ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งเปลาะ พลันที่ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมกับสื่อมวลชนว่า ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนมตรีทูลเกล้าฯ ถวายไปแล้ว ทุกกลุ่มพรรคพลังประชารัฐสงบ รอลุ้นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีไปด้วยกัน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พอมีรอยยิ้มได้บ้าง ก่อนหน้านี้เกิดมหกรรมเขย่า ขย่มกันแหลกเป็นรายวัน ทำเอานักการเมืองขั้วตรงข้าม โดยเฉพาะในซีกเพื่อไทย ออกมาเย้ยหยัย แบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว ราวกับแย่งชามข้าวก็มิปาน
ตอกย้ำภาพลักษณ์รัฐบาลประยุทธ์ภาค 2 ติดลบ ดูไม่ดีตั้งแต่ยังไม่เริ่มนับหนึ่งทำงาน ไม่เท่านั้นประชาชนที่เบื่อหน่ายการเมืองอยู่แล้ว ยึดอำนาจมา ด้วยความหวังจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศ สุดท้ายเดินไปไม่ถึงไหน วนกลับมาที่เก่า รัฐบาลทหาร รัฐบาลพลเรือน เอ็งชั่ว ข้าเลวไม่ต่างกัน
โผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่ออกมา จำแนกเป็นขั้ว แยกเป็นรายพรรค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีควบ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก๊วนพี่ใหญ่ สายแข็งกลุ่มผู้ก่อตั้งระดับแกนนำพรรคตบเท้ามากันครบ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.แรงงาน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ขุนพลที่ลงทุนลงแรงมาตลอดตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐก่อตั้งตัวมาจนเสร็จศึกเลือกตั้ง ทำงานตามเป้า ได้ ส.ส.ตามโควตา ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นเสนาบดี ทั้งที่ตัวเองลงมาเล่นเอง ส่งคนใกล้ชิดเข้ามาแทนมากันพรึ่บ
พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.พาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมน ายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เต็มไปด้วยกระทรวงเกรดเอที่พลังประชารัฐจำใจตัดเฉือนเนื้อให้ ด้วยเงื่อนไขแลกกับการยอมร่วมรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทย แกนนำทั้งการเมือง กลุ่มทุน ชักแถวกันมาครบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์
พรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรครวมพลังประชาชาติไทย หนึ่งเดียวเป็นของหัวหน้าพรรค ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับค่ายพรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นเสนาบดีเช่นกัน
แม้บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ บอกรอให้มีการทูลเกล้าฯ ถวายลงมา จะรู้ว่าใครได้ไปทำหน้าที่ที่กระทรวงใด โดยเฉพาะในรายธรรมนัส ที่นายกฯ กระเซ้าผ่านสื่ออาจไม่ใช่คนคนนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร จากโฉมหน้า ครม.ประยุทธ์ภาค 2 เทอม 1 กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ คงไม่หนีไปจากนี้
