‘เมฆ วินัย’แถลงข่าว เล่าอาการป่วยทั้งน้ำตา


เพิ่มเพื่อน    

 

          เมฆ-วินัย ไกรบุตร พร้อมด้วย แพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะผู้บริหาร ได้แถลงข่าวอาการป่วยด้วยโรค “เพมฟิกอยด์” ที่เกิดจากภูมิต้านทานทำงานเพี้ยน ของนักแสดงหนุ่ม โดยเมฆได้เผยถึงอาการป่วยครั้งนี้ว่า

          “เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าโรคนี้จะมาเจอกับตัวผมเอง เท่าที่ฟังบางคนเป็น 8 ปี บางคนเป็น 3 ปี บางคนเป็น 2 ปี โทรมาบอกผม ผมไม่ได้รู้สึกดีใจนะ เพราะหลายปีมาก คือนึกสภาพดูว่าคนเคยแข็งแรง หุ่นดี ผิวดีมาก อยู่ๆตื่นมาตอนตีสอง ปวด 2 เดือนเต็ม มายืนแก้ผ้าที่หน้ากระจก (เสียงสั่น) และยืนดูตัวเอง มันโหดร้ายมากที่ต้องมายืนตอนตีสอง ยืนดูตัวเองเกือบ 2 เดือน

          อยากจะฝากคนไทย หมอที่มีความรู้ ไม่อยากให้คนเป็นต้องเป็นหลายปีหรือหลายเดือน เป็น 7-10 วันน่าจะพอ มันเป็นอะไรที่ทรมานจริงๆ ไม่คิดว่าจะเป็นที่ผม

          วันนี้ต้องบอกว่ามีเรื่องคาใจอยู่ 2 สิ่ง สิ่งแรกเลยต้องขอโทษทางบริษัท โคลีเซี่ยม ละครเรื่องตะกรุดโทน ของช่อง 7 ที่ถ่ายยังไม่เสร็จ วันที่ 11 นี้ถ้าไหวก็จะไป มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผมในการทำงาน ผมจะไปถ่ายให้ได้สักฉาก เพราะแกจะปิดกล้อง ต้องขอโทษนักแสดงทุกคนด้วยนะครับ อีกเรื่องที่ผมต้องสารภาพ ผมหลอกแม่เกือบ 2 เดือน ถ้าหายจะไปกราบขอโทษแม่ และอีกเรื่องตั้งแต่ผมนอนโรงพยาบาล แฟนคลับรวมพลคนรักเมฆ นักวิ่ง ส่งกำลังใจมาให้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีแฟนคลับเพราะแก่แล้ว เป็นดาราแก่ คงจะไม่มีใครรักหรือเดินทางมาเยี่ยมมากมาย แต่ก็มีมามากมายจริงๆ โทรมาทั้งวันทั้งคืนด้วยความหวังดี และบอกวิธีการรักษา ซึ่งต้องขอบคุณมาก แต่ผมก็ต้องเลือกการรักษาทางใดทางหนึ่ง โดยการเลือกการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาให้ดูแล ต้องขอบคุณสภากาชาดไทย ขอบคุณทีมแพทย์ และทีมที่คอยดูแลตั้งแต่แรก ทุกคนดูแลอย่างดีครับตั้งแต่พนักงานจนถึงพยาบาล สุดท้ายต้องขอบคุณภรรยา ลูกๆ และเพื่อนๆคนกระบี่ คนใต้ เชื่อหรือเปล่าที่ผมมาอยู่จุฬา แฟนคลับส่งเงินมามากมาย มากจนแทบจะบอกว่าผมสามารถนอนโรงพยาบาลนี้ได้อีก 2 เดือน

          ตื่นเช้ามาน้ำตาไหล เห็นตัวเลขที่เขาส่งมา นึกว่าครั้งละ 5,000-10,000 บาทไม่เกิน แต่พอดูไปดูมา เกือบครึ่งล้าน ขอบคุณมาก ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ทำให้ผมได้นอนโรงพยาบาล และบอกผมเลยว่า คุณต้องนอนให้หาย ไม่ต้องออกถ้าไม่หาย มาแปลกประหลาด ทั้งๆที่ผมไม่เคยเจอ ไม่ใช่เพื่อนผม รู้จักไม่กี่ครั้ง มันเป็นอะไรที่ทำให้ผมได้นอนโรงพยาบาลอย่างมีความสุข ผมสัญญา ผมจะนอนให้หาย ให้หายจริงๆ ตอนนี้ครอบครัวผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแล้ว ยังเหลือให้ผมได้นอนได้อีกถึง 2 เดือนอีกด้วย กราบขอบพระคุณทุกคนครับ

