"เสี่ยหนู" ฟิตจัด ระเบิดนโยบายกัญชา เดินทางเยี่ยมโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรก่อนนั่งเก้าอี้ รมว.สาธารณสุขเต็มตัว ยันไม่เอื้อทุนธุรกิจ "กอบศักดิ์" เผยเหลือเวลาแค่ 3 สัปดาห์ต้องร่างนโยบายรัฐบาลให้เสร็จ ยอมรับพรรคร่วมเยอะต้องคุยกันนาน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อติดโผรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ได้รับการต้อนรับจากภาคส่วนต่างๆ นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
นายอนุทินกล่าวว่า การลงมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินการใช้กัญชาทางการแพทย์ที่นี่ เพื่อหาองค์ความรู้ต่อการผลักดันการใช้ทางการแพทย์ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเห็นว่าการผลักดันเรื่องนี้จะอาศัยเพียงภาคการเมืองฝ่ายเดียวอาจไม่สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสถาบัน โรงพยาบาล อย่าง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค และย้ำว่ากัญชาเสรีที่พรรคภูมิใจไทยผลักดันคือเสรีเพื่อการแพทย์เป็นหลัก และจะไม่มีการเอื้อทุนธุรกิจใดๆ เด็ดขาด
ทั้งนี้ นายอนุทินรับฟังข้อมูล ติดตามดำเนินโครงการ "กัญชาอภัยภูเบศรโมเดล" การพัฒนาใช้กัญชาทางการแพทย์แบบครบวงจรทั้งระบบ ตั้งแต่การปลูก ที่สร้างพื้นที่ต้นแบบความร่วมมือกับชุมชนที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจปลูกและพัฒนากัญชาให้มีคุณภาพและความปลอดภัย เดินหน้าปลูกกัญชาสายพันธุ์ที่มีสาร THC เด่น และ CBD เด่น 16 ต้น ในระบบปิด ที่มีการควบคุมความชื้น อุณหภูมิและแสง ภายในตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีต้นทุนต่ำกว่าระบบปิดทั่วไปถึง 3 เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าถึงหรือเป็นแหล่งเพาะปลูกวัตถุดิบในอนาคต
สำหรับการเดินหน้าศึกษาสกัดสารสำคัญจากกัญชาในการรักษาโรค รวมถึงการสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ที่เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์นำร่องรักษาผู้ป่วยโรคลมชักและพาร์กินสันไปแล้วตั้งแต่สัปห์ดาที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายอนุทินได้หารือร่วมกับตัวแทนโรงพยาบาลที่เดินหน้าโครงการนี้ ถึงแนวทางการดำเนินการระยะสั้นและระยะยาว และการร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กร ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการใช้กัญชาทางการแพทย์ด้วย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หนึ่งในทีมทำงานร่างนโยบายรัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายรัฐบาลว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคได้ส่งนโยบายของแต่ละพรรคมาที่พรรคพลังประชารัฐแล้ว อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จะเตรียมรวบรวมนโยบายทั้งหมดเพื่อเขียนเป็นร่างนโยบายรัฐบาล โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.นี้ จะเชิญตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล มาหารือถึงการร่างนโยบาย
เขากล่าวว่า สำหรับนโยบายของพรรค พปชร.ที่คิดว่าจะสามารถทำได้ทันที และเราจะเสนอต่อที่ประชุม ได้แก่ 1.นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะนโยบายนี้ขึ้นกับกระทรวงการคลัง และสิ่งที่พรรคประชาธปัตย์เคยถูกถึงในช่วงหาเสียงว่า “บัตรนี้ใช้แล้วเจ้าสัวรวย” ตรงนี้อาจจะเป็นการพูดเชิงการเมืองเท่านั้น เพราะตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ที่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้ได้ก็มีสินค้าด้านการเกษตรและภูมิปัญญาชาวบ้านขายอยู่ นอกจากนี้ การรูดบัตรไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรูดบัตรอย่างเดียว เนื่องจากนี้ตอนนี้มีแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงไทยมาใช้ได้แล้ว ซึ่งจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ต่อไป
2.นโยบายพักหนี้เกษตรกร เพราะคิดว่าหลายพรรคการเมือง คนเห็นด้วยและไม่ต้องใช้งบประมาณมาก สามารถทำได้เลย เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 3.นโยบายมารดาประชารัฐ ที่จะได้ประมาณคนละ 180,000 บาท ซึ่งนโยบายนี้ช่วงหาเสียงพบว่ามีช่องโหว่ คือการไม่ได้จำกัดอายุผู้ที่จะมีบุตร ซึ่งในรายละเอียดจะต้องมีการระบุอายุว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะรับเงินตรงนี้ เพื่อป้องกันปัญหา “แม่วัยใส”
