10 ก.ค. 62 – นายนคร มาฉิม อดีตผู้สมัครส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “คดีพลเอกประยุทธ์ จะพิสูจน์หลักนิติรัฐและนิติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ” โดยมีเนื้อหาว่า “รัฐธรรมนูญปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนารมณ์เพื่อทำลายพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย นายกฯทักษิณ และตระกูลชินวัตร ที่แสดงตนเป็นแกนนำฝ่ายประชาธิปไตย กล้าท้าทายอำนาจของจอมเผด็จการและระบอบเผด็จการให้สั่นสะเทือนจึงสร้างกับดัก หลุมพราง อุปสรรคขัดขวาง ทำลายพรรคการเมือง และนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ทุกรูปแบบ รัฐธรรมนูญเผด็จการนี้จึงวิปริต ผิดเพี้ยน ไม่เป็นไปตามหลักสากล เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมือง การปกครอง การพัฒนาประเทศ และต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างใหญ่หลวง เพราะมันคือรัฐธรรมนูญโจรกบฏ เป็นกฎเผด็จการ โดยเผด็จการและเพื่อเผด็จการอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นกฎที่จะใช้เพื่อประชาชนและประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
ด้วยกฎ กติกา ที่วิปริต ผิดเพี้ยนเมื่อพวกเผด็จการสามารถใช้กลโกง กลไกอำนาจรัฐ เครือข่ายเผด็จการทั้ง เงิน องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม พรรคการเมืองบางพรรค และ ส.ว. 250 คน สืบทอดอำนาจมาสวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยได้สำเร็จแม้จะมีเสียงปริ่มน้ำ ทุลักทุเล เต็มไปด้วยข้อครหาว่าโกงมา เป็นรัฐบาล และกำหนดกรอบ ข้อจำกัดเพื่อให้ทุกอย่างสยบ และเป็นไปตามที่พวกเขากำหนดเกมแห่งอำนาจที่จะปกครองคนไทยต่อไป พร้อมกับพยายามสื่อไปถึงสังคมว่า ฝ่ายค้านอย่าล้มรัฐบาลด้วยการไม่ให้ผ่านงบประมาณนะ เขาคือนายกรัฐมนตรีของทุกคน เขาทำเพื่อส่วนรวม ให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ประนีประนอมกันดีกว่า
ซึ่งหากฝ่ายพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยใจอ่อน หูเบา ทิ้งหลักการประชาธิปไตย ไปสวามิภักดิ์ สมยอมกับระบอบเผด็จการ สุดท้ายพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยก็จะถูกกลืนกินไป ถูกผลประโยชน์ อามิสสินจ้างครอบงำ กาลเวลากลืนกินไป การขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย เพื่อชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยก็จะห่างไกลออกไป สุดท้ายประเทศไทยของเราก็จะวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ รัฐประหาร ยึดอำนาจ ปล้นประเทศอยู่เช่นนี้ไม่มีวันจบสิ้น
โชคดีที่กับดัก คมดาบถูกย้อนศร นำมาจ่อคอพลเอกประยุทธ์ ลักษณะดาบนั้นคืนสนอง เมื่อพลเอกประยุทธ์ แกนนำฝ่ายเผด็จการถูกกล่าวหาว่า ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ถูกเสนอตัวให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญที่เผด็จการสร้างขึ้นมาเอง โดยความเป็นจริง พลเอกประยุทธ์ รับราชการมาตลอดชีวิต พอปล้นอำนาจ ทำรัฐประหารสำเร็จเป็นหัวหน้า คสช. รับเงินเดือนหลายตำแหน่งจากเงินภาษีประชาชน มีอำนาจสั่งการ มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน มีอำนาจเหนือกว่าอำนาจนิติบัญญัติ เหนือกว่าอำนาจบริหาร เหนือกว่าอำนาจตุลาการ เหนือกว่าอำนาจองค์กรอิสระ ซึ่งความปรากฏชัดเจนในเชิงประจักษ์
เมื่อดาบคืนสนองเพราะพวกเผด็จการประสงค์ร้ายต่อฝ่ายประชาธิปไตย ย้อนศรกลับมาเอาคมดาบจ่อคอ พลเอกประยุทธ์เสียเอง ด้ามดาบอยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีคนไทยและสังคมโลกจดจ้องดูอยู่อย่างตาไม่กระพริบ รอดูอีกไม่นานนัก จะเห็นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผูกพันทุกองค์กรในแผ่นดินนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญเอาเกียรติยศ เอาสถาบัน เอากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไปรับรองความชอบธรรมให้พลเอกประยุทธ์ แผ่นดินนี้อาจจะลุกเป็นไฟ เข้าสู่กลียุคอย่างสมบูรณ์ เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้หลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้พลเอกประยุทธ์ทิ้งโดยยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรมเพื่อประชาชนและประชาธิปไตย คนไทยที่มีใจเป็นธรรมจะถือเป็นเกียรติประวัติและแผ่นดินนี้จะสงบร่มเย็นลงเป็นแน่ หลักนิติรัฐและนิติธรรม คงจะพอมีแสงสว่างบนแผ่นดินนี้บ้าง # ศาล ท่านจะรับใช้เผด็จการ หรือรับใช้ประชาชน”.
