5 ก.ค.62 - ที่สำนักงานศาลยุติธรรม นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ตามที่ศาลฎีกาได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 3 คน โดยผู้สมัครต้องเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้ว ไม่น้อยกว่า 3 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 200 (1) โดยภายหลังปิดรับสมัครในวัน 16.30 น. ในวันนี้ มีผู้สมัครทั้งสิ้น 6 คน โดยมีรายชื่อดังนี้
1. นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา
2. นายทวีป ตันสวัสดิ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
3. นายวิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
4. นายจิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
5. นายปริญญา ดีผดุง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
6. นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ไป คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามจะส่งรายชื่อผู้สมัครไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกลั่นกรองตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามและความเหมาะสมของผู้สมัคร ภายหลังจากนั้นคณะกรรมการฯ จะส่งสำเนารายงานการตรวจสอบให้ผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่มีอำนาจหน้าที่เข้าประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ก่อนวันประชุมใหญ่ศาลฎีกาอย่างน้อยหนึ่งวัน ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะนัดประชุมเพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 ส.ค. 2562 โดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 คนแรก
และมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่มีอำนาจหน้าที่เข้าประชุมและลงมติ ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ถือเป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นศาลฎีกาจะได้เสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปยังวุฒิสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 12 วรรคแปด ต่อไป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อที่น่าสนใจได้เเก่ นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และอดีตกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ที่เคยถูกลงคะแนนถอดถอนจากตำแหน่ง ก.ต.ชั้นศาลฎีกา ซึ่งนายชำนาญยังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งและอาญากับกลุ่ม ก.ต., ผู้พิพากษา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเคยมีข้อพิพาทกรณีถูกข้อกล่าวหาแทรกแซงผู้พิพากษาศาลชั้นต้นของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างสืบพยานในคดีมรดก
นอกจากนี้ นายชำนาญยังเคยเป็นองค์คณะในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีสำคัญ เช่น อุทธรณ์คดีสลายม็อบ พธม.ปี 2551, เป็นเจ้าของสำนวนคดีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จที่ ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วย
ส่วนประวัติผู้สมัครอื่น อาทิ นายทวีป ตันสวัสดิ์ เคยดำรงตำแหน่งอดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 (อีสาน) ด้วย และยังเคยลงสมัครรับเลือกเป็น กกต.จากสายศาลเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
นายวิรุฬห์ แสงเทียน เคยดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา, ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา และอดีตองค์คณะที่ร่วมพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว-ระบายข้าว
นายจิรนิติ หะวานนท์ เคยเป็นเลขานุการศาลฎีกา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
และนายปริญญา ดีผดุง เคยดำรงตำแหน่งประธานแผนกคดีทรัพย์สินและการค้าระหว่างประเทศ และอดีตองค์คณะเสียงข้างน้อยคดีสลายม็อบ พธม.ปี 2551 ที่เห็นแย้งว่ากระบวนการขั้นตอนสลายม็อบด้วยการยิงแก๊สน้ำตานั้นมิชอบ
ทั้งนี้สำหรับการคัดเลือกดังกล่าวนั้น ก็มีระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 กำหนดรายละเอียดขั้นตอนไว้ในสาระสำคัญ เช่น ข้อ 9 การประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อลงคะแนนหรือผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีผู้พิพากษาเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่มีอำนาจหน้าที่เข้าประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จึงถือเป็นองค์ประชุม
ข้อ 10 การเลือกให้กระทำโดยเปิดเผย ด้วยการทำเครื่องหมายกากบาท (X) อย่างชัดเจน ลงหน้าชื่อ-สกุลของผู้ที่จะเลือกจำนวนไม่เกิน 3 คนหรือจำนวนเท่าที่ยังขาดอยู่ในบัตรเลือก ซึ่งบัตรจะระบุชื่อ-สกุล, ลำดับหมายเลขของผู้ลงคะแนนตามบัญชีอาวุโสในศาลฎีกา โดยให้นำบัตรเลือก ใส่ลงในหีบบัตรเลือกเพื่อนับคะแนน
ข้อ 11 การลงคะแนนเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 คนแรก ที่มีคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของผู้พิพากษาในศาลฎีกาจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามเกณฑ์นั้น หรือมีแต่ยังไม่ครบจำนวน (3 คน) ที่จะต้องคัดเลือก ก็ให้มีการลงคะแนน อีกครั้งหนึ่ง
ในกรณีที่การลงคะแนนครั้งหลังแล้ว ยังได้บุคคลไม่ครบตามจำนวนที่จะต้องคัดเลือกนั้น ก็ให้ดำเนินการคัดเลือกใหม่สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่
และกรณีที่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเท่ากันในลำดับใด ที่จะทำให้มีผู้ได้รับคัดเลือกเกิน 3 คนก็ให้มีการลงคะแนนใหม่อีกครั้งหนึ่งสำหรับผู้ได้รับคะแนนเท่ากัน หากส่วนนี้ลงคะแนนแล้วยังมีผู้ได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งเท่ากันอีก ก็ให้รองประธานศาลฎีกาที่มีอาวุโสสูงสุดที่อยู่ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จับสลากว่าผู้ที่ได้รับคะแนนเท่ากัน ผู้ใดเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก เพื่อให้ครบ 3 คน แต่ถ้าการลงคะแนนเลือกนี้หากไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งก็ให้ดำเนินการเลือกส่วนนี้ใหม่ (กรณีต้องเลือกคนที่มีเท่ากัน)
ข้อ 12 กรณีที่มีผู้สมัครไม่เกิน 3 คน (การคัดเลือกเพื่อไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องการคนที่มีคุณสมบัติพร้อมเหมาะสม 3 คน) ไม่ให้นำวิธีการลงคะแนนเลือกตามข้อ 11 มาใช้ แต่ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาลงคะแนนเลือกผู้สมัครทีละคน โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเกินครึ่งหนึ่ง ให้เป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนตามเกณฑ์นี้ หรือมีแต่ยังไม่ครบจำนวนที่ต้องให้เลือก ก็ให้ดำเนินการคัดเลือกใหม่ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 200 วรรคสอง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 8 วรรคสอง
อุดม สิทธิวิรัชธรร
จิรนิติ หะวานนท์
วิรุฬห์ แสงเทียน
ชำนาญ ระวิวรรณพงษ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |