“ซิตี้แบงก์” หั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 3.3%มองบาทแข็งโป๊กยาวถึงต้นปี2563


เพิ่มเพื่อน    

 

12 ก.ค. 2562 น.ส.นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้มาอยู่ที่ 3.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.8% ซึ่งได้รับความเสี่ยงจากผลกระทบของสงครามการค้า โดยไม่ใช่แค่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่มองว่าอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น มีมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอียู เป็นต้น จะส่งผลให้กระทบกับการส่งออกของไทยมากขึ้นโดยคาดว่าส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 3%ทำให้ต้องติดตามนโยบายภาครัฐที่จะเข้ามาช่วย รวมทั้งมาตรการสนับสนุนการลงทุนเอกชน หลังจากการลงทุนภาครัฐในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการชะลอเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจ

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามภาครัฐว่าจะมีมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวหรือไม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเข้าไทยโดยเฉพาะจีน หลังจากช่วงที่ผ่านมา ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวประเทศอื่นมากขึ้น ทำให้ภาคการท่องเที่ยวไทยช่วงที่ผ่านมาชะลอลง

“มองว่าไม่ใช่เหตุผลว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตลดลง จึงลดการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยหวังว่าในครึ่งปีหลังภาคการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาเติบโตได้ดีกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563 ซึ่งได้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.7%” น.ส.นลิน กล่าว

ขณะที่ค่าเงินบาทไทย มีแนวโน้มอยู่ในระดับที่แข็งค่าไปจนถึงช่วงต้นปี 2563 เพราะมีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ซึ่งได้ประเมินว่าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากส่งสัญญาณมากขึ้น เพราะเป็นห่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว จะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ โดยคาดว่าปีนี้เงินบาทจะอยู่ในกรอบ 31.00-32.00 บาทต่อดอลลาร์ และยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นจะอยู่ได้นานหรือไม่ และรายได้จากต่างประเทศจากการส่งออก และการท่องเที่ยวยังไม่ได้ดีขึ้นชัดเจน

น.ส.นลิน กล่าวอีกว่า หลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วนักวิเคราะห์และนักลงทุนต้องการดูนโยบายที่จะออกมาหลังจากนี้ว่าเป็นอย่างไร และงบประมาณปี 2563 จะชัดเจนเมื่อไร ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน แต่มองว่ามาตรการระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ควรมี เช่น หากภาคการผลิต หรือการจ้างงานไม่ดี ก็ออกมาช่วยในส่วนนี้ ซึ่งต้องใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง เช่นเดียวกับมาตรการช่วง เม.ย.ที่ออกมาจังหวะดี

นอกจากนี้ ยังต้องมีมาตรการระยะยาว เพื่อกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้น เช่น การลงทุนรัฐวิสาหกิจ หรือการลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีความไม่ชัดเจนด้านการเมือง ทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง จึงอยากเร่งดำเนินการในโครงการต่าง ๆ มากขึ้น

ขณะเดียวกันความล่าช้าของงบประมาณ 2563 ยังมีผลต่อการเบิกจ่ายลงทุนต่าง ๆ และทำให้เสียโอกาสด้วย เพราะเมื่อเลื่อนงบประมาณ 2563 ออกไปก็จะมีงบประมาณบางส่วนที่มีข้อจำกัด เช่น การลงทุน ซึ่งภาครัฐต้องเร่งส่วนนี้ให้มากขึ้น หากมีมากขึ้นจะทำให้การนำเข้ามีมากขึ้นและลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และทำให้ผู้ประกอบการลดความกังวลได้ระดับหนึ่ง
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"