นายกอบศักดิ์กล่าวว่า นโยบายที่แต่ละพรรคการเมืองคล้ายกัน เช่น นโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่า รมว.สาธารณสุขจะเป็นคนดูแลเป็นหลัก โดยประสานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพรรค พปชร.มองว่าก็ควรเป็นนโยบายที่ควรขับเคลื่อนต่อไป ส่วนนโยบายที่มีแนวโน้มว่าจะต้องพูดคุยกันอย่างหนัก คือนโยบายเรื่องการเกษตร จากเดิมพรรคพปชร.เสนอให้ราคาข้าวเปลือกเจ้า ต้องได้รับเกิน 10,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิต้องได้เกิน 15,000 บาทต่อตัน และเพิ่มค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท ซึ่งนโยบายนี้เป็นงบที่ผูกพันธ์และต้องคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็ต้องมาผสมกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
โฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 400-425 บาท เป็นนโยบายที่พรรค พปชร.ใช้หาเสียงและยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน เพราะการขยับขึ้น 400-425 บาทในทีเดียวจะมีผลกระทบต่อภาคเอกชนแน่นอน พรรค พปชร.จึงจะเสนอให้ขึ้นค่าแรงในลักษณะเป็นขั้นบันได และทุกจังหวัดก็ไม่ใช่ว่าจะได้ค่าแรงเหมือนกัน ขึ้นกับทักษะ การประกอบอาชีพ ทั้งนี้ วิธีการขึ้นค่าแรงแบบขั้นบันได ก็จะใช้กับนโยบายค่าแรงของปริญญาตรีขั้นต่ำที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ 20,000 บาท/คน ส่วนผู้ที่จบอาชีวะ 18,000 บาท/คน
"ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ที่ต้องร่างนโยบายรัฐบาลให้เสร็จ ซึ่งพบว่าอุปสรรคสำคัญคือมีหลายพรรคร่วมรัฐบาล และต้องใช้เวลาคุยกันให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการอภิปรายในประเด็นเรื่องงบประมาณของพรรคฝ่ายค้าน ท้ายที่สุดก็เชื่อว่าจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ทันทีที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา" นายกอบศักดิ์กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน เพื่อพบปะเกษตรกร-กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ชาวสวนลำไย รับเรื่องแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อแก้ราคาพืชผลการเกษตรครบวงจร เพื่อทำงานเชิงรุกการแก้ไขปัญหาและยกระดับราคาพืชผลการเกษตร กลุ่มสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน โดยมีอดีตผู้สมัครและตัวแทนประชาธิปัตย์ ประสานงานภาคเกษตรเพื่อให้โอกาสเกษตรกรประชาชนได้เสนอแนวทางความคิดเห็น ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมีกลุ่มเกษตรกรอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงต้องการมายื่นหนังสือ
เขาเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมชาวสวนลำไยแล้ว ก็มาเพื่อรับฟังปัญหาและข้อเท็จจริงในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งจะได้เป็นข้อมูลที่จะนำไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวสวนลำไยในอนาคต จึงตั้งใจมาดูให้ครบวงจร ทั้งการปลูก แปรรูป และการส่งออก
เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการเตรียมก่อนเข้าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ นายจุรินทร์ ตอบว่า ยังไม่ขอพูดจนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ตอนนี้ขอมาในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อน ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน เพราะไม่มีผู้แทนมาหลายปี และขาดคนที่จะเข้ามาช่วยดูแลในพื้นที่หลายปี
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค.2562 ทีมเศรษฐกิจทันสมัย (New Economy) ปชป. นำโดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงาน รวมถึงนายอรรถ เหมวิจิตรพันธุ์, ดร.อักษรศรี พาณิชสาส์น, นางฮอลลี่ อัมระนันทน์, นายสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ และนายนาวี นาควัชระ ได้ลงพื้นที่อีสานประเดิมจังหวัดขอนแก่นพบสภาเกษตรกร เพื่อรับฟังปัญหาเกษตรกรภาพรวม ราคาสินค้าเกษตร พร้อมหาแนวทางบูรณาการโดยใช้กลไกของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่พรรคจะได้บริหารมาแก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน
ด้านนายปริญญ์เผยว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรในปัจจุบัน จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ไปกับการทำตลาด ซึ่งในระยะยาวจะช่วยเพิ่มราคาให้กับสินค้าเกษตร การลงพื้นที่มารับฟังปัญหาที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสภาเกษตรกร ต.ท่าพระ และการพบปะชุมชนสหกรณ์โคนม บ้านซำจาน ต.เขาค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ในครั้งนี้ ถือเป็นแนวทางในการที่จะนำไปปรับใช้ในทุกพื้นที่ การแก้ปัญหาเกี่ยวกับสินค้าเกษตรในปัจจุบัน ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด ไม่ใช่มุ่งที่จะขายสินค้าเพื่อป้อนตลาดเพียงอย่างเดียว ต้องเน้นการพัฒนาคุณภาพด้วย นอกจากจะทำให้ขายสินค้าได้ราคาเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้ด้วยเช่นกัน แนวทางทำงานของเราจึงเน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |