี อย่าทำงานบนจินตนาการ นายเปรมชัยกินซุปจากเนื้อเสือดำเท่านั้น ไม่มีตัวเดียวอันเดียว" 
          ด้านนายธัญญากล่าวว่า จากการตรวสอบผลดีเอ็นเองาช้างที่ตรวจยึดได้จากบ้านนายเปรมชัย จำนวน 4 กิ่ง หรือ 2 คู่นั้น นิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ได้แจ้งผลมาแล้วว่าเป็นงาช้างจากแอฟริกา ถือเป็นการครอบครองงาช้างที่ผิดกฎหมายชัดเจนตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และกฎหมายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส หลังจากนี้จะแจ้งความเพิ่มเติมข้อหาครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย
         ส่วนนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ไปรายงานตัวเพื่อให้ปากคำกับตำรวจภาค 7 เนื่องจากต้องรอแนวทางของคณะกรรมการฯ ส่วนการใช้ชีวิตขณะนี้เป็นปกติ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนที่นอนบ่อยๆ ไปนอนตามหน่วยต่างๆ เพื่อความปลอดภัยและให้ง่ายต่อการทำงาน ยืนยันว่าตนพร้อมร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา
    รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการติดตามคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี ระบุว่า น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าและนายวิเชียร ไม่มีความผิดกรณีการอนุญาตให้เข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ เนื่องจากการอนุญาตเข้าพื้นที่เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ เป็นคนละส่วนกับกรณีที่นายเปรมชัยและพวกเข้าไปแล้วไม่ได้อยู่ในจุดที่ได้รับอนุญาต และไปล่าเสือดำและสัตว์ป่า ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ ซึ่งนายวิเชียรและเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ทำการจับกุมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด จึงไม่ใช่การละเลยต่อหน้าที่.