นี่คือการเมือง!

                ศึกในพลังประชารัฐจบแน่นอนแล้ว โวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะ "ลุงตู่" ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไปแล้ว

                แต่ก็แค่ยกแรกเท่านั้น

                อีกไม่นานยกต่อไปจะตามมา

                เพราะยังมีเก้าอี้สำคัญๆ ในฝ่ายนิติบัญญัติ อาทิ ประธานกรรมาธิการคณะต่างๆ กรรมาธิการงบประมาณ ล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น

                อย่างไรก็ตามยกแรกที่ผ่านไปนี้ ไม่สูญเปล่า อย่างน้อยคนในพลังประชารัฐได้เรียนรู้ว่า รวมกันเราอยู่แยกหมู่ตายยกเข่ง

                แต่ที่ได้มากกว่านั้น บารมีของ "ลุงตู่" ในหมู่นักการเมืองจะเพิ่มขึ้น

                เพราะอะไร?

                ถ้าจัดตั้งรัฐบาลโดยนักการเมืองล้วนๆ บนเงื่อนไขปริ่มน้ำ บอกได้คำเดียวว่า...เจ๊ง

                ทะเลาะกันไม่จบ ต่างคนต่างเก่ง ต่างมีพวก ไม่มีใครคุมใครอยู่

                หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ลงมา ถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับศึกนอก

                ซึ่งไม่ธรรมดา!           

                เท่าที่เห็นมาหลายสัปดาห์พอประเมินได้ว่า ศึกนี้ยากลำบาก แต่อีกมุมเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนให้ตื่นตัวตลอดเวลา

                นั่นจะเป็นการห้ำหั่นกันในสภา จะเป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

                และภาพที่จะชินตามากขึ้นคือ ภาพการหาม ส.ส.จากสภาไปโรงพยาบาล

                ภาวะปริ่มน้ำนี้...นานเข้าคงจะตายกันไปข้าง

                ประชุมสภาทุกนัด ฝ่ายค้านจะแซะทุกนัด

                นอกจากกระทู้ ญัตติ เอาไว้ด่าประจำสัปดาห์แล้ว ร่างกฎหมายทุกฉบับคือจุดตาย รัฐบาลแพ้โหวตก็จบ

                ยังมีกรณี "อุตตม สาวนายน" ถูกจองกฐินไว้เรียบร้อย

                คดีปล่อยกู้กรุงไทย สำหรับพรรคเพื่อไทยที่มาตรรกะเดียวกับอนาคตใหม่ ถ้าข้าชั่วเอ็งต้องเลวด้วย

                สมุนทักษิณติดคุกไปหลายคนแล้ว ที่สำคัญ "พานทองแท้ ชินวัตร" ศาลนัดฟังคำวินิจฉัย ๒๕พฤศจิกายนนี้

                เมื่อฝ่ายตัวเองผิด "อุตตม" ในฐานะอดีตผู้บริหารกรุงไทยในขณะนั้นต้องผิดด้วย      

                ก้าวข้ามข้อจริงมีแต่เรื่องเท็จ         

                อีกฝั่งดูเหมือนจะฮึกเหิม "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ประกาศไว้ชัดเจนให้ลูกฟ้าพากันครางฮือ

                "ผมขอยืนยันว่าคุณธนาธร ไม่มีความจำเป็นต้องหนีคดีไปต่างประเทศ เพราะคุณธนาธรยังมีภารกิจใหญ่อยู่ในประเทศไทย คือการมุ่งเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตแบบใหม่ที่ดีขึ้น และจะพิสูจน์ให้ได้ ว่าวันหนึ่งธนาธรจะเป็นนายกรัฐมนตรีจากมติมหาชนประเทศไทย“

                วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่ "ธนาธร" ต้องผ่านวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อไปให้ได้ก่อน

                ถ้าผิดโทษไม่หนักหนาอะไร จำคุก ๑-๑๐ ปี เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ๒๐ ปี และยุบพรรค เท่านั้นเอง.