          อาการตอนแรกๆ รู้เลยว่าวันที่ 1 เมษายน ประมาณกลับจากถ่ายละคร 2 วัน มีอาการคันฝ่ามือ มีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาเป็นวง เกาจนเจ็บ คันจนนอนไม่หลับ นั่นคือจุดเริ่มแรกเลย พอตื่นเช้ามาไปหาหมอ 4-5 วัน ผ่านไป 4-5 รอบ ไปหาคนละหมอ ฉีดยา มันก็ยุบและหาย เป็นแบบนี้ประมาณ 10 ครั้ง จนรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ไปโรงพยาบาล 10 โรงพยาบาล แปลกประหลาดมากที่ฉีดยาแล้วมันหาย เราเลยปล่อยมาสักระยะ ยังบอกแฟนเลยว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา เลยปล่อยไว้ ปรากฎว่ามันระเบิดขึ้นมาทั้งตัวเลย เป็นตุ่มน้ำพองทั้งตัว พุ่งมาแบบน้ำไหลไฟดับ ขึ้นที่คอ ที่หัว ที่แขน ที่ขา มีที่เดียวคืออวัยเพศที่มันไม่ขึ้น เพราะมีคนบอกว่าส่วนนั้นมีอุณภูมิของมันเองในตัว ก็โชคดีไป ไม่งั้นตาย เพราะเป็นในปาก ในหู ใต้ฝ่าเท้า มีหมด

          ผมไปโรงพยาบาลกว่า 10 หมอ กว่าจะมาถึงจุฬา ไปถ่ายละครตีสองเกือบช็อก เรียกรถฉุกเฉินไม่มีใครรู้ เรียกที่โรงพยาบาลปักธงชัย ฉีดยาแก้แพ้ ขอบคุณโรงพยาบาลปักธงชัยมากนะครับที่ดูแลเป็นอย่างดี ตอนตุ่มระเบิดช่วงเดือนพฤษภาคม เลยได้คุยกับอาจารย์ที่จุฬา ท่านบอกมาเถอะ เรามียา

          จริงๆ มีอีกเรื่องคือเรื่องตัวยาที่ใช้ในการรักษา อยากให้รัฐบาลหรือว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลในเรื่องพวกนี้ ให้ช่วยกันดูแล สั่งยาตัวนี้เข้ามาช่วยคนไทยอีกแรง คนไทยไม่ได้รวยทุกคน ไม่ใช่ว่าเข็มละ 58,000 บาท สองเข็มก็แสนกว่าบาท แล้วก็เวลาในการรักษาไม่ใช่อาทิตย์เดียว แต่เป็น 5 เดือน 1 ปี 3 ปี ซึ่งใครบ้างจะไม่จิตตก ใครบ้างจะไม่ตกใจ อยู่ดีๆ ต้องหยุดทำงาน 3 ปี 1 ปี ผมบอกภรรยาตอนเดือนที่สองว่า ถ้าผมสภาพแบบนี้ไปขายสวนปาล์มได้เลย (น้ำตาคลอ) ไปขายที่ดินเลี้ยงลูกเพราะมันมีความรู้สึกว่ามันทรมาน คิดเหมือนกันว่าจะวางแผนชีวิตยังไงดี เพราะมันเป็นโรคที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งที่ผมไม่เคยเป็น สำหรับผมวันเกิดปีนี้ (น้ำตาคลอ) เป็นวันที่ทรมานมากที่สุด ทรมานมาก ก็บอกตัวเองว่ามันคงเป็นถึงเวลาที่ต้องชดใช้กรรม ก็ชดใช้มันไป

 

 

          ด้าน ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ แพทย์ที่เป็นตัวแทนในการแถลงอาการของนักแสดงหนุ่มกล่าวถึงโรคดังกล่าวว่า

          “โดยทั่วไปเราดูคนไข้เป็นคนๆ บางทีการประเมินข้อมูลรวมๆมันจะบอกยาก อย่างคุณวินัยเองก็ต้องดูอาการต่อเนื่องกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราทราบคือ เพมฟิกอยด์ ที่เป็นในผู้สูงอายุจะง่ายกว่าคนที่เป็นในช่วงอายุที่ไม่ได้มาก บางทีต้องดูไปตามระยะยาว ไม่ใช่ดูวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ อย่างน้อยที่สุดต้องดูกันประมาณ 3 เดือนครับ ต่อไปก็เป็น 6 เดือน อะไรก็ว่ากันไป แต่โรคนี้อย่างที่เรียนว่าภูมิต้านทานคนเรามันควบคุมตัวเองได้ บางทีหลายๆท่านจะเข้าสู่ช่วงสงบยาวๆเลย จนเรียกว่าหายได้ แต่โรคตระกูลนี้เขาไม่ได้เรียกว่าหายสนิท เขาเรียกว่าสงบ บางครั้งสงบไปนานๆ จนถึงคล้ายว่าหายขาด

          คนอายุน้อยๆก็มีโอกาสเป็นครับ แต่จะไม่เท่าคนอายุมากๆ บางทีคนเราอายุมาก การสร้างภูมิเพี้ยนบางตัวมันมากขึ้น ในขณะที่บางโรคมันจะเป็นในคนที่อายุน้อย มันแล้วแต่โรคครับ มันมีเป็นหมื่นโรคที่เกี่ยวกับภูมิ

          การออกกำลังกายเยอะมีส่วนให้เป็นโรคนี้ไหม จริงๆไม่น่ามี แล้วก็ที่คุณเมฆก็โพสต์ในเฟซบุ๊ก ว่าโดนน้ำร้อนลวกมาก่อน ผิวหนังถลอก อันนี้ก็ไม่เกี่ยวนะครับ เนื่องจากว่ากลไกตรงๆหรือโรคตรงๆมันเกิดจากภูมิที่อยู่ในเลือดเราที่มันเพี้ยนขึ้นมา ดังนั้นสิ่งที่อยากจะบอกคือไม่ต้องโทษอะไรเลย ไม่ต้องโทษว่ากินอาหารมื้อนั้นมา มันไม่ใช่การแพ้แบบนั้น ไม่ต้องโทษว่าไปขึ้นบีทีเอสแล้วมีคนจามใส่ แล้วติดเชื้อมา มันไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อ มันเป็นโรคของตัวเราเอง ซึ่งบังเอิญสร้างภูมิผิดปกติขึ้นมา

          สาเหตุที่ทำให้ภูมิในร่างกายมันเพี้ยน เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันอย่างไร จริงๆในบางโรคเราเข้าใจ เช่นสมมติว่าติดไวรัสบางตัวมา ทำให้เกิดการสร้างภูมิเพี้ยนไป หรือบางคนกินยาบางตัว ทำให้เกิดการสร้างภูมิเพี้ยนๆขึ้นมา อย่างนี้มีส่วนในบางโรค เพมฟิกอยด์ เองก็มีส่วนจากยาบางตัวเหมือนกัน ในบางท่านถ้าทานยาบางตัวมา ก็มีส่วนทำให้เกิดได้ครับ แต่ในส่วนมากเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เกิดเองโดยที่ไม่มีสาเหตุ ร่างกายคนเราทุกอย่างเหมือนเครื่องจักร มันทำงานผิดพลาดได้ตลอดเวลา แต่ว่าในบางครั้งถ้ามันผิดรุนแรงพอสมควร มันก็เกิดเป็นโรคขึ้นมา

          เพมฟิกอยด์ไม่มีวิธีป้องกันครับ คือเราไม่จำเป็นต้องไปคาดการณ์ล่วงหน้า โรคผิวหนังมาอยู่ 4 พันกว่าโรค ถ้าจะกันทุกโรคล่วงหน้าคงลำบาก โรคบางโรคถ้ามันมีการติดเชื้อ พวกนี้เรากันได้ เช่นฉีดวัคซีน โรคบางโรคเกี่ยวกับการกินอย่างเบาหวาน ก็ป้องกันได้ แต่โรคในกลุ่มนี้เราไม่รู้เลยว่ามันจะเพี้ยนไปตอนไหน เชื่อว่าในห้องนี้ก็มีบางโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิอยู่บ้าง มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ไม่ต้องไปจิตตกว่าจะเป็นโรคอะไร เมื่อเกิดขึ้นก็ไปรับรักษาให้ถูกต้อง

 

 

          ส่วนแนวทางการรักษาของคุณเมฆคือการกดภูมิในระยะแรก แล้วก็ใช้ปริมาณยาที่เหมาะสมพอสมควร เพื่อจะทำให้โรคมันหยุด ในขณะเดียวกันก็จะปรับยาลงไปเรื่อยๆตามความเหมาะสม โดยที่ให้ตุ่มมันขึ้นน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็ไม่กดภูมิมาจนเกินไป เดี๋ยวจะไปติดเชื้อมา แต่สิ่งที่ขอคุณเมฆตอนนี้คืออย่าเพิ่งไปการกุศลมากนัก ตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อน อย่าเพิ่งไปลุยอะไรมากๆ

          อาการตอนนี้ถ้าเทียบใน 1 เดือน 1 วันที่ผ่านมา ผมถือว่าดีขึ้นมาก แต่ถ้าดูตอนนี้ ถ้าไม่รู้จักโรคจะเห็นว่าทำไมตัวมันลายจัง แต่ถ้าดูดีๆ จะเป็นลายที่แห้ง ที่หน้าก็จะมีรอยของการหาย แต่ถ้าดูเทียบกับปีที่แล้วคงหล่อน้อยลง ถ้าดูในเชิงของโรคอันนี้คือผื่นที่หาย เริ่มแห้งแล้ว ตุ่มน้ำไม่มีแล้ว ในอนาคตสีมันก็จะกลืนไปเอง เพราะว่าพวกนี้มันเป็นแค่ตรงหนังกำพร้าตื้นๆ ไม่ได้ลึก แต่มันจะมีช่วงด่าง ซึ่งเป็นปกติของคนเอเชียเรา เพราะฉะนั้นเวลาผิวหนังอักเสบ มันจะด่างอยู่พักหนึ่ง เดี๋ยวมันจะจางไปเอง แต่ถ้าโดนแดดเยอะ มันก็อาจจะด่างนานหน่อย แต่ไม่เป็นแผลเป็นครับ”

 


 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"