‘บิ๊กตู่’ลั่นรบ.ของปวงชน ฉะพวกสาปแช่งประเทศ


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ยกคณะเยือนภูเก็ต หยอดรักทุกคน ลั่นตั้งจิตอธิษฐานเป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย  ไหว้พระทุกวันขอบริหารบ้านเมืองราบรื่น ดูแล ปชช.ให้ปลอดภัย ยันวางกรอบทำงานชัดเจนกันตีรันฟันแทงในอนาคต ชี้หมดเวลาประท้วงแล้ว ฉะพวกสาปแช่งประเทศตัวเอง 

    ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา  07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม และคณะทำงานนายกฯ  ออกเดินทางโดยเครื่องบิน Airbus 320 ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  เพื่อไปตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งนับเป็นจังหวัดแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ อีกทั้งพรรคพลังประชารัฐยังได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้ง 2 เขต
    ต่อมาเวลา 09.55 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดอุโมงค์ทางลอดห้าแยกฉลอง ซึ่งก่อสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจร และจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหญ่ของภูเก็ต โดยมีกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้กลุ่มด้ามขวานไทย พรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายทวี สุระบาล แกนนำหาเสียงคนสำคัญในพื้นที่ภาคใต้, นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง,  นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1, นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 มาให้การต้อนรับ โดยนายกฯ ได้ทักทายพร้อมกล่าวว่ายินดีด้วย 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่ของนายกฯ เป็นไปอย่างเข้มงวด โดยใช้การรักษาความปลอดภัยชั้นสูงสุด มีการระดมเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและจากกองทัพภาคที่ 4 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดูแลตลอดเส้นทางและจุดที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ 
    ทั้งนี้ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมาโรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต ปรากฏว่ามีชาวบ้านประมาณ 100 คน ส่งเสียงโวยวายอยู่นอกรั้วโรงเรียน โดยไม่พอใจที่หน่วยรักษาความปลอดภัยและจังหวัดไม่เปิดให้ประชาชนที่มารอรับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปภายในโรงเรียน ขณะที่ภายในโรงเรียนมีการจัดพื้นที่รองรับประชาชนที่มารับฟังการกล่าวปราศรัยของนายกฯ เพียง 200 คน โดยประชาชนที่ไม่สามารถเข้ามาได้ต่างโวยวายว่าเดินทางมารอต้อนรับตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้วแต่กลับไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ ทำให้ผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะไม่บ่อยนักที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาภูเก็ต จึงอยากมาให้การต้อนรับด้วยตัวเอง  ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปิดให้ประชาชนที่อยู่ภายนอกเข้ามาบริเวณภายในเหตุการณ์จึงสงบลง
หยอดรักชาวภูเก็ตทุกคน
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานโดยได้กล่าวถึงชาวบ้านที่มาส่งเสียงนอกรั้วเพื่อรอพบว่า ขอให้ใจเย็นๆ พวกที่อยู่ข้างนอก เดี๋ยวได้เจอกันทุกคน รักทุกคน ขอร้องอย่าส่งเสียงดัง ตนมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับพื้นที่ของทุกคนในนามของนายกฯ วันนี้เราไม่มีเวลาจะมาประท้วงอะไรทั้งสิ้นแล้ว เพราะตนดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใคร ต้องขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ คงไม่ใช่จะทำเพื่อภูเก็ตเพียงอย่างเดียว เราต้องดูแลจัดสรรปันส่วนให้ดี เพราะประเทศไทยปัญหามีเยอะมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดมาจากอะไรเหมือนกัน เราต้องสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือ สร้างความรักความสามัคคี การดูแลจึงต้องกำหนดสัดส่วนของการใช้จ่ายงบประมาณให้เหมาะสม 
    "รัฐธรรมนูญเป็นของปวงชนชาวไทย คำว่าปวงชนคือคนทั้งประเทศ แต่แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทั้งหมดได้พร้อมกันทุกอย่าง จึงต้องเป็นขั้นเป็นตอน ลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนก่อน อะไรที่เป็นปัญหากระทบกับคนจำนวนมากก็ต้องดำเนินการก่อน เราต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีรัฐบาลที่สามารถดูแลประชาชนทุกฝ่ายทุกพื้นที่ อย่างเช่นการทำอุโมงค์ต้องเขียนกรอบการทำงาน วันหน้าไม่มีแบบนี้ก็จะตีรันฟันแทงกัน สู้กันด้วยอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา แต่วันนี้ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะผมวางไว้ให้หมดแล้ว นำปัญหาเดิมที่เดือดร้อนมาแก้ นำงบลงกลุ่มจังหวัดมากกว่ารัฐบาลก่อนๆ พอสมควร รัฐบาลต้องไม่ทำงานสะเปะสะปะ และผมยืนยันจะทำให้ดีที่สุด" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาต้องไม่ขัดแย้งเรื่องสิ่งแวดล้อม เรามีคณะกรรมการมากมาย ต้องดูว่าประเทศจะได้ประโยชน์อย่างไร ไม่ใช่จะได้ใต้โต๊ะอย่างไร ถ้าผิดร้องเรียนมาได้ สอบสวนดำเนินคดีทุกเรื่อง ทั้งนี้การแก้ปัญหาต่างๆ ต้องฝาก ส.ส.ที่ร่วมงานกับรัฐบาลด้วย อาจจะสำเร็จบางอย่างสมัยเรา  บางอย่างอาจจะภายภาคหน้าหรือรุ่นลูกหลาน และงบประมาณที่จังหวัดและทุกพื้นที่ขอมา หากเกิน 60% เมื่อไหร่เตรียมล่มสลายได้เลย เพราะอ่อนไหวอ่อนแอ วันนี้ดึงไว้ 42% อย่าให้ใครมาบอกว่ารัฐบาลนี้สร้างหนี้สิน ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะทุกอย่างจะทำต่อไป ในทุกนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคใดเป็นรัฐบาลจะต้องเป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันตนจะทำให้ในสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์ หากมองนโยบายของแต่ละพรรคแล้วคงไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย เพราะคงใช้งบประมาณสูงถึงล้านล้านบาท แต่ต้องทยอยทำเพราะทุกนโยบายล้วนดีทั้งสิ้น บางนโยบายอาจทำไม่ได้จริงในตอนนี้ แต่ทำได้ในอนาคต 
     "แม้ประเทศสิงคโปร์จะมีความเจริญมาก แต่สิงคโปร์ก็ชอบมาเที่ยวเมืองไทย แต่แปลกที่คนไทยบางกลุ่มชอบว่าประเทศตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชอบว่าตัวเองทุกวัน ไม่มีทางที่เราจะไปได้ถ้าเราว่าตัวเองทุกวัน เพราะมันเหมือนกับสาปแช่งตัวเราเอง สาปแช่งประเทศตัวเอง ประเทศไปไม่ได้หรอก เขามีแต่ให้สร้างแรงศรัทธา ขอให้ประเทศตัวเองอยู่รอดปลอดภัย อย่างผมก็ไหว้พระทุกวัน ให้การบริหารราชการราบรื่น ไม่ได้ขอให้ใครมารักผม ขอแค่ให้ทำงานให้สำเร็จ ดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผมขอพระแบบนี้มาตลอด 5 ปี ก่อนหน้านี้ที่เป็นทหารก็ขอให้ลูกน้องปลอดภัย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นกล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า จากการรับฟังการพูดของนายกฯ ทำให้ทราบว่านายกฯ มีความเข้าใจในปัญหาของชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งหากนายกฯ ได้มาภูเก็ตก่อนหน้านี้คงสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ 
    ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า แม้ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาภูเก็ตแต่เราก็ทำให้ ดังนั้นวันนี้เรามาเราก็ต้องทำให้มากขึ้น แต่ตนไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่มาทำงานทางการเมือง ซึ่งถือเป็นนักปฏิบัติ จากนี้ประเทศไทยต้องไปด้วยกันได้ทั้ง 3 ส่วน คือ 1.ข้าราชการ 2.การเมือง 3.ประชาชน หาก 3 ส่วนนี้ไปไม่ได้ก็ต้องเลิกหมด ไม่ว่าพรรคใดก็ตามต้องรักประเทศไทยทุกตารางนิ้ว ไม่สามารถที่จะแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ แม้ประชาชนจะไม่เลือกเรา แต่เราก็ต้องดูแลเขา เพราะทุกคนถือเป็นคนไทย 
    จากนั้นเวลา 11.30 น. ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ในพื้นที่อนุบาลและฟื้นฟู นายกฯ และคณะได้แวะเยี่ยมและให้นมลูกพะยูนชื่อว่า "ยามีล" ที่เข้ามาเกยตื้น ซึ่งอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนองพระราชดำริ ภายหลังสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับลูกพะยูนมาเรียมและพะยูนยามีลไว้ในโครงการ "อนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระราชดำริฯ"
    โดยนายกฯ ได้ป้อนนมและสอบถามถึงการอนุบาลและการเลี้ยงดู รวมทั้งให้กำลังใจและขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ที่ได้ดูแลและอนุรักษ์พะยูนไทยไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดกับลูกพะยูนยามีลหลังป้อนนมว่า "ขอให้หายเร็วๆ และเติบโตเป็นพะยูนที่แข็งแรงต่อไป"  ส่วนสัตวแพทย์ผู้ดูแลเปิดเผยว่า ลูกพะยูนยามีลมีอายุราว 3-4 เดือน ปัจจุบันมีความแข็งแรงมากขึ้น  หลังจากที่ได้รับการอนุบาลและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสามารถดื่มนมและกินหญ้าทะเลได้แล้ว
    ต่อมาเวลา 11.50 น. ที่กองทัพเรือภาคที่ 3 พล.อ.ประยุทธ์ได้สักการะอนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง
รัฐบาลของปวงชนชาวไทย
    ในช่วงบ่ายนายกฯ และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ พ.ศ.2562 กรณีภัยจากสึนามิ ด้านการฝึกปฏิบัติ 6 สถานี และตรวจเยี่ยมศูนย์จิตอาสาสนับสนุนการบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์พักพิงรองรับผู้อพยพ และโรงพยาบาลสนาม ที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต อ่าวมะขาม
    โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมจุดบริการให้คำปรึกษากรณีเอกสารชาวต่างประเทศสูญหายของสถานกงสุลต่างประเทศ พร้อมทักทายชาวต่างชาติที่มาใช้บริการว่ามาจากไหน จากนั้นได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ล่ามชาวต่างชาติซึ่งพูดได้ 5 ภาษา โดยล่ามคนดังกล่าวได้ขอจับมือ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย 
    จากนั้นนายกฯ กล่าวกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราได้ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชน เพราะเมื่อใดที่ประชาชนมีความทุกข์ก็ถือเป็นความทุกข์ของเราด้วย เป็นเหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีรับสั่งกับนายกฯ มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นหน้าที่ของเราคือทำให้ประชาชนมีความสุขปลอดภัย ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีใครแบ่งแยกได้ ทั้งเรื่องของดินแดนและการปกครอง เพราะเราเป็นประเทศไทยมายาวนานหลายร้อยปีมาแล้ว 
    "ผมตั้งจิตอธิฐานว่าจะเป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญที่เขียนว่าปวงชนชาวไทย ไม่ใช่รัฐบาลของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งสิ้น หน้าที่ของรัฐบาลคือทำเพื่อปวงชนชาวไทยทั้ง 60 กว่าล้านคน และประชาชนคนไทยก็ไม่ได้มีหน้าที่น้อยไปกว่านายกฯ เพียงแต่ทำคนละหน้าที่ หากทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างข้าราชการกับประชาชน ทุกอย่างก็จบ  แต่ถ้าขัดแย้งกันก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้คือความรักความสามัคคี"  พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับชมการฝึกภาคพื้นดิน ทางน้ำ ทางอากาศ และบนเกาะ พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์สั่งการ (ICP) ศูนย์สื่อสาร และศูนย์ประสานงานของหน่วยงานระหว่างประเทศ (UCC) โดยกล่าวให้โอวาทแก่เจ้าหน้าที่ว่า ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างดีที่สุด เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เราจะต้องสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชน พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชน ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการสั่งการ เมื่อเป็นเช่นนั้นจะเกิดความภาคภูมิใจว่าเราได้ช่วยเหลือผู้อื่น เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น แต่ทางออกคือการป้องกัน ยืนยันว่ารัฐบาลทำเพื่อทุกคน เพราะถือเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ 
    จากนั้นนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต โดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ผู้บริหารพื้นที่ท่าเรือน้ำลึก ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานในการบริหารพื้นที่ 30 ปีมาให้การต้อนรับด้วย.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"