โผรายชื่อ ครม.ที่ออกมา หลายคนสมหวัง หลายคนผิดหวัง หลายคนเจ็บช้ำ คละเคล้าปะปนกันไป โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ถือเป็นก๊กใหญ่ในพลังประชารัฐ ออกมาเขย่าแรงๆ ถึงขนาดจะไล่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปเลย หลังจาก เสี่ยแฮ้งค์-อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พลังประชารัฐ หลุดโผไปในนาทีสุดท้าย ออกมา ขย่มได้เพียงวันสองวัน สุดท้ายถูกจัดระเบียบ แกนนำมุ้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ออกแถลงข่าว ยอมรับผลการจัดโผ ครม.ที่เกิดขึ้น อนุชาก็ดำดิน หายเงียบไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้เป็นที่สนุกปากพรรคฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ดี คนกันเอง กอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ถือเป็นมือทำงาน ขยันทุ่มเทให้กับพรรคพลังประชารัฐมาอย่างต่อเนื่อง ก็หลุดโผไป ท่ามกลางเสียงร่ำลือ เจ้าตัวเจ็บไม่น้อย ขออยู่เงียบๆ หลบเลียแผลใจสักพัก ทำอย่างไรได้ โควตา 35+1 มีอย่างจำกัด คนจ้องเป็น รัฐมนตรีมากกว่าตำแหน่งในกระทรวงที่ให้นั่ง ยังไม่นับพวกแถวสอง รอต่อแถว รอคิว ในการปรับ ครม.รอบหน้ากันอีกเพียบ
รัฐบาลประยุทธ์นับแต่ยึดอำนาจอยู่มา 5 ปี เลือกตั้งแม้ไม่ได้เสียง ส.ส.เป็นที่ 1 แต่สามารถรวบเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ แม้จะอยู่ในภาวะปริ่มน้ำ ที่มีประมาณ 254 เสียง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองตั้งวงวิเคราะห์รัฐบาลอายุสั้น อยู่ไม่ยาว
พรรคใหญ่ กลาง พรรคเล็กในพรรคเบ็ดเสร็จ 19 พรรค ยังไม่นับรวมแต่ละพรรค โดยเฉพาะพลังประชารัฐยังแตกยิบย่อยเป็นก๊กเป็นเหล่า สามมิตร กปปส. บ้านริมน้ำ ด้ามขวาน อีสานโซนขอนแก่น กลุ่มสายตรง พี่ใหญ่ พี่รอง ช่วยกันอุ้มชูรัฐบาลประยุทธ์ ยังไม่ทันได้เริ่มนับหนึ่งเข้าไปทำงาน เกิดภาวะแย่งชิงเก้าอี้ ตั้งกลุ่มกดดันต่อรอง ไม่พอใจออกมาเขย่ากันแรงๆ กระทบไปถึงกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ ด้วยข้อครหามาเบียดบังเก้าอี้ ครม.ตามที่กลุ่มของตัวเองควรจะได้ มีทั้งมหกรรมแทงกันซึ่งหน้า แทงกันข้างหลัง พวกบ่างช่างยุ แม้แต่บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคยโดนกระทบชิ่งไปกับเขาด้วย
ยังไม่นับรวมถึงคราวจังหวะสำคัญๆ ที่ต้องอาศัยเสียง ส.ส.ร่วมโหวตยกมือ ผ่านร่างกฎหมายสำคัญๆ หรือแม้แต่ไปถึงหลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยเสียง ส.ส.ข้างมากเป็นตัวตัดสิน ทำให้กฎหมายผ่าน-ไม่ผ่าน รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้รับความไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ
แน่นอนแต่ละเรื่อง หากเกิดการแตกแถวแม้แต่เสียงเดียว ภาพลักษณ์รัฐบาลประยุทธ์ที่ไม่สวยอยู่แล้ว ยิ่งจะดำดิ่งลงสู่ก้นเหวไปได้ง่ายๆ กลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย (Lame Duck) ยังไม่นับรวมปัจจัยการเมืองโลก เศรษฐกิจโลก ที่พร้อมเขย่ารัฐบาล ล้วนเป็นบททดสอบ พิสูจน์ทั้งกึ๋น ความสามารถ ผู้นำและผู้บริหารรัฐบาลไปพร้อมกันในเวลาเดียว
แม้เวลานี้ศึกภายในพลังประชารัฐสงบลง แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผลประโยชน์ (เริ่ม) ลงตัว แต่ถ้าวันใดมีอะไรผิดแผก ไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีสิ่งใดการันตีได้เหมือนกัน ภาวะรุมขย่ม รุมเขย่า รัฐนาวาประยุทธ์ จะไม่ปะทุ ระอุกลับขึ้นมาเป็นคำรบ 2-3-4 อีก
เรื่องราวทุจริตคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลต้องเผชิญและหวาดหวั่น มีการประเมินกันไว้ว่า ด้วยภาวะที่ไร้รัฐบาลการเมืองมาบริหารกว่า 5 ปี กลุ่ม ส.ส. เหล่านักเลือกตั้งมืออาชีพ พลันที่ พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาฯ ทุกสายตากำลังรอคอยทั้งโปรเจ็กต์ โครงการสำคัญๆ งบประมาณที่พร้อมหว่านลงพื้นที่ เมื่อถึงเวลานั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดเรื่องราวไม่ชอบมาพากล จะเกิดมหกรรมอื้อฉาว มีใบเสร็จมัดดิ้นไม่หลุดออกมาหรือไม่
ฝ่ายค้านที่นำทีมโดยพรรคเพื่อไทยกำลังเร่งจัดทัพ สรรหาผู้นำฝ่ายค้าน วางเกมในสภาฯ และนอกสภาฯ ตรวจสอบทั้งการทำงานรัฐบาลองค์รวมและเจาะลึกเป็นรายตัว จับตาดูทุกฝีก้าว ฉากหน้าตรวจสอบ ฉากหลังผสมแค้น ที่ถูกปล้น แย่งชิงอำนาจไป หากมีจังหวะ หลักฐาน ใบเสร็จพอทำให้ได้ลุ้น ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน ไม่เพียง ฝ่ายค้านกลุ่มขั้วตรงข้ามขาประจำที่พร้อมรุมขย้ำรัฐบาลประยุทธ์ทุกจังหวะ ทุกฝีก้าว
คนกันเองที่เห็นๆ หน้ากันอยู่ บางครั้งบางจังหวะอาจนิ่งเฉย ขยิบตาหรือเปิดประตูบ้านให้คนไม่รู้จักกันได้ง่ายๆ ต้องไม่ลืม 19 พรรคที่ร่วมอุ้มชูเป็นรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ได้อยู่กันด้วยความรัก แต่ร่วมกันอยู่ทั้งจนใจ จำใจ ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด บางคนมีแผลคาใจกันมาตั้งแต่อดีตที่ปัจจุบันยังไม่จางหาย พร้อมจะล่อกันเอง สั่งสอนกันตามเหตุปัจจัยเอื้ออำนวย ผลจากการฝ่ายค้านใช้เวทีเลือกนายกฯ ซ้อมเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ไร้เงาขุนพลพรรคร่วมรัฐบาลออกมาปกป้องนายกฯ เหตุการณ์เลือกประธานและรองประธานสภาฯ พอจะเห็นสัญญาณความไม่ปกติที่ว่ากันด้วยเรื่องเสถียรภาพมันก็ฟ้องกันอยู่
เป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้น จากอดีตสะท้อนมาถึงปัจจุบัน และพอทำนายไปถึงอนาคต แต่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงอย่างเดียว ด้วยความหลากหลายทางก๊ก คณะเสนาธิการที่ปรึกษา รวมทั้งบิ๊กตู่ ที่นอกจากจะต้องเตรียมรับมือทั้งเหตุร้ายสุดที่อาจเกิดขึ้นได้ (worst case scenario) แต่ในเหตุร้ายย่อมมีดี ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ หากถือเสียว่า มหกรรมแย่งชามข้าวเป็นหนึ่งในบททดสอบ สยบความขัดแย้งภายใน ที่ต่อมาไม่กี่อึดใจก็ผ่านไปได้ พลังภายในทีมประยุทธ์ใช่จะไร้กึ๋น ไม่มีฝีมือเลย
ในภาวะแบ่งแยกแล้วปกครอง ในร้ายอาจมีดี ในวิกฤติย่อมมีโอกาส ถ้าใช้คนให้เป็น บริหารให้ดี ลบจุดอ่อน สร้างจุดแข็ง กอบกู้ความเชื่อมั่น ลบวิกฤติศรัทธา ไอ้ที่ปรามาสๆ อายุรัฐบาลต่ำปี ดีไม่ดีลากไปครบเทอม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!!!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |