กทม.ยอมรับ จ่อเหมาเข่งยกสัมปทานรถไฟฟ้าให้ BTS 40 ปี พร้อมควักปีละ 1,000 ล้านบาท ช่วยรับภาระเอกชนกดราคาค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาท ด้าน รฟม.ทดสอบเดินรถถึงสถานีห้าแยกลาดพร้าวฉลุย
เมื่อวันจันทร์ นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และอดีตรองปลัด กทม. ในฐานะผู้ว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) เดินรถสายสีเขียว เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเจรจากับบีทีเอสตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยฝ่ายนโยบายให้กรอบเจรจาภายใน 90 วัน หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกับเอกชนมา 2 ครั้งแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้เดินรถรายเดิมคือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้า BTS ถึงแนวทางความเป็นไปได้ในการต่อขยายสัมปทานเดินรถทั้ง 2 สัญญาออกไปอีก 30 ปี
ทั้งนี้ ได้แก่สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ขณะที่อีกสัญญาคือสัมปทานเดินรถส่วนต่อขยาย ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า โดยจะเริ่มนับสัญญาสัมปทานในปีแรกคือปี 2573 และหมดสัญญาในปี 2603 รวมระยะเวลาจากปัจจุบัน 2562 ทั้งสิ้น 40 ปี โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการแลกเปลี่ยน 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ค่าโดยสารตลอดสายต้องไม่เกิน 65 บาท เช่น คูคต-สมุทรปราการ
นายมานิตกล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่เอกชนยังไม่ยอมรับ พร้อมให้ กทม.ช่วยรับภาระค่าโดยสารที่เกินกว่าต้นทุน (Subsidy) 2.BTS ต้องรับภาระทรัพย์สิน หนี้สิน และดอกเบี้ยของโครงการช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมวงเงินทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว เอกชนจึงจำเป็นต้องไปจ่ายคืนให้กระทรวงการคลัง 3.ลงทุนค่าติดตั้งอาณัติสัญญาณในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
"เงื่อนไขสำคัญของการเจรจาคือค่าโดยสารต้องไม่เกิน 65 บาท ตามนโยบายท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่พี่น้องประชาชน" นายมานิตกล่าว
เขากล่าวอีกว่า สำหรับเงื่อนไขการ Subsidy ค่าโดยสารนั้น กทม.จะยื่นข้อเสนอในรูปแบบการให้ค่าอุดหนุนรายปี เพื่อชดเชยกับรายได้ที่ต่ำกว่าต้นทุนของการเดินรถ คาดว่าจะยื่นข้อเสนอค่าชดเชยที่ปีละ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของ กทม. มิใช่งบประมาณของชาติที่มาจากภาษีประชาชนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเกี่ยวกับคุณภาพบริการรถไฟฟ้าที่แชร์กันในโลกออนไลน์ เช่น ขบวนรถขัดข้องและรถเสียบ่อยตอนฝนตก เป็นต้น กทม.ได้ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและมีการพูดคุยในเวทีประชุมเจรจา
"ดังนั้นในการร่างสัญญาสัมปทานใหม่นี้จะมีเกณฑ์กำหนดค่าประเมิน KPI ในงานบริการรถไฟฟ้า เช่นแต้มคุณภาพบริการและแต้มความพึงพอใจ เป็นต้น หากคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน หรือเกิดข้อผิดพลาดถ้าเกินค่ามาตรฐานก็จะมีโทษปรับที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาเดิมแน่นอน โดยจะมีการเก็บข้อมูลคุณภาพของผู้ให้บริการเดินรถแบบเรียลไทม์โดยเซ็นเซอร์จากจุดต่างๆ"
ส่วนเรื่องกระแสที่สังคมต่อว่าเรื่องค่ารถไฟฟ้าแพงเกินไป ประกอบกับการยืนยันผลศึกษา TDRI ที่พบว่าค่าโดยสารแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้น นายมานิตกล่าวว่าได้พูดเรื่องนี้ในวงเจรจาสัมปทานกับผู้เดินรถรายเดิมเช่นกัน แต่ทั้งนี้ กทม.ขอยืนยันว่าราคา 65 บาทเป็นต้นทุนที่คิดคำนวณมาเหมาะสมกับประชาชนทุกคนในเมืองหลวงแล้ว อาจมีความเห็นเรื่องราคาต่างกันได้บ้าง แต่ต้องไม่ลืมว่าแต่ละคนฐานะและต้นทุนทางสังคมมีอยู่หลายระดับ
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังเปิดทดลองเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ช่วง 1 สถานี จากหมอชิตไปถึงสถานีห้าแยกลาดพร้าวว่า ในวันที่ 11 ส.ค.นี้จะเตรียมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสีเขียวอีก 1 สถานี หรือจากสถานีหมอชิตไปยังสถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของสถานีหมอชิตได้ ขณะที่ความคืบหน้าในส่วนของงานโยธาโครงการที่ รฟม.รับผิดชอบนั้น เสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว และอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบต่อไป
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) เปิดเผยว่า การเปิดเดินรถถึงสถานีห้าแยกลาดพร้าว เชื่อว่าจะทำให้ผู้โดยสารของรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ปัจจุบันนี้มีอยู่เฉลี่ยเกือบ 8 แสนคนต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% ส่วนการเดินรถให้บริการฟรีถึงห้าแยกลาดพร้าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคมนี้ และเรื่องระยะเวลาจะนานเพียงใด กทม.เป็นผู้กำหนด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |