นายกฯ แสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องกร นร.ม.3 ที่ถูกรุ่นพี่รับน้องเตะอกจนสมองตายนอนไอซียู ย้ำทุกสถาบันเฝ้าระวังอย่าให้เกิดเหตุซ้ำรอย ด้าน นร.ม.6 ที่ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว 2 คน ให้การรับสารภาพ รอง ผอ.โรงเรียนยันสั่งห้ามรับน้องไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และไม่เคยรู้เรื่อง "เลสรุ่น"
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ กรณีนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนในจังหวัดนครปฐม ถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยย้ำว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมทั้งแสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับครอบครัวของนักเรียนที่เคราะห์ร้าย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเตือนไปยังรุ่นพี่ที่คอยดูแลรุ่นน้องตามสถาบันต่างๆ ให้พึงแยกแยะการกระทำที่ไม่สมควรกับรุ่นน้อง จะต้องละเว้นกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย การทำร้ายร่างกายหรือถึงเนื้อถึงตัว เพราะยังมีรุ่นพี่บางกลุ่มทำแบบนี้อยู่ ซึ่งท้ายที่สุดไม่มีอะไรดี และยังอาจทำให้เกิดความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม แม้โรงเรียนจะไม่รู้เห็นการกระทำเช่นนี้ แต่ขอให้ทุกสถาบันเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย
“นายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมทางคดีกับทุกฝ่าย และต้องสามารถชี้แจงต่อสังคมได้อย่างชัดเจน” พล.ท.วีรชนกล่าว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกย่างเข้าวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดังของจังหวัดนครปฐม ซึ่งถูกรุ่นพี่แอบนัดหมายไปรับน้องเพื่อรับเลสข้อมือ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียน ด้วยการทดสอบความอดทนของร่างกาย ให้รุ่นพี่เตะหน้าอกรุ่นน้องรวม 3 ครั้ง ปรากฏว่ารุ่นน้อง 3 คนได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม ในจำนวนหนึ่งรายหนึ่งชื่อน้องกร มีอาการหนัก ล่าสุดสมองตายและบวมเนื่องขาดอากาศหายใจ นอนอยู่ที่ห้องไอซียู ซึ่งผู้ปกครองของน้องกรได้เข้าแจ้งความตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ
ต่อมาวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พ.ต.อ.อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.ภิญโญ มุกสิสาร รอง ผกก. หัวหน้าพนักงานสอบสวน ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินการทางด้านคดี โดย พ.ต.อ.อนุรักษ์กล่าวว่า คดีนี้ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งในวันนี้ได้มีผู้ปกครองนำรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมามอบตัวแล้ว 2 คน ให้การรับสารภาพ ซึ่งได้ให้ทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในการสอบปากคำ และคาดว่าวันเดียวกันจะมีการส่งตัวไปยังศาลก่อนส่งไปควบคุมไว้ที่สถานพินิจต่อไปทันที ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าคืนวันเกิดเหตุได้มีนักเรียนทั้งหมด 15 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือผู้กระทำเป็นรุ่นพี่ ม.6 จำนวน 3 คน รุ่นน้องที่ถูกกระทำ 3 คน และเพื่อนๆ ที่ไปร่วมงานอีก 9 คน
ขณะที่ พ.ต.ท.ภิญโญ มุกสิสาร กล่าวว่า หลังรับแจ้งความดำเนินคดีแล้ว จากการสอบสวน นักเรียนทั้งหมดได้ขออนุญาตผู้ปกครองไปกินหมูกระทะที่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 4 ต.สำโรง อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งในงานได้มีการรับน้องกันเอง โดยคนที่จะเข้ารับเลสข้อมือจะต้องได้รับการทดสอบความอดทน โดยให้นั่งชันเข่าแล้วให้รุ่นพี่เตะที่หน้าอก สำหรับน้องกรถูกรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อน้องน้ำ (นามสมมติ) เตะเข้าที่หน้าอก 3 ครั้ง จนเกิดอาการจุก หายใจไม่ออก และถูกนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ปั๊มหัวใจ แต่อาการไม่ดีขึ้น ตอนนี้อาการโคม่ามากเนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน จึงได้แจ้งข้อหาผู้ทำร้ายคือ ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนประเด็นร่วมกันทำร้ายร่างกายยังสอบไม่ชัด เนื่องจากมีการจับคู่ทำร้ายร่างกายกัน ไม่มีการรุมทำร้าย
พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.นครชัยศรี กล่าวว่า กรณีที่ญาติผู้บาดเจ็บสงสัยว่ามีนักเรียนรุ่นพี่ชื่อดาว (นามสมมติ) ได้เข้ามาแจ้งความว่า น้องกรและนักเรียนอีกคนหนึ่งถูกกลุ่มวัยรุ่น 4 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาทำร้ายร่างกายจนได้บาดเจ็บ ตำรวจได้สอบสวนแล้ว พบว่าเป็นการให้การเท็จ ก็จะดำเนินคดีในฐานแจ้งความเท็จเอาไว้ด้วย
ด้านว่าที่ร้อยตรีสุชาติ มณีวุฒิวรสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนที่นักเรียนทั้งหมดเรียนอยู่ กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายสามารถ รอดอยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ให้เข้ามาสังเกตการณ์ ยืนยันว่าโรงเรียนได้ห้ามรับน้องไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตามระเบียบของสำนักงานการมัธยมศึกษา และเรื่องเลสรุ่น ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพิ่งจะมาทราบว่ามีจากกรณีที่เกิดขึ้น
พี่สาวของน้องกรที่ไปติดตามความคืบหน้าทางคดี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ยังสงสัยทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่มีการสอบสวนเอาผิดคนอื่นที่ร่วมกันกระทำรุนแรงกันน้องกร จากการสอบถามข้อมูลมาจากน้องที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า น้องกรถูกให้นั่งเอามือไขว้หลัง แล้วมีคนจับมือล็อกแขนเอาไว้ให้รุ่นพี่เตะ และยังสงสัยน้องชายอาจจะไม่ได้โดนกระทำคนเดียว เพราะยังมีหลักฐานที่เชื่อว่ามีปัญหาอะไรลึกๆ มากกว่านั้นด้วย โดยตอนนี้น้องกรยังนอนไม่รู้สึกตัวและไม่ตอบสนอง นอกจากนี้ ทราบว่าบ้านเกิดเหตุเป็นของตำรวจนายหนึ่งซึ่งมีลูกชาย 2 คน เรียนอยู่ชั้น ม.6 กับ ม.3 และอยู่ในเหตุการณ์ด้วย อยากถามว่าได้มีการสอบปากคำไปแล้วหรือไม่
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ พนักงานอัยการ ผู้ปกครอง สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส” และนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐมควบคุมตัว โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน จำนวน 1 ราย และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์บาดแผลของแพทย์ รพ.นครปฐม นำมาประกอบสำนวนการสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามขั้นตอนกฎหมาย
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดทางแพ่งผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบ และอยากเตือนไปยังรุ่นพี่ที่คอยดูแลรุ่นน้องตามสถาบันต่างๆ ให้พึงระลึกถึงความผิดชอบชั่วดี การกระทำอันใดที่ไม่สมควรกระทำกับรุ่นน้อง เช่น การกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัว ทำร้ายร่างกาย เสี่ยงอันตราย เป็นต้น ก็ขอให้ละเว้น เพราะถ้าหากเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายของรุ่นน้อง ผู้ที่ถูกกระทำ จะมีความผิดตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่มีการละเว